1 : ทะลุมิติ
แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่
ภายในบ้านสกุลเซี่ย
“ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า”
เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น
“ท่านพี่กินสิ ๆ”
เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง
“ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่”
“นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ
เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก !
“พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้
“ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ
“ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !”
ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว
แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง
“ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
“ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป
“หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา
“ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า
แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง
“แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย
“เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง
“น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้”
“แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ
ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา
ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน
ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด
“ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ
“เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า”
คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน
“ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา
“มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ
“พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย
“พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ
“ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที นางก็แค่เด็กสิบขวบ พอเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
“อาซานเจ้าอย่าร้อง น้องเล็กเป็นอะไรมากไหม” เซี่ยซือซือพยายามลุกขึ้นนั่ง รู้สึกพลังงานของร่างกายหายไปเกือบหมด คงเพราะเพิ่งผ่านการทะลุมิติมา เลยทำให้เธอปรับตัวยังไม่ค่อยได้
“ท่านพี่” เด็กน้อยวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของพี่สาวคนโตในทันที แววตาหวาดหวั่นไร้ความสุข
เซี่ยซือซือเห็นรอยเขียวจ้ำบนแขนเล็ก ๆ ของน้องชาย โชคดีแค่ไหนที่กระดูกไม่หัก จับดูความผอมแห้งไร้ไขมันตรงหน้า พลันน้ำตาก็ไหลอาบหน้าในทันที
“ท่านพี่ท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะ” เซี่ยซานซานเองก็ทนไม่ไหว โผเข้าสู่อ้อมกอดของพี่สาวตามน้องชายไป
“ข้าขอโทษพวกเจ้าทั้งสอง ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”
ดวงตาของเซี่ยซือซือมืดลง เธอจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ยุคสมัยนี้ดูเหมือนชีวิตลูกหลานไม่สามารถจัดการเองได้ ทุกอย่างต้องอยู่กับผู้ใหญ่ในบ้านเท่านั้น แล้วเธอก็แค่เด็กสาวอายุสิบสาม กินไม่อิ่มร่างกายก็ไม่แข็งแรง อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องถูกขายไปบ้านอื่นแล้ว
ไม่อยากเชื่อว่าพนักงานออฟฟิศธรรมดาแบบเธอ จะทะลุมิติมาอยู่ในโลกที่แร้นแค้น แถมไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์แห่งนี้ ใครจะเชื่อว่าเธอนั้นได้ตายคาโต๊ะทำงานที่บริษัทด้วยความเหนื่อยล้า ไม่ว่าโลกเก่าหรือโลกนี้ เธอล้วนแต่พบเจอแต่ความทุกข์ทรมานทั้งนั้น
บิดามารดาของเจ้าของร่างนี้ได้ตายไปเมื่อสองปีก่อน ตอนขึ้นไปหาของป่าแล้วถูกโจรป่าฆ่าตาย คนในตระกูลเซี่ยเห็นเด็กทั้งสามคนเป็นขยะไร้ค่า เซี่ยซือซือต้องแบกน้องชายบนหลังทำงานในบ้านอย่างหนัก เซี่ยซานซานเองก็ต้องออกไปซักผ้าให้ทุกคนภายในบ้าน ทุกวันมีแต่ทำงานไม่มีวันหยุด ไหนเลยจะมีวันไหนได้อยู่ดีกินดีเหมือนคนอื่น ยิ่งความทรงจำผุดขึ้น ในใจของเซี่ยซือซือก็เจ็บร้าว ทำยังไงน้อง ๆ ของเธอจะมีชีวิตรอด ไม่แคล้วท่านย่าของเธอได้เอาไปขายแลกเงินเป็นแน่
“อาซานใครเป็นคนพาข้ากลับมา”
“ท่านป้าถานไปซักผ้าแล้วเห็นท่านพี่สลบอยู่ที่ริมแม่น้ำ เลยไปตามผู้ใหญ่บ้านพาคนมาช่วยเจ้าค่ะ ตอนแรกข้านึกว่าท่านพี่จะตายเสียแล้ว ท่านหมออวี่ก็ไม่อยู่ทุกคนเลยไม่รู้จะทำอย่างไร ทิ้งให้ท่านพี่นอนอยู่ในห้องแบบนี้” ความอัดอั้นของเซี่ยซานซานนั้นมีมากนัก ในหมู่บ้านไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกนางเลย ต่างปล่อยให้พี่สาวของนางนอนแน่นิ่งอยู่แบบนี้
“ท่านป้าถาน” ความทรงจำของเซี่ยซือซือนั้น เรื่องของท่านป้าถานเหลียนฮวาไม่ค่อยชัดเจนเท่าใดนัก เพราะนางค่อนข้างเก็บตัวกับลูกชายพิการของนาง แทบจะไม่ได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ
“ท่านพี่ท่านป้าถานซื้อท่านพี่ไปเป็นเมียพี่จ้าน ไม่มีสินสอดไม่มีการสู่ขอ แค่จ่ายเงินแล้วพาท่านพี่ไป เห็นว่าท่านป้าถานไม่มีเงินเหมือนกัน แต่ว่าอยากได้ลูกสะใภ้เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลลูกชายพิการของนาง” คำพูดของน้องสาวทำให้เซี่ยซือซือยิ้มขื่นเล็กน้อย ทะลุมิติมาก็ถูกขายเป็นภรรยาคนพิการ
“นอนเถิดน้องเล็กตาจะปิดอยู่แล้ว” หากมียานางคงหามาทาให้น้องชายแล้ว แต่ว่าในความทรงจำนั้นในห้องนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ายาอยู่ เตียงเก่าผุพังผ้าห่มเน่า ๆ ผืนหนึ่ง สามพี่น้องนอนกอดกันกลม ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน