บทที่ 3 ถูกกล่าวหา 3/2
“หืม...ไอ้พวกบ้านใหญ่มาอีกแล้วเหรอ คราวนี้คงคิดจะมาแย่งของอีกแล้วละสิ เชอะ ไม่มีทางเสียหรอก”
แค่ได้ยินเสียงประโยคแรกเด็กสาวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของนางหวังหลินภรรยาของลุงใหญ่ เหตุผลที่พวกบ้านใหญ่มาที่บ้านรองมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก หนึ่งคือมาเอาของ สองมาเอาเงิน สามมาเพราะต้องการหาเรื่องรังแกบ้านรอง เพราะฉะนั้นแล้วครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้ป้าสะใภ้ได้อะไรไปเด็ดขาด ถ้าอยากจะลองดีก็เข้ามา
“นังอ้ายเหม่ย ฉันบอกให้แกออกมา ไม่ได้ยินหรือไง ฉันตะโกนจนปากจะฉีกอยู่แล้วนะ” นางหวังหลินพูดอย่างโมโห หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ
เว่ยอ้ายเหม่ยเดินออกมาที่ประตูหน้าบ้านก็เห็นนางหวังหลินกับเว่ยอวิ๋นรุ่ยยืนอยู่หน้าบ้าน จึงสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบว่า “แล้วจะตะโกนให้ปากฉีกทำไมล่ะ กลัวคนเขาไม่รู้ว่ามีปากหรือไง หนวกหูจะแย่”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการพูดจาแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่เพราะเด็กสาวตั้งใจที่จะยั่วโมโหไปแบบนั้น เผื่อว่าไม่แน่ป้าสะใภ้จะโกรธจนเส้นเลือดแตกตายหรือไม่ก็พิการไปเลยยิ่งดี
“นังเด็กสามหาว ใครสั่งใครสอนให้หล่อนพูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่ นังเด็กนิสัยไม่ดี” นางหวังหลินพูดเสียงสั่นด้วยความโมโหที่แทบจะจุกอกแล้วตอนนี้
เว่ยอ้ายเหม่ยเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ที่หน้าประตูทำเป็นไม่สนใจสองแม่ลูกนั่น พร้อมกับคิดที่จะยืนขวางประตูอยู่อย่างนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะกลับไป เพราะหากว่าคนบ้านใหญ่บุกเข้ามาเธอจะได้ต้านไว้ได้อีกทั้งยังโต้ตอบกลับอย่างไม่รู้สึกผิด แต่ทว่ายืนรออยู่ตั้งนานแล้วก็ไม่เห็นว่าสองแม่ลูกนั้นมีทีท่าที่จะเข้ามาในบ้านเลย
“มากันทำไม” เว่ยอ้ายเหม่ยถามอย่างไม่มีหางเสียง อีกทั้งน้ำเสียงที่พูดนั้นดูจะห้วนไม่สมกับคนที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวเดียวกัน แม้ว่าจะไม่อยากคุยด้วยสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ต้องถามเพื่อที่จะรู้จุดประสงค์การมาของสองคนนี้
“เมื่อวานหล่อนทำอะไรไว้ล่ะ ฉกชิงของอวิ๋นรุ่ยไปก็รีบเอามาคืนเดี๋ยวนี้นะ” นางหวังหลินพูดพร้อมชี้หน้าหลานสาวของสามีอย่างโมโห
เว่ยอ้ายเหม่ยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าใครเอาของใครไปก็ได้แต่ทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย แต่ตอบกลับอย่างยียวนตามนิสัยของตนเอง “ใครเอาของของลูกป้าไป ป้าก็ไปตามเอากับคนนั้นสิ มาเอาที่ฉันทำไมกัน ฉันไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบฉกชิงเอาของของคนอื่นอย่างใครบางคนหรอกนะ”
เมื่อวานนี้เธออยู่ที่บ้านทั้งวันและไม่ได้ออกไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว แล้วทำไมจู่ ๆ ผู้เป็นป้าสะใภ้กลับพูดว่า เมื่อวานเธอเอาของของเว่ยอวิ๋นรุ่ยไปล่ะ แบบนี้มันเป็นการใส่ร้ายกันชัด ๆ อีกอย่างเธอไม่ได้เจอญาติผู้พี่คนนี้มาตั้งเกือบครึ่งเดือนแล้ว จะไปเอาของอย่างที่ถูกกล่าวหามาได้ยังไง
“นี่หล่อนกำลังด่าฉันอยู่เหรอ” นางหวังหลินแทบเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กสาวตอบกลับมา
“ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ใครอยากรับก็รับไป แล้วป้าสะใภ้ ป้าอย่ามาใส่ร้ายฉันแบบไม่มีหลักฐานหรือพยานนะ นี่คงฟังความข้างเดียวจากลูกสาวตัวเองแล้วมาโวยวายใส่ฉันล่ะสิ ถามหน่อยคิดได้ยังไงว่าฉันจะไปทำอย่างนั้น หรือถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามชาวบ้านดูสิว่าอ้ายเหม่ยคนนี้ได้ก้าวขาออกจากบ้านหรือไม่ อีกอย่างนะป้า เมื่อวานฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่ได้ออกไหนเลย แล้วก็ไม่ได้เจอกับอวิ๋นรุ่ยด้วย แล้วจะไปเอาของของลูกสาวป้ามาได้ยังไง แล้วของที่พูดถึงนี่คืออะไร ฉันยังไม่รู้เลย”
เว่ยอ้ายเหม่ยปฏิเสธทันทีเพราะรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา แถมเธอยังแจกแจงรายละเอียดยาวเหยียดให้นางหวังหลินฟัง