ตอนที่ 2 ยายอ้วนฟื้นแล้ว
“พวกเจ้าไปดูให้พ่อที” สมิงบอกลูกเมื่อเห็นทั้งสองยังนั่งเกี่ยงกันอิดออด
“พี่เมฆไปดูคนเดียวได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวยายอ้วนนั่น” น้องสาวบอกพี่ชายแล้วทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ เมื่อนึกถึงแม่ใจมารที่ถือไม้วิ่งไล่ตีลูก
“ข้าก็กลัวเช่นกัน เจ้าไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยเถอะ” เมฆส่งสายตาอ้อนวอนให้น้องสาว
“เอาล่ะ ๆ เจ้าสองคนไปดูพร้อมกันจะได้รู้ว่านางฟื้นจริงหรือไม่ หากนางฟื้นขึ้นมาจริงก็คงยังไม่มีเรี่ยวแรงตีพวกเจ้าดอก” สมิงบอกลูกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางลื่นล้มเพราะวิ่งไล่ตีลูกเจ็บขนาดนี้คงยังไม่มีแรงลุกขึ้นมาตีพวกเขาได้
ทั้งสองยังทำท่าทางหวาดหวั่น กำลังจะยันกายลุกขึ้น หญิงตัวอ้วนก็โผล่เข้ามาพอดี ภายในห้องนี้พื้นดีกว่าฝั่งห้องครัวเพราะยังปูด้วยแผ่นไม้ ถึงจะไม่เรียบมากแต่ก็แข็งแรงกว่า
สายตาเธอไล่มองใบหน้าของบุคคลทั้งสามตรงหน้า ดวงตาทุกคู่มองมาที่เธอทั้งหมด
“ยายอ้วน!” ลูกทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจแล้วไถลตัวเข้าไปนั่งเกาะแขนพ่อคนละข้างไว้ดังเดิม
บัวชมพูไม่ได้สนใจสรรพนามที่เด็กทั้งสองเรียกและนัยน์ตาเบิกโพลงมากกว่าปกติของคนที่เป็นสามี หลังจากที่ความทรงจำเก่าของร่างเดิมกลับคืนมา แววตาเขาดูไม่เป็นมิตรนัก เธอแค่อยากได้กระจกเพื่อยืนยันว่าเธอย้อนมาในอดีตเหมือนนิยายจีนโบราณที่เคยอ่านมาจริง ๆ แค่นั้น เธอจะได้ทำใจและหาวิธีรับมือกับสถานณ์นี้ต่อไป
“ฉันอยากได้กระจก” บัวชมพูเปล่งเสียงนุ่มนวลออกมาอย่างลืมตัว
พ่อลูกทั้งสามยังมองเธอนิ่งเหมือนชั่งใจ ไม่อยากจะเชื่อหญิงผู้นี้ไม่โวยวายแถมยังดูสงบลงกว่าเดิมหลายเท่า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาต้องการแถมน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปนั่นอีก
“ฉัน?…กระจก?” สมิงเอียงคอถามภรรยาอีกครั้งแววตาดูหงุดหงิดเมื่อเห็นภรรยาที่เขาเกลียดชังฟื้นขึ้นมา นางพูดภาษาอะไรของนาง สิ้นสติไปแค่ไม่กี่วันทำเป็นลืมภาษาเดิมไปได้
บัวชมพูนิ่งไปสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ้อ ข้าหมายถึง…แว่น ข้าอยากส่องแว่นว่าหน้าของข้ามันเสียโฉมตรงไหนบ้างหรือเปล่า” เกือบไปแล้วที่นี่เขาไม่ได้แทนตัวเองว่าฉันสักหน่อยอีกอย่างกระจกเขาก็ไม่เรียกกัน
ลูกสองคนหันมองหน้าพ่อเหมือนกำลังจะบอกว่าเขาคือบัวคนเดิมนั่นแหละถ้าพูดยอตัวเองแบบนี้ไม่มีผิดตัวผิดฝาแน่
“วางอยู่บนหีบนั่นไง เก็บเองแท้ ๆ ยังจะมาถามผู้อื่น” ว่าพลางดึงสายตาไปที่หีบใบเก่าที่วางอยู่ข้างผนังใกล้กลับห้องพระ บัวชมพูจึงฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันออกมา สามพ่อลูกที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ตกใจกันไปใหญ่ที่เห็นเธอยิ้มสวยเป็นครั้งแรก
บัวชมพูเดินไปที่หีบแล้วหยิบกระจกบานเล็กลายโบราณขึ้นมาส่องถึงจะเห็นเพียงแค่ใบหน้าแต่เธอก็จับกระจกหมุนไปจนรอบกาย จึงรู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่นจริง ๆ ยิงฟันใส่กระจกทั้งดำทั้งแดงจากการกินหมากแล้วก็ต้องหุบยิ้มทันที ยิ่งเห็นอาภรณ์ที่สวมใส่ก็ถึงกับเข่าอ่อน เสื้อคอกระเช้าสมัยคุณทวดกับผ้าซิ่นทอมือผืนเก่าที่ส่งกลิ่นอับขึ้นมาโชยเข้าจมูก ไหนจะผมที่กระเซอะกระเซิงที่มองดูลูกตายังเหนียว นี่หรือคือการดูแลตนของผู้หญิงวัยยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของร่างเดิมแก่กว่าเธอเพียงแค่สามปี แต่ตอนนี้เหมือนเธอจะเห็นผู้หญิงอายุสามสิบปลายก็ไม่ปาน แม้สามีอายุสามสิบแล้วยังดูดีกว่าร่างนี้หลายเท่า
“เฮ้อ!” ร่างอวบใหญ่ทรุดกายนั่งลงข้าง ๆ หีบเก่าหันหน้าเข้าข้างฝาผนังบ้าน
ไม่ได้ เธอจะร้องไห้ไม่ได้ ผู้ชายคนนี้และลูก ๆ ทั้งสองในความทรงจำพวกเขาเกลียดเธอ เธอจะอ่อนแอให้เขาเห็นไม่ได้
ทันใดนั้นเสียงเล็กแหลมก็แผดเสียงตะโกนมาจากหน้าบ้าน
“พี่หมิง!” เขาละสายตาจากภรรยาที่นั่งนิ่งอยู่ข้างหีบเสื้อผ้าและหันไปมองทางประตูห้อง เขารู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใครและสมิงก็ไม่ใคร่อยากจะได้ยินมันนัก เสียงน้องสาวคนเล็กซึ่งเป็นลูกคนที่สี่ ไม่สิความจริงหล่อนต้องเป็นคนที่เก้า เพียงแต่ลูกหลายคนของแม่ตายไปตั้งแต่ยังเด็กจนเหลือเพียงแค่สี่คนเท่านั้น
บัวชมพูที่ได้ยินเสียงก็หลับตาขับไล่หยดน้ำตาที่กำลังจะไหลรินกลับคืนไปแล้วหันหน้ามายังประตูเตรียมรับแขกที่กำลังจะมาเยือน