ตอนที่ 3 แม่ย่าผู้น่าชิงชัง
“พี่หมิงดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ” สายหยุดถามไปอย่างนั้นแต่ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงพี่ชายเลยสักนิด เธอเดินเข้ามาก่อนตามด้วยคำก้อนผู้เป็นแม่ สายตาของแม่สามีจับจ้องไปที่ร่างอ้วนของลูกสะใภ้ด้วยความรังเกียจ และแปลกใจอยู่ในที ที่มาวันนี้ก็เผื่อจะได้ยินข่าวดีที่บอกว่านางสิ้นใจแล้วแต่ความจริงหาเป็นอย่างนั้นไม่
“แม่บัวฟื้นแล้วรึ” แม่สามีถามขึ้นน้ำเสียงไม่ใคร่ยินดีนัก
“เจ้าค่ะ” เธอยังคงนั่งนิ่งและจ้องตากลับอย่างไม่เกรงกลัวซ้ำหน้าตานางยังดูไม่อิดโรยด้วยซ้ำ
“ไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ตาย ๆ ไปให้รู้แล้วรู้รอด” น้ำเสียงกระแนะกระแหนของแม่สามีพูดขึ้นอย่างไม่รักษาน้ำใจ แต่บัวชมพูก็ยังนิ่งไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด เธอรู้ดีว่าแม่บัวคนก่อนทำให้ผู้คนรังเกียจไว้มากชื่อเสียงหล่อนที่ทำไว้มีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น
ร่างนี้ชื่อเดียวกับเธอเด๊ะเลย ดี จะได้ไม่สับสน นี่สินะแม่สามีและน้องสามีที่ไม่ค่อยชอบหน้าเธอนัก และแม่สามีตัวดียังเทียวหาเมียคนใหม่มาให้ลูกชายของตนอยู่เรื่อย ๆ ที่ขับไล่ไสส่งครอบครัวลูกชายคนโตออกมาอยู่ปลายนาเช่นนี้ก็เพราะรังเกียจลูกสะใภ้อย่างเธอ
โครก คราก เสียงท้องของบัวร้องประท้วงอย่างห้ามไม่ได้ มือลูบคลำท้องตัวเองเบา ๆ
“ข้าขอไปทำอาหารก่อนนะเจ้าคะ” บัวถือโอกาสปลีกตัวจากคนพวกนี้ พูดแล้วก็เดินออกไปยังห้องฝั่งตะวันตกทันที ไม่ทันเห็นสีหน้าของสามีและลูกที่ดูเปลี่ยนไป
“หึ นี่เมียเจ้ารู้จักทำกับข้าวกับปลาตั้งแต่เมื่อไรกัน” คำก้อนถามลูกชายแปลกใจที่ลูกสะใภ้รู้จักทำอาหาร ก่อนหน้ามีแต่สามีเท่านั้นที่เป็นคนทำ ไม่เว้นแม้แต่การเลี้ยงลูกทั้งสองของเขาด้วย
“ก็คงตั้งแต่ผัวพิการกระมัง” สายหยุดพูดแล้วสบตาพี่ชายเพียงเสียววินาทีก็ต้องหลบโดยเร็วเพราะพี่ชายกำลังมองกลับตาเขียว ก่อนหน้าสายหยุดถือเป็น้องรักของสมิง แต่หลังจากที่เขาอยู่กินกับบัวสายหยุดก็เป็นฝ่ายยุให้พ่อกับแม่รังเกียจเขากับภรรยาจนเขาต้องระเห็ดออกมาจากบ้านหลังเดิมตั้งแต่ลูกคนแรกยังแบเบาะแล้วมาสร้างกระท่อมหลังเล็ก ๆ อยู่ทุ่งนาแห่งนี้ ก่อนจะต่อเติมให้เรือนหลังใหญ่ขึ้นมาอีกนิดเพื่อให้ลูกทั้งสองคนอยู่สบายขึ้น
“ท่านแม่มีอะไรหรือขอรับ ถึงได้มาหาข้าถึงเรือน” สมิงไม่ได้ตอบแม่เพราะเขาก็เพิ่งเห็นนางขอไปทำอาหารเองก็วันนี้ ทุกครั้งที่แม่กับน้องสาวมาหาคือมาขอแบ่งข้าวปลาอาหาร แต่ครั้งนี้เขาคงไม่มีให้
“แม่แค่มาดูเจ้าเฉย ๆ” ความจริงนางมาดูว่าเมียของลูกชายสิ้นใจหรือยัง นางจะได้เตรียมลูกสะใภ้คนใหม่ไว้รอท่า ก่อนหน้าคำก้อนและสายหยุดก็เป็นคนพูดยุแยงตะแคงรั่วทองมีผู้เป็นสามีให้ไล่ลูกชายและลูกสะใภ้ออกมาอยู่กระท่อมแห่งนี้ และยังคอยตามมารังควานไม่หยุด
“ท่านแม่กลับไปเถอะ นางยังไม่ตาย” สมิงพูดดักทางผู้เป็นแม่เหมือนอ่านความคิดนางออก ถึงเขาจะไม่ได้รักเมียคนนี้แต่เขาก็ไม่อยากให้แม่หาใครมาให้ทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับนาง
“ท่านพี่ไม่คิดจะหาเมียใหม่หรือเจ้าคะ ถ้าท่านพี่ยังขืนอยู่กับยายอ้วนนี่มีหวังลูกสองคนต้องอดตายแน่” สายหยุดแนะพี่ชาย เธอไม่ได้หวังดีแต่ไม่อยากเห็นพี่สะใภ้ที่เธอไม่ชอบหน้าได้ดีกว่าเธอแค่นั้น เพราะแต่ก่อนพี่ชายของเธอเป็นฝ่ายทำมาหากินเพียงลำพัง เข้าป่าล่าสัตว์หรือแม้แต่ทำนาเขาก็ทำเองทั้งหมด ส่วนภรรยาแค่ขยับกายก็ยังขี้เกียจ แต่หลังจากที่เขาขาหักภาระทุกอย่างจึงตกเป็นของเมฆลูกชายคนโตที่ต้องหุงหาอาหารแทน ส่วนเมียนั้นก็นั่งชี้ไม้ชี้มือใช้อย่างเดียว
“ตอนนี้ใครจะเอาข้าล่ะ เจ้าก็พูดแปลก” สมิงพูดกับน้องน้ำเสียงขุ่นเคืองแล้วหันไปพูดกับแม่ต่อ “ท่านแม่กลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากพักผ่อน” เขาไล่แม่กับน้องสาวเป็นครั้งที่สอง ขาหักเดินไม่ได้เช่นนี้ใครเขาจะเอาไปเป็นผัว ใครจะอยากมีภาระ กินข้าวเองยังจะไม่ไหว
“อือ งั้นแม่กลับก่อนนะ ไว้แม่จะมาใหม่” คำก้อนและลูกสาวมีสีหน้าที่ไม่เต็มใจกลับนักเพราะวันนี้ดูท่าเขาสองคนจะไม่ได้ของกินติดไม้ติดมือติดกลับไปด้วย เพราะสมิงเดินไม่ได้เช่นนี้ย่อมไม่มีใครตำข้าวไว้ให้พวกหล่อน อีกทั้งหมูป่าและเนื้อเก้งที่พวกนางอยากกินก็จะไม่ได้กินอีกนานโข
ว่าแล้วสมิงก็เลื่อนกายลงนอนกับเสื่อที่ทำจากนุ่นโดยไม่มองหน้าแม่กับน้องสาวอีก รู้สึกอดสูในโชคชะตาตัวเองที่ต้องมานอนพิการอยู่แบบนี้
ลับร่างของย่ากับอาสาวเมฆจึงพูดขึ้นหลังจากนั่งนิ่งฟังผู้ใหญ่คุยกันมานาน
“ท่านพ่อ ยายอ้วนจะทำอะไรให้เรากินหรือขอรับ” เมื่อเช้าเมฆเพิ่งทำข้าวต้มเปล่า ๆ ใส่เกลือให้น้องสาวกับพ่อกิน ข้าวซ้อมมือที่พ่อตำไว้ก็เกือบหมด เกือบสัปดาห์แล้วที่พ่อของเขาทำอาหารอะไรไม่ได้ทุกคนจึงต้องทนกินกับข้าวที่เด็กวัยเก้าขวบทำให้กินก่อน และเมฆก็ทำได้แค่ข้าวต้มกับมันต้มแค่นั้น
เช้าวันนั้นก่อนเกิดเรื่องสมิงเข้าป่าไปล่าสัตว์และหาของป่า มีชาวบ้านวิ่งไปบอกเขาว่าภรรยาไล่ตีลูกทั้งสองอย่างเอาเป็นเอาตายเขาตกใจจึงรีบวิ่งลงมาจากภูเขา แต่เขากลับพลัดตกเขากลิ้งลงมากระแทกกับต้นไม้จนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองขาหักทั้งสองข้างและแขนข้างขวาก็อ่อนแรง
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าอยากรู้ก็ลองเดินไปดูสิ” ผู้เป็นพ่อบอกลูกชาย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอะไรได้ เพราะข้าวสารที่มีอยู่ก็มีเพียงนิดเดียว อีกอย่างนางไม่เคยทำอาหาร ทำมาจะกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“ไม่เอา ข้ากลัวยายอ้วนตี” ว่าจบก็นอนลงข้างพ่อไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปทางครัวแม้แต่ก้าวเดียว เด็กทั้งสองขยาดกับแม่คนนี้นัก