บทที่1 ชีวิตบัดซบ
“ มารดามันเถอะ“
จีจี้สบถด่าเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องด่าเพราะว่าจีจี้วัยยี่สิบหกปีซึ่งเป็นนักฆ่าในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดทำภารกิจพลาดโดนระเบิดเสียชีวิต
ฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของอนุหลินวัยสิบห้าปี เจ้าของร่างเดิมมีชื่อว่าหลินฮวาอายุสิบห้าปี เคยเป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูจางซูเม่ย หลินฮวาติดตามคุณหนูจางซูเม่ยเข้าตระกูลลู่เมื่อสองปีก่อน
เมื่อปีที่แล้วหลังจากได้รู้ว่า บ้านเดิมของคุณหนูจางซูเม่ยที่ตอนนี้เป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพลู่ตงหยาง
ถูกประหารทั้งตระกูลบ่าวไพร่ก็ไม่เว้นด้วยข้อหากบฏ เจ้าของร่างเดิมเกิดความมักใหญ่ใฝ่สูง
เพราะฮูหยินเอกไม่มีบ้านเดิมหนุนหลัง จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเกรงกลัวอีกต่อไป หลินฮวาในวัยสิบสี่ปีจึงปีนเตียงแม่ทัพลู่ตงหยาง
หลังปีนเตียงแม่ทัพลู่สำเร็จเจ้าของร่างเดิมได้เป็นอนุของแม่ทัพลู่ตงหยาง จางซูเม่ยเสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้และเพราะเป็นคนมีจิตใจดีมีเมตตา เมื่อสาวใช้ของตนเองได้เป็นอนุของสามีนางจึงคืนสัญญาทาสให้กับเจ้าของร่างเดิม
หลังจากนั้นไม่กี่วันแม่ทัพลู่ตงหยางต้องไปชายแดนเพื่อรบกับแคว้นจ้าว
หกเดือนต่อมาแม่ทัพลู่ตงหยางชนะศึกกลับมาแต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียวเขานำสาวงามกลับมาด้วย
วันต่อมาแม่ทัพลู่แต่งสาวงามนามว่าฉู่ลี่อินเป็นฮูหยินรองเข้าจวนแม่ทัพโดยไม่สนใจว่าจางซูเม่ยจะเสียใจรึไม่
แน่นอนว่าจางซูเม่ยเสียใจแต่เพราะหลักสามคล้อยตามสี่คุณธรรม จึงทำให้นางไม่กล้าปริปากและเพราะรู้ว่าตนเองไม่มีบ้านเดิมหนุนหลังจึงได้แต่แอบร้องไห้เงียบๆ
ฉู่ลี่อินเป็นสาวงามบอบบางน่าทะนุถนอมสามเดือนที่ผ่านมานอกจากวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าที่แม่ทัพลู่ต้องนอนกับฮูหยินเอกตามธรรมเนียมปฏิบัติ แม่ทัพลู่จะนอนที่เรือนของฮูหยินรองทุกคืนสร้างความอิจฉาริษยาให้แก่หลินฮวายิ่งนัก
จีจี้ทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้วก็ได้แต่สบถด่าเบาๆ เจ้าของร่างเดิมนี่เลวจริงๆ
ตอนจางซูเม่ยแปดปีเห็นหลินฮวาในวัยหกปีกำลังลุงแท้ๆนำมาขายให้หอนางโลม
ช่วงจังหวะที่รถม้าของจวนตระกูลจางผ่านหน้าหอนางโลม จางซูเม่ยได้ยินเสียงร้องไห้จึงเปิดม่านดูเห็นเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ลั่นขอร้องชายวัยกลางคนว่า
“ ฮือๆท่านลุงอย่าขายข้าต่อไปนี้ข้าจะกินให้น้อยลงและช่วยท่านลุงทำนาอย่าขายข้าเลยนะเจ้าคะ”
ชายวัยกลางคนไม่สนใจยืนกรานจะขายเด็กน้อย จางซูเม่ยจึงดึงชายเสื้อมารดาฮูหยินจางพยักหน้าแล้วเอ่ยบอกคนขับรถม้าให้หยุดรถ
สาวใช้ของฮูหยินจางลงจากรถม้า ไปขอซื้อหลินฮวาในราคาสิบตำลึงเงิน ชายวัยกลางคนเห็นว่าราคามากกว่าหอนางโลมถึงสองตำลึงเงินจะยอมตกลงขาย
หลังเซ็นสัญญาทาสเรียบร้อยตั้งแต่วันนั้นหลินฮวาจึงเป็นสาวใช้ส่วนตัวของจางซูเม่ย
จางซูเม่ยเป็นคนมีจิตใจดี นางมักจะนำเสื้อผ้าเครื่องประดับของนางที่ใส่ครั้งเดียวบางครั้งยังไม่ได้ใส่ด้วยซ้ำยกให้เจ้าของร่างเดิม จางซูเม่ยเรียนหนังสือ,วาดภาพ, ดีดพิน,ปักผ้า,กู่เฉิงนางก็ให้หลินฮวาเรียนด้วย
เมื่อแต่งเข้าจวนแม่ทัพจางซูเม่ยยังนำเจ้าของร่างติดตามมาด้วย จริงอยู่ว่าถ้าเจ้านายอนุญาตสาวใช้ส่วนตัวที่ติดตามมาจะแบ่งเบาภาระเจ้านายคอยช่วยเจัานายปรนนิบัติสามีเวลาเจ้านายตั้งครรภ์ แต่นี่หลินฮวายังไม่ถึงวัยปักปิ่นก็ปีนเตียงแม่ทัพลู่เสียแล้ว
มิหนำซ้ำเมื่อวานยังยืนดูฮูหยินรองใส่ร้ายว่า จางซูเม่ยคบชู้ลักลอบหลับนอนกับบ่าวชายในเรือนจนตั้งครรภ์
ทั้งๆทีรู้ว่าเป็นแผนการของฮูหยินรองแต่หลินฮวาก็ไม่พูดอะไรซ้ำยังรู้สึกสมน้ำหน้าที่จางซูเม่ยโง่เขลาและอ่อนแอ
ขณะกำลังสะใจในความโง่เขลาของจางซูเม่ย ที่ตกลงไปในแผนการร้ายของฮูหยินรอง เจ้าของร่างเดิมก็ลื่นล้มหัวฟาดก้อนหินสลบไป
หมอในเรือนมาตรวจแล้วส่ายหัว บอกว่าถ้าพ้นคืนนี้ไปได้จึงจะรอดแต่อนิจจาเจ้าของร่างสิ้นใจตายกลางดึก และมีจีจี้ที่มาสิงร่างฟื้นขึ้นมาแทน
หลังจากที่จีจี้ตั้งสติได้และรับรู้ได้ว่าตนเองไม่สามารถกลับไปยังร่างของตนเองได้แล้ว เพราะร่างแหลกละเอียดด้วยแรงระเบิด จีจี้จึงต้องอยู่ในโลกไปนี้ต่อไปในนามของหลินฮวา
จีจี้ซึ่งรู้สึกสงสารชีวิตบัดซบของจางซูเม่ยยิ่งนัก บ้านเดิมโดนประหารตายหมดไม่เหลือ สาวใช้ที่ไว้ใจก็ปีนเตียงสามีของตนเอง
สามีไปรบก็นำภรรยากับมาอีกคน หนำซำยังถูกจัดฉากว่าสวมหมวกเขียว(มีชู้,สวมเขา)ให้สามีจนตั้งครรภ์ลูกของชายชู้อีกด้วย
เมื่อวานเจ้าของร่างเห็นกับตาว่าจางซูเม่ยน่าจะถูกวางยาสลบ นางเห็นจางซูเม่ยถูกสาวใช้ร่างใหญ่ของฮูหยินรอง อุ้มจางซูเม่ยไปที่เรือนท้ายจวน
จัดฉากให้นอนกอดบ่าวเลี้ยงม้าในจวน เจ้าของร่างแอบดูเห็นทุกอย่างแต่ไม่ช่วย
สาวใช้อีกคนที่รับค่าจ้างจากฮูหยินรองแกล้งทำทีไปทำความสะอาดเรือนท้ายจวนแล้วเจอฮูหยินเอกสวมแต่เสื้อตัวในส่วนเสื้อตัวนอกถูกถอดออกตกอยู่ที่พื้น
บ่าวชายไม่ใส่เสื้อนอนกอดฮูหยินเอกหลับอยู่ เสียงกรีดร้องของสาวใช้ดังจนบ่าวคนอื่นๆมามุงดู พ่อบ้านรู้ข่าวจึงไปตามท่านแม่ทัพลู่ที่อยู่เรือนฮูหยินรองให้ไปดู
ตอนแม่ทัพลู่ไปถึงจางซูเม่ยฟื้นจากยาสลบพอดีน้ำตาไหลอาบสองแก้มพูดแต่ว่า
” ข้าไม่รู้เรื่องข้าไม่ได้ทำ “
แม่ทัพลู่ตงหยางโกธรมากสั่งโบยบ่าวชายจนตาย แล้วให้ขังจางซูเม่ยไว้ในห้องเก็บฟืนรอให้นางรับสารภาพ
จีจี้คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจางซูเม่ยอาจถูกโบยจนตายรึไม่ก็ถูกหย่า จีจี้จึงตรวจดูทรัพย์สินเงินทองของตนเองตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
พบว่ามีตั๋วเงินอยู่หนึ่งร้อยตำลึงเงินที่แม่ทัพลู่ให้มาตอนมาค้างที่เรือนของหลินฮวาก่อนไปรบ และเจ้าของร่างยังมีเครื่องประดับอยู่นิดหน่อยที่แม่ทัพลู่ซื้อให้
การที่เจ้าของร่างเดิมเคยเป็นสาวใช้ทำให้รู้ราคาข้าวของจีจี้คิดว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินสามารถอยู่แบบประหยัดได้หลายปี
หลินฮวาเก็บตั๋วเงินไว้ในอกเสื้อ(ต่อจากนี้จะเรียกจีจี้ว่าหลินฮวานะคะ)เก็บเสื้อผ้าสามสี่ชุดรวมถึงเครื่องประดับใส่ห่อผ้า
จางซูเม่ยร้องไห้จนตาบวม นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตนเองถึงไปนอนกอดกันกับบ่าวเลี้ยงม้า นางไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป
นางกลัววันนี้สามีของนางเขาเหมือนจะฆ่านางเขาบีบคอนางจนนางหายใจไม่ออกเขาถึงยอมปล่อย
*1ตำลึงเงินเท่ากับ1,000อีแปะ
*10ตำลึงเงินเท่ากับ1ตำลึงทอง
*3คล้อยตามคือยังไม่ออกเรือนคล้อยตามบิดา ออกเรือนแล้วคล้อยตามสามี สามีถึงแก่กรรมคล้อยตามบุตรชาย
*4คุณธรรมคือ มีกริยามารยาทเพียบพร้อม พูดจาอ่อนหวาน รูปร่างหน้าตาสะอาด การบ้านการเรือนไม่ขาด