2 : ขึ้นเขาหาของกิน
“ท่านพี่ ๆ ตื่นเร็วเข้า”
เซี่ยซานซานเขย่าปลุกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว คล้ายกลัวว่าคนอื่นในบ้านจะมาได้ยินเข้า
“อาซานนี่ยามใดแล้ว” เซี่ยซือซืองัวเงียตื่นขึ้นมา พร้อมขยี้ตาตัวเองเบา ๆ
“ยามเหม่า ท่านพี่"
“เช้าเพียงนี้หรือ”
ท้องฟ้ายังมืดแต่เซี่ยซานซานปลุกพี่สาวเสียแล้ว คล้ายเป็นกิจวัตรประจำวัน ต้องตื่นขึ้นมาตักน้ำทำงานบ้าน คิดแล้วให้เศร้าใจยิ่งนัก “อาซานวันนี้พวกเราไม่ต้องทำงานหรอก”
“เช่นนั้นได้อย่างไรท่านพี่ ท่านย่ากับท่านป้าสะใภ้ทั้งสองต้องทุบตีพวกเราแน่”
“บ้านสามของพวกเราถูกสั่งงดอาหาร เจ้าจะมีแรงที่ใดไปทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือหาอาหาร เจ้ากับข้ายังพอทนไหวแต่น้องเล็กยังเด็กนัก วันนี้เจ้าพาข้าขึ้นเขาไปได้หรือไม่ ข้าจำได้ว่าบนเขาไฉ่หง มีผักป่ากับผลไม้ป่าอยู่”
เซี่ยซือซือจำเป็นต้องมีชีวิตรอด ร่างกายอันบอบบางของเธอถ้าไม่ได้รับอาหารในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้เกินสองวันแน่
“แต่ข้ากลัวว่าท่านย่า”
“ไม่ต้องกลัวไป ถูกตียังดีกว่าอดข้าวตายนะอาซาน”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ พาน้องเล็กไปด้วยนะท่านพี่ ปล่อยไว้ในบ้านคนเดียวข้าไม่ไว้วางใจ”
“ได้สิเจ้ารีบไปปลุกน้องเล็กเถิด”
ราวหนึ่งเค่อ สามพี่น้องก็แบกตะกร้าสะพายหลังไว้บนบ่า มุ่งหน้าขึ้นไปบนเขาไฉ่หง ในอดีตกาลนั้นได้ปรากฏสายรุ้งขึ้นบนยอดเขาอยู่บ่อยครั้ง ความงดงามของสายรุ้งทำให้ผู้คนต่างเล่าขาน เรื่องเทพเซียนย่างกรายลงมาประทานพรให้มวลมนุษย์ มีบัณฑิตเฒ่าผู้หนึ่งเดินทางผ่านมา แล้วขนานนามภูเขาแห่งนี้ว่า ไฉ่หง ผู้คนจึงใช้ชื่อนี้เรียกขานนับจากนั้นมา
ในความทรงจำของเซี่ยซือซือ นางเคยขึ้นมาบนเขาแห่งนี้บ่อยครั้งเพื่อเก็บผักป่า แต่ไม่เคยไปไกลเกินกว่าบริเวณตีนเขา เพราะด้านในค่อนข้างอันตราย มีเพียงนายพรานมากฝีมือเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าไปได้ สตรีชาวบ้านกับบรรดาเด็กจึงขึ้นไปแค่บริเวณตีนเขา และจุดที่มีผลไม้ป่าเท่านั้น
เดินเท้ากันเพียงหนึ่งลี้ ทั้งสามก็มาถึงบริเวณตีนเขา ท้องฟ้าเริ่มสว่างทำให้มองเห็นรอบข้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เซี่ยซือหยางยังเด็กนัก ดวงตายังปิดปรือพร้อมหลับอยู่ตลอดเวลา เวลานี้เซี่ยซานซานคือคนที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด นางอุ้มน้องชายเดินและหยุดพักอยู่เป็นระยะ
“ท่านพี่ตรงนี้ผักป่าถูกคนในหมู่บ้านเก็บไปหมดแล้ว เกรงว่าจะหาได้ยาก” เซี่ยซานซานเดินกลับมาบอกพี่สาว หลังจากสำรวจบริเวณที่มีผักป่าทุกจุดแล้ว
“เช่นนั้นเราเดินขึ้นไปอีกหน่อยดีหรือไม่อาซาน” เซี่ยซือซือต้องการสำรวจภูเขาลูกนี้ นางต้องการหาของกินให้น้อง ๆ
“อันตรายนะท่านพี่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราก็” น้ำเสียงของเซี่ยซานซานเบาลง ใบหน้าซีดเจื่อนยามนึกถึงความตายของบิดามารดา
“โจรป่าพวกนั้นถูกทางการกวาดล้างไปหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกอาซาน ข้าจำได้ว่าท่านพ่อเคยเล่าให้ฟัง ว่าบนเขาไฉ่หงมีลำธารเล็ก ๆ อยู่ด้านใน มีปลาตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด”
“แต่ว่า”
“ไปเถิดอาซาน”
“เจ้าค่ะท่านพี่”
เดินขึ้นเขาลึกเข้าไปอีกหน่อย ทั้งสองพลันได้ยินเสียงน้ำตกจริง ๆ ดวงตาของพวกเขาประกายจ้าขึ้นด้วยความหวัง ไม่ช้าธารน้ำตกก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เซี่ยซานซานรีบวางน้องชายลงพิงกับต้นไม้ นำกระบอกไม้ไผ่ที่พกติดตัวมาลงไปตักน้ำ นำขึ้นมาให้พี่สาวได้ดื่ม
“ท่านพี่ท่านเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าว ท่านดื่มน้ำแก้กระหายก่อนเถิด”
“อืม” เซี่ยซือซือมองน้องสาวในโลกนี้ ด้วยความรู้สึกยากแก่การอธิบาย เด็กตัวเท่านี้ยังต้องดิ้นรนเรื่องปากท้อง การใช้ชีวิตในโลกนี้ไม่ง่ายเอาเสียเลย
“น้องเล็กตื่นได้แล้ว บ้วนปากล้างหน้าก่อนเถิด” เซี่ยซานซานหันไปปลุกน้องชายบ้าง จัดการล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย เด็กน้อยเหมือนจะงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ปรับสายตาได้ในที่สุด
“พี่รองเหตุใดข้าถึงมาอยู่ในป่าได้ล่ะ”
“ข้าอุ้มเจ้ามาอย่างใดเล่า ท่านพี่บอกว่าจะพาพวกเรามาหาของกิน เจ้าไปดูตรงลำธารกับข้าสิ มีปลาเยอะแยะไปหมดเลย”
“ปลา ! ข้าอยากกินปลาพี่รอง” ได้ยินเรื่องอาหารดวงตาของเซี่ยซือหยางก็เปิดกว้างขึ้นอย่างดีใจ
“ท่านพี่ท่านนั่งอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะไปลองจับปลาดู”
“ได้เจ้าไปตรงที่น้ำตื้นเท่านั้นนะอาซาน ห้ามไปตรงน้ำลึกเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านพี่รออยู่ตรงนี้นะขอรับ ข้าจะจับปลาตัวโต ๆ มาให้”
“อื้ม”
เซี่ยซือซือมองน้อง ๆ ทั้งสองด้วยสายตาอบอุ่น ร่างกายนี้ของเธอช่างอ่อนแอนัก เดินมาไม่เท่าไรก็หมดแรงเสียแล้ว เธอจะมีกำลังไปต่อสู้กับครอบครัวชั่วร้ายของเจ้าของร่างได้อย่างไร ขณะทอดสายตามองดูน้องทั้งสองอยู่นั้น ภายในร่างกายของเซี่ยซือซือมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น บริเวณท้องร้อนผ่าวขึ้นมา นางหลับตาลง ทันใดนั้นรอบตัวก็วูบมืดไป
พอลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง พบว่านางได้อยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่ง ตรงกลางมีลานน้ำพุตั้งอยู่ มีกระท่อมหลังหนึ่ง รอบข้างมีต้นไม้อยู่ พื้นที่แห่งนี้มีขนาดราวสองหมู่ นางเกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องจริง จึงหลับตาแล้วนึกถึงบริเวณที่นั่งอยู่ พอลืมตาขึ้นอีกครั้งนางก็กลับมานั่งพิงต้นไม้อยู่เช่นเดิม
มิติพิเศษ ต้องใช่แน่ ๆ จึงเริ่มทำการทดสอบมิติพิเศษนั้นดูอีกครั้ง นางสามารถไปมาระหว่างมิติพิเศษนั้นได้ โดยที่ร่างกายไม่ได้หายไปไหน หัวใจนางเต้นแรงด้วยความดีใจ ราวกับชีวิตในโลกนี้ของนางยังมีความหวัง มีเวลาให้ทดสอบพื้นที่แห่งนี้อีกเยอะ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกนัก เกรงว่าน้องทั้งสองจะล่วงรู้ถึงความผิดปกตินี้
แต่ว่าน้ำพุตรงกลางลานแห่งนี้ มันดึงดูดนางเหลือเกิน กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนไม่ใช่น้ำพุธรรมดา นางลองใช้มือวักน้ำขึ้นมาดื่มเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังได้รับการบำบัด เรี่ยวแรงที่หายไปกลับคืนมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ไม่ได้ข้าจะดื่มน้ำพุนี้ตามใจไม่ได้
นางลองหยิบก้อนหินโยนเข้าไปในมิติพิเศษ ปรากฏว่าหินก้อนนั้นอยู่ในมิติพิเศษจริง ๆ นางจึงลองนำใบไม้จากในนั้นออกมา ใช่แล้ว มันออกมาได้จริง ๆ
“ท่านพี่ ๆ พี่รองจับปลาได้ด้วย” เสียงเล็ก ๆ ของเจ้าตัวน้อย ทำให้นางต้องเก็บเรื่องน่ายินดีเอาไว้ก่อน
“ดูสิท่านพี่ ข้าจะมีปลากินแล้ว เย้ ๆ” น้องเล็กของนางกระโดดดึ๋ง ๆ ปานเจ้ากระต่ายตัวน้อย เพียงแต่กระต่ายตัวนี้ผอมแห้งไปเสียหน่อย
“อาซานเจ้าเก่งมาก” เซี่ยซือซือมองน้องสาวที่กำลังเดินหิ้วปลาตัวเท่าแขนมาพร้อมกับน้องชาย นางแยกไม่ออกว่ามันคือปลาชนิดไหน มีลักษณะคล้ายปลาตะเพียนอยู่ไม่น้อย
“ปลาตัวนี้มันโง่เจ้าค่ะท่านพี่ มันหลุดมาตรงน้ำตื้นข้ากับน้องเล็กเลยเอาก้อนหินขังมันไว้” เซี่ยซานซานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้ากับน้องเล็กถอดเสื้อตัวนอกออกตากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ข้าจะก่อไฟเอง”
นางให้น้องสาวดูแลน้องชาย ตัวนางเดินไปหาฟืนแห้งนำหินจุดไฟมาทำการก่อไฟตามความทรงจำเดิม ไม่ช้าไฟก็จุดติด ส่วนปลาที่ได้มาเซี่ยซือซือก็นำไปเสียบไม้ไผ่ รอไฟได้ที่ค่อยย่าง ไม่มีเครื่องปรุงใด ๆ คาดว่าปลาน่าจะคาวเป็นอย่างมาก
“อาซานแถวนี้มีต้นหอมป่าบ้างไหม”
“ข้าไม่เคยเข้ามาที่นี่ข้าไม่รู้เหมือนกันท่านพี่” เซี่ยซานซานสะบัดเสื้อนอกของน้องชาย นำไปพาดตากไว้บนต้นไม้ ก่อนจัดการกับเสื้อของตนเองต่อ
ความร้อนวูบวาบตรงหน้าท้อง ทำให้เซี่ยซือซือรู้สึกประหลาดใจ เหมือนมิติพิเศษของนางมีการตอบสนองต่อนางโดยตรง นางลองเอาฝ่ามือวางลงบนพื้นดิน แล้วหลับตาสั่งการค้นหาต้นหอมป่าดู ทันใดนั้นนางก็สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งบนเขาลูกนี้ได้ทั้งหมด มันนำทางนางไปหาต้นหอมป่าได้ในทันที ทว่าหากไกลเกินเขาลูกนี้ไป นางจะไม่สามารถมองเห็นได้ นางรีบดึงสายตากลับมา หัวใจเต้นตึกตักด้วยความดีใจ
ไม่เลว ๆ
นางไม่ได้มีความรู้ติดตัวเหมือนนางเอกคนอื่นที่ทะลุมิติมา ไม่ได้เป็นหมอเทวดาหรือคนเก่งมากความรู้ แต่นางมีไอเท็มวิเศษพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ ฮะ ๆ ๆ นางเปล่งเสียงหัวเราะออกมาคล้ายคนบ้า
“ท่านพี่ ๆ ท่านหัวเราะทำไม” เซี่ยซือหยางตกใจที่เห็นพี่สาวคนโตของตนเองทำท่าเหมือนคนสติแตก
“ท่านพี่...” ไม่ต่างไปจากเซี่ยซานซานนางรับรู้ได้ตั้งแต่ตอนพี่สาวฟื้นแล้ว ว่ามีบางอย่างได้เปลี่ยนไป แต่นางกลัวเลยไม่กล้าเอ่ยมันออกมา พี่สาวที่อ่อนแอแววตาหวาดกลัวคนเก่าหายไป พอฟื้นขึ้นมาแววตาก็เฉยชา มองนางไม่เหมือนเดิม
“เอ่อ ข้าดีใจจะได้กินปลาน่ะ พวกเจ้าไม่ต้องตกใจไปหรอก ข้าจะลองเข้าไปหาต้นหอมป่าตรงโน้นเสียหน่อย พวกเจ้าเฝ้าปลารอไปก่อนนะ” เซี่ยซือซือบอกแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ไม่ได้อ่อนแรงเหมือนตอนแรก
“ท่านพี่ร่างกายของท่านดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ”
“อื้ม ข้าไปไม่นานหรอก ข้าจำได้ว่าตอนเดินมาเหมือนข้าจะเห็นต้นหอมป่าอยู่ เดี๋ยวข้าจะไปเก็บมันมายัดไส้ปลาเสียหน่อย มิเช่นนั้นปลาคงคาวจนยากจะกินได้”
“รีบกลับมานะท่านพี่”
“ได้เจ้าดูแลน้องเล็กดี ๆ ล่ะ ผึ่งเสื้อผ้าให้แห้งเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“เจ้าค่ะ”
พอลับสายตาน้องทั้งสอง เซี่ยซือซือก็ลองหายตัวเข้าไปในมิติพิเศษ นางเข้าใจแล้วว่านางสามารถหายตัวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ได้ ยังเข้าไปแบบไม่ต้องหายตัวก็ได้เหมือนกัน นางลองดื่มน้ำพุอีกอึกดู พบว่าตอนนี้แม้แต่วิ่งก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด นางหลับตาลงแล้วทาบฝ่ามือลงบนพื้น จินตนาการว่าต้องการไปจุดที่มีต้นหอมป่าดู พลันร่างกายของนางก็หายวับไปโผล่อยู่บริเวณนั้นในทันที
นี่มันเร็วเกินไปแล้ว
นางไม่สามารถทำเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นได้ ต้องระวังแล้วล่ะ นางก้มลงเด็ดต้นหอมป่าใส่บนตะกร้าด้านหลัง หลับตานึกคิดหาผลไม้ป่าอีกครั้ง นางเจอพุทราป่าที่สุกเต็มต้นอยู่ใกล้ ๆ ร่างกายของนางไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังปีนต้นไม้ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แค่ชั่วอึดใจหนึ่งนางก็หอบพุทราป่าพร้อมต้นหอมป่า เดินทางกลับไปหาน้องทั้งสองคน