บทที่ 4 ป้าใจดี
บทที่ 4 ป้าใจดี
ทั้งสามจึงพากันเดินไปนั่งที่นั่นก่อน หลิวหลิวเริ่มครุ่นคิดคืนนี้เธอจะพาน้องของเธอไปนอนที่ไหนกันดี เธอถูกขับไล่ออกแม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ให้เธอติดตัวมาเงินสักหยวนก็ไม่มี เธอเริ่มเป็นกังวลคิดไม่ตกจนกระทั่งเจ้าของร้านค้าออกมาจากร้านเพื่อเอาขยะมาทิ้งเห็นเด็กทั้งสามที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ นั่งอยู่หน้าร้านด้วยใบหน้าเศร้าหมอง แม้เขาจะรู้ว่าตั้งแต่พ่อกับแม่ของพวกเธอจากไปถูกป้ารังแกแต่ไม่เคยเห็นทั้งสามพี่น้องมานั่งที่นี่ในยามกลางคืนสักครั้ง
“ชิงฮวาเธอพาน้อง ๆ มานั่งทำอะไรที่นี่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วพาน้อง ๆ เข้าบ้านเถอะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นเธอพอได้เห็นในซีรี่ย์แม้ว่าหญิงคนนี้จะโผล่มาเพียงไม่กี่ฉากแต่เธอก็จำได้ดี
“ป้ามิ่งจูฉันกับน้องขอนั่งอยู่ที่นี่สักครู่เถอะนะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อยค่ะ”
“มีเรื่องอะไรอีกหรือว่าเธอทะเลาะกับซิ่งเจี่ยวอีกแล้ว โธ่ ๆ น่าสงสารจริง ๆ ทำไมป้าของเธอต้องใจร้ายกับเธอด้วย”
“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นเพราะป้าอยากได้สมบัติของคุณพ่อคุณแม่มั่งคะตอนนี้ฉันไม่มีที่ไป ฉันกับน้อง ๆ ถูกขับไล่ออกจากบ้านเพราะฉันทนไม่ไหวต่อปากต่อคำกับป้า ทำให้เธอโมโมจนขับไล่เราออกจากบ้าน”
“ห่ะ! อะไรนะนี่มันจะเกินไปแล้วนะ นั่นมันเป็นบ้านของเธอแท้ ๆ แล้วเธอจะพาน้อง ๆ ไปนอนไหนกัน”
“ฉันยังคิดไม่ออกเลยค่ะ เงินสักหยวนก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวเดียวยังเอาออกมาไม่ได้” ชิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทำไมถึงได้รันทดเช่นนี้ ถึงตอนนี้มีมิติห้างแล้วอย่างไร? ถ้าจะเอาของมาขายตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ป้ามิ่งจูเห็นเด็ก ๆ เธอเกิดความสงสารจึงเอ่ยปากให้ทั้งสามไปนอนที่บ้านของเธอ
“เอาอย่างนี้มั้ยเธอพาน้อง ๆ ไปนอนที่บ้านฉันก่อนจะเอาอย่างไรพรุ่งนี้เช้าค่อยคิดก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจเราะฉันสงสารเด็ก ๆ ดูสิคงจะง่วงแล้ว” หลิวหลิวได้ยินราวกับว่าไฟส่องสว่างออกมาในวันที่มืดมน
“ขอบคุณนะคะป้ามิ่งจู เด็ก ๆ รีบขอบคุณป้าเสียสิ” น้อง ๆ รีบลุกขึ้นขอบคุณอย่างที่ชิงฮวาทำ บ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากนี้ ส่วนร้านนี้ในตอนนี้คืนจะปิดไม่ได้เปิดทั้งคืน เมื่อเก็บร้านเสร็จเธอพาเด็กๆ กลับไปที่บ้านและให้ไปนอนพักที่ห้องรับแขกของบ้าน
ค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาวเด็ก ๆ เข้านอนและหลับไปแล้วส่วนหลิวหลิวยังคิดไม่ออกจะเอาอย่างไรต่อไปดี เธอออกมาตากลมนอกบ้านเพื่อครุ่นคิด
“ฉันจะทำอย่างไรให้ชีวิตอยู่รอดไปได้นะ ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวยังมีน้องให้ต้องดูแล อื้มม..ฉันมีมิติห้างมีของมากมายหรือว่าจะขายของดี แต่ฉันจะขายอย่างไรล่ะในเมื่อของในมิติกับตอนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย” หลิวหลิวบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ป้ามิ่งจูที่เห็นเธอยืนจ้องมองท้องฟ้าอยู่นานไม่เข้านอนจึงเดินออกไปหา
“คิดอะไรอยู่หรือ ฉันคิดว่าเธอนอนไปแล้วเสียอีกหรือว่าคิดเรื่องที่อยู่”
“ใช่ค่ะป้ามิ่งจู ฉันคิดไม่ตกเลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
“ชีวิตเธอช่างน่าสงสารแล้วเรื่องบ้านของเธอจะทำอย่างไรต่อไป จะปล่อยให้ป้าของเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายท่ามกลางความทุกข์ยากอยู่อย่างนี้เหรอ ไปแจ้งความดีมั้ย”
“เรื่องบ้านฉันไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ วันหนึ่งฉันจะต้องเอาคืนมาให้ได้แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีความกล้า เพราะต้าหลงข่มขู่เอาไว้และฉันคิดว่าเขาคงทำอย่างที่พูดจริง ๆ ส่วนเรื่องแจ้งความฉันคิดว่าตำรวจคงไม่ทำอะไรให้คนที่ไม่มีเงินอย่างฉันหรอกนะ และมีเป็นเรื่องครอบครัวคงคิดว่าเป็นการทะเลาะกันเท่านั้น” ชิงฮวาพูดอย่างหมดหนทางเธอยกมือทาบอกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อคิดหาหนทางใหม่แต่แล้วมือของเธอก็ไปแตะเอาสร้อยคอที่เธอสวมใส่อยู่ ตอนนั้นนั่นเองเธอก็รีบปลดสร้อยออกมาดูเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอเริ่มปรากฏบนใบหน้า
“ป้ามิ่งจูสร้อยเส้นนี้หากฉันเอาไปขายจะได้เท่าไหร่คะ”
“สร้อยเส้นนี้ทำมาจากพลอยแท้น่าจะมีราคามากพอสมควรเธอจะเอาไปขายหรือ? นี่มันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เธอมีติดตัวนะ”
“ถึงแม้จะเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ถ้าตอนนี้สมบัติชิ้นนี้ที่คุณพ่อให้ไว้สามารถทำให้ชีวิตของฉันกับน้อง ๆ เดินต่อไปได้ฉันเชื่อว่าคุณพ่อคงไม่ว่าอะไร”
“เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวป้าจะเป็นคนซื้อเอาไว้เอง ถ้าวันไหนเธอมีเงินแล้วค่อยมาซื้อคืน ที่ป้าช่วยเพราะสงสารและเห็นเธอกับน้อง ๆ มาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เธอจะเอาเงินไปทำอะไรเอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันตอนนี้ดึกมากแล้วไปพักผ่อนเถอะนะ” หลิวหลิวดีใจมาก ๆ อย่างน้อยในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่ได้พบเจอกับป้ามิ่งจูอย่างนี้
“ขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะบุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมตลอดชีวิตและฉันจะชดใช้คืนค่ะ” มิ่งจูเองก็ไม่ได้ชอบซิ่นเจี่ยวที่อยากได้ของ ๆ คนอื่นและเธอเป็นคนที่มีความยุติธรรมและเป็นคนดีมาก ๆ เมื่อเห็นชิงฮวามาตั้งแต่เด็กวันนี้เธอตกระกำลำบากยากนักที่เธอจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย
ชิงฮวานอนคิดทั้งคืนจนเผลอหลับไปเธอคิดได้แล้วว่าเธอจะทำอะไรต่อไปจากนี้ เธอจะนำเงินจากป้ามิ่งจูไปหาเช่าบ้านสองชั้นที่มีด้านล่างโล่ง เธอจะนำของในมิติมาใช้ให้คุ้มค่าและหาเงินจากมันเพื่อดำรงชีวิตต่อจากนี้ เธอจึงคิดจะทำให้สิ่งที่ตัวเองชอบกินมาทำขาย
รุ่งเช้าวันต่อมา
ชิงฮวาตื่นแต่เช้าเพื่อนำเรื่องที่เธอคิดไว้ทั้งคืนไปพูดคุยกับป้ามิ่งจู เธอเห็นด้วยและนำเงินมาให้ชิงฮวามิหนำซ้ำยังใจดีพาเธอเดินทางหาบ้านที่เธอต้องการอีกด้วย
ทั้งสี่คนเดินทางหาบ้านจนมาเห็นบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านของสกุลไป๋มากกว่าสิบกิโลพอทำให้เธอไม่ต้องพบเจอกับป้าซิ่นเจี่ยวและลูก ๆ ของเธออีก
“บ้านหลังนี้น่าจะถูกใจแล้วใช่มั้ยมีสองชั้นตามที่ต้องการ จริงสิได้ยินว่าอีกไม่นานที่ใกล้ ๆ จะมีการก่อสร้างโรงแรมด้วยล่ะถ้าเธอคิดจะทำการค้าขายนับว่าที่ตรงนี้สมควรทีเดียว”
“ต้องขอบคุณป้ามิ่งจูมาก ๆ นะคะที่พาฉันตามหาเช่าบ้านจนมาเจอบ้านหลังนี้”
“ไม่ต้องคิดมาก ป้าเห็นหนูชิงฮวาเหมือนลูกเหมือนหลานในเมื่อได้บ้านที่ต้องการแล้ว ก็จงสู้ต่อไปและทวงความยุติธรรมให้ตัวเองให้ได้ป้าเอาใจช่วยส่วนเรื่องสร้อยนั้นมีเงินพอเมื่อไหร่ไปซื้อคืนได้เสมอ ป้าไม่คิดกำไรเพิ่มหรอกนะว่าแต่หนูชิงฮวาจะเปิดร้านขายอะไรรึ”
“ฉันจะเปิดร้านขายซุปหมาล่าค่ะ น้ำซุปเผ็ดร้อนน้ำจิ้มอร่อย ๆ เมื่อเนื้อจิ้มน้ำจิ้มเข้าปากเคี้ยวความอร่อยความเผ็ดชาของน้ำซุปจะทำลิ้นของเรารับรู้ถึงความอร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลยค่ะ"
“หมาล่าอย่างนั้นหรือ? ชื่อแปลกดีแต่พอฟังเธออธิบายออกมาแล้วน่ากินน่าดู”
“เอาไว้เมื่อไหร่ที่ฉันตั้งร้านเสร็จจะเชิญชวนป้ามาชิมเป็นคนแรกเลยค่ะ”
“เอาล่ะ เอาล่ะเมื่อได้บ้านแล้วป้าขอตัวไปที่ร้านก่อนนะ เอาไว้วันหน้าจะมาหาใหม่ขาดเหลืออะไรบอกได้เสมอนะ”
“ขอบคุณนะคะ" หลังจากที่ป้ามิ่งจูพาเดินหาบ้านเช่าและทำการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านให้เธอเป็นเวลาสามเดือนเธอก็ขอตัวกลับ
ตอนนี้เด็ก ๆ ตื่นเต้นไม่น้อยวิ่งดูไปทั่วชั้นบนที่หลิวหลิวจะทำเป็นห้องนอนส่วนด้านล่างเธอจะทำเป็นร้านอาหารเธอกับน้อง ๆ ช่วยกันทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนกลางวันท้องน้อย ๆ ของเด็ก ๆ ได้ดังขึ้น
“โคร้กกก!!.
“หิวกันแล้วสินะ"
“ใช่ครับ เรากินข้าวเช้าที่บ้านป้ามิ่งจูมานานแล้ว”
“ใช่ค่ะวันนี้เราใช้แรงไปเยอะด้วยว่าแต่พี่ชิงฮวาไม่มีเงินแล้วเราจะกินอะไรกันคะ ข้าวสารเราก็ไม่มีตอนนี้หนูหิวมาก ๆ เลย” ชิงหนี่ว์ทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วยความหิว เพราะรู้ดีว่าตอนนี้พี่ของเธอไม่มีเงินสักหยวนบ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่ก้อนแป้ง
“ไม่ต้องห่วงพี่บอกแล้วไงว่าไม่ให้เราอดอยากอีกต่อไป ไปล้างไม้ล้างมือแล้วรอพี่อยู่ตรงโต๊ะนี่นะ พี่จะไปนำอาหารมาให้รับรองอร่อยอย่างไม่เคยกินมาก่อนเลยล่ะ” เด็ก ๆ ตาลุกวาวรีบเดินไปล้างมือตามที่หลิวหลิวบอกเธอเดินขึ้นไปชั้นบนลูบปานที่แขนเบา ๆ มิติห้างถูกเปิดออกต่อหน้า เธอเข้าไปหยิบของกินของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ในตอนนี้ออกมาจนเห็นว่าสมควรแล้ว และลูบแขนเบา ๆ เพื่อปิดมิติห้างอีกครั้ง
น้อง ๆ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อไม่นานหลิวหลิวเดินลงมาพร้อมถาดที่มีอาหารเต็มไปหมดไม้ว่าจะเป็นเป็ดย่าง ปลาทอดหรือแม้แต่น้ำซุปที่กลิ่นหอมโหยออกมา และยังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังมีขนมกับผลไม้อีกมากมายด้วย
“ว๊าววว!! มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย พี่ชิงฮวาไปหามาจากไหนกันครับ”
“พี่หาของพวกนี้ได้ไม่ยากหรอกนะ ต่อจากนี้ทั้งชิงเทียนชิงหนี่ว์จะมีแต่ของดี ๆ มีประโยชน์ได้กินในทุกวัน เอาล่ะมากินข้าวกันเถอะ” ทั้งสองยิ้มแก้มปริทันทีที่อาหารถูกวางลงบนโต๊ะทั้งสองไม่รอช้ารีบลิ้มลองอาหารอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะถูกป้าต่อว่าอีกต่อไป