ตอนที่6 เจรจา
เหตุเพราะว่าเจ้าบ่าวไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เพียงแค่ยกน้ำชาให้กับทางแม่สื่อ พิธีการแต่งเข้าบ้านก็เสร็จสิ้น สิ่งที่เป็นเรื่องที่เฟิงอวี้หวั่นเกรงต่อจากนี้ นั่นคือการร่วมหอกับเจ้าบ่าวหมาดๆ ของนาง
นางจะบอกกับเขาอย่างไร ที่แต่งมานั้น เพราะต้องการที่จะออกห่างจากมารดาเลี้ยง และน้องสาวทั้งสอง โจวเฉินนั่งดื่มสุรามงคลอยู่ฝั่งหนึ่งของห้องนอนแคบๆ ที่จริงแล้วบ้านดินแห่งนี้มิได้เลวร้ายอย่างที่นางคิดเลย ซ้ำยังกว้างขวาง และเหมือนว่าเจ้าของค่อนข้างรักษาความสะอาดเป็นอย่างมาก
มองไปรอบๆ เหมือนมีโหลแก้วที่ใส่สมุนไพรบางอย่างเก็บเอาไว้ หลังจากที่ให้ระบบจัดการมองสมุนไพรเหล่านั้น เฟิงอวี้ตัวชาดิกไปทั้งตัว
ท่านสะสมพิษมากเพียงนี้หรือ แท้จริงแล้วท่านเป็นผู้ใดกันแน่ นั่นเป็นเพียงความคิด แต่เฟิงอวี้รู้ดี ว่าหากนางเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ออกไปในตอนนี้ มันคงไม่ใคร่จะดีเท่าไหร่นัก ถึงระบบจะบอกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่ระบบก็มิได้เอ่ยออกมาว่าเขาผู้นี้เป็นใครมาจากไหน แม้เอ่ยถามหากแต่ระบบจอมปราชญ์บอกว่ากำลังสืบค้นข้อมูล
แน่นอนว่านามโจวเฉินนั่น ก็คือนามปลอมมิต่างกัน หากตอนนี้เขามิได้เดินมาเปิดผ้าคลุม เฟิงอวี้ก็มิอยากใคร่รอเขาให้เสียเวลามากเกินไปกว่านี้ สิ่งที่ทำได้นั่นคือการจัดการตนเองให้เรียบร้อย และเริ่มตกลงเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับนาง
" ข้ารู้ดีว่าท่านแต่งกับข้าเพราะเหตุบางอย่าง ท่านมิใช่คนเขลา ท่านก็คงจะดูออกว่าข้าแต่งให้ท่านเพราะต้องการหลุดพ้นจากครอบครัวของข้าเช่นกัน"
เพราะน้ำเสียงหวานๆ ที่เอยขึ้น ทำให้ผู้ที่นั่งดื่มสุรามงคลต้องหันมองเจ้าสาวของตนอีกครั้ง หลังจากที่เปิดผ้าคลุมหน้า มิคิดว่านางจะเป็นสตรี ที่มีใบหน้างดงาม หากแต่คงจะผอมไปเสียสักหน่อยสำหรับการเป็นสตรีเพศที่น่าพิสมัย
" ไม่คิดว่าเจ้าจะอ่านสายตาของข้าออก เยี่ยงนี้สิ เจ้าถึงเหมาะสมเป็นภรรยาของข้า"
"ข้าจะเป็นภรรยาของท่านอย่างสงบ ขอเพียงอย่างเดียว หวังว่าพิษพวกนี้ท่านคงมิคิดนำมันมาพรากชีวิตของข้าไป"
โจวเฉินนิ่งสงบ มิคิดว่าแม้แต่พิษชั้นสูงที่เขาเพียรหามาสะสมเอาไว้ เพียงสตรีชาวบ้านธรรมดาจะรู้จักมันด้วย แบบนี้แล้ว เขาเองคงจะประเมินสตรีที่เข้ามาเป็นภรรยาของตนเองต่ำไว้จนเกินไปนัก
ดวงตาคู่หงส์หลับตาลงอย่างพยายามนึกบางอย่างออกมา
"ท่านมิได้มีคนรักที่ไหนนะเจ้าคะ"
"ไม่นี่"
"เช่นนั้นท่านกับข้าพวกเราไปขึ้นทะเบียนแต่งงานกัน หากต่อไปไม่ว่าอย่างไรท่านจะทำอันใด ก็จักต้องเกรงใจภรรยาแบบข้า ขอให้ท่านลงนามเป็นชื่อจริงของท่านด้วย ข้ามิใช่สตรีโง่เขลาแบบที่ท่านคิดหรอกหนา"
"เจ้าพูดจาฟั่นเฟือนแล้ว ข้านามว่าโจวเฉินอย่างไรเล่า เหตุใดถึงคิดว่าจะต้องโกหกเจ้าด้วย"
ระบบกำลังรายงานเกี่ยวกับประวัติของสามีเฟิงอวี้อย่างไม่ลดละ หากแต่ชายตรงหน้ายังยืนยันอย่างมีน้ำหนักว่าเขาคือโจวเฉิน เฟิงอวี้แสยะยิ้มร้ายออกมา เขาแต่งงานกับนางขนาดนี้ นางมิคิดว่าเขาจะกล้าปลิดชีวิตนางลงไป ถึงแม้ตายไป นางก็มิได้เสียดายชีวิตตรงนี้เลยแม้สักนิด
"ไป๋เฟยหลง ท่านมิได้นามดังนี้หรือเจ้าคะ เจ้าแห่งหุบเขาพิษคงมิใช่ท่านแล้ว ข้านี่ฟั่นเฟือนไปอย่างที่ท่านเอ่ยจริงๆ "
เขาสกุลไป๋เหมือนไป๋อวี้ในชาติก่อน หากแต่คิดว่าเขาในชาตินี้ กับนางในชาตินั้น คงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกันแน่ๆ นางคิดเยี่ยงนั้น
ชายพเนจรไม่คิดว่าสตรีที่เขาเพิ่งจะแต่งเข้ามาเป็นภรรยา จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาจากปากน้อยๆ ของนาง มิใช่เขาแต่งนางเข้ามาเพื่อให้ชีวิตของเขา อยู่อย่างเรียบง่ายและสงบสุขหรอกหรือ
"เจ้าเป็นคนของผู้ใด"
แม้จะเอ่ยมาแบบนั้น ทว่าเขาไม่ได้มีท่าทางระแวดระวังอันใดเลยแม้แต่น้อย คงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่สตรีตัวเล็กเพียงนิด หากเขาจะหักเธอด้วยมือข้างเดียวคงทำได้อย่างไม่ยากนัก
"ข้าเป็นแค่สตรีชาวบ้านธรรมดาแค่นั้น ข้ามิได้ต้องการทำให้ชีวิตอันสงบสุขของท่านน่ารำคาญไม่ หากแต่ต้องการที่จะตกลงกับท่านตั้งแต่ตอนนี้ให้รู้ความไป"
"หึ ไหนบอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน"
สิ่งต้องการของผู้คนทั่วไป มันจะต้องเป็นสิ่งของเงินทองมิมีผิดเพี้ยน สตรีคนนี้เขาก็คิดว่ามิต่างกันออกไปมากนัก
"ท่านห้ามหย่าขาดจากข้า ข้าอยากเป็นฮูหยินของท่านตลอดไป"
"เพราะเจ้ารู้แล้วต่างหากว่าข้าเป็นใคร แต่เอาเถอะอย่างไรแล้ว ข้าก็มิคิดจะทอดทิ้งเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ดำเนินชีวิตเหมือนสามีภรรยาทั่วไปเถิด ที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายมามากพอแล้ว"
นั่นเป็นเพียงประโยคสนทนาที่ยาวเป็นครั้งแรกกับเจ้าบ่าว ค่ำคืนนั้นเขาหายออกไปจากบ้านทั้งค่ำคืน กลับมาอีกครั้งก็ย่ำรุ่งของอีกวัน พร้อมกับหมูป่าตัวใหญ่ถึงสองตัว เพิ่งเห็นว่าร่างกายของเขานั้นกำยำและแข็งแรงมาก
เฟิงอวี้วิ่งมาดุหมูป่าที่สามีวางเอาไว้บนแคร่หน้าบ้านอย่างตกตะลึง มิใช่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่การปรุงพิษหรอกหรือ แม้กระทั่งล่าสัตว์ก็ทำได้ดีนี่
"ข้ามีหน้าที่หาอาหารเข้าบ้าน ส่วนเจ้าก็มีหน้าที่ปรุงอาหาร ข้าจะชำแหละหมูป่าพวกนี้ให้เจ้า หลังจากนั้นหน้าที่ปรุงอาหารทุกมื้อเป็นหน้าที่ของเจ้าเข้าใจหรือไม่"
"เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว"
นางรับคำจากสามีอย่างเรียบง่าย เอาเข้าจริงๆ การแต่งงานกับเจ้าแห่งหุบเขาพิษเยี่ยงนี้ ก็มิได้เลวร้ายอย่างที่ระบบบอกก่อนหน้านี้ สิ่งที่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ก็เรื่องที่ระบบบอกมาว่า ตาเขาอีกข้ามิได้ตาบอดอย่างที่เข้าใจ
ผ่านไปเพียงไม่นานหนังหมูที่ได้มาก็ถูกถลกออก สามีนำมันไปผึ่งลมเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการใช้ประโยชน์อะไรจากมันหรือเปล่า เหลือเพียงแค่เนื้อหมูที่ผ่านการชำแหละแยกส่วนต่างๆ เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ หากแต่จะปรุงอาหารทั้งหมดนี่ก็ดูจะมากเกินไปสักหน่อย หรือว่านางจะเก็บเอาไว้ทำเนื้อตากแห้ง แบบนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
เนื้อหมูป่าเช่นนี้ หากผัดกับน้ำมันพริกให้เนื้อผสมผสานเข้ากัน คงเป็นอาหารที่ทำให้เจริญอาหารไม่น้อย หากแต่ไม่คิดว่าครัวของสามีนางนั้น จะมีเครื่องเทศที่ครบครัน และมากมายถึงขนาดนี้ ก็แน่สิ เขาเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและพิษต่างๆ แถมฐานะเขาเองก็มิใช่คนธรรมดา อย่าว่าแต่เกลือหนึ่งกระสอบเลย หากเขามีมันสักร้อยกระสอบนางก็มิได้แปลกใจเท่าใดนัก
กระทะที่ผ่านการทำความสะอาดจนนางมิกล้าหยิบมาใช้ แต่อย่างไรแล้วก็ต้องทำตามหน้าที่ แม้แต่งงานกันแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องทำตามหน้าที่ของตนเองให้เรียบร้อย หลังจากที่เสร็จหน้าที่ในส่วนนี้ เฟิงอวี้คิดว่านางจะเข้าป่าไปหาสมุนไพรขาย หากแต่ครั้งนี้นางกลับคิดว่าหากมีสมุนไพรดีๆ นำมาเสนอสามีของนางมิดีกว่าหรือ ได้สานสัมพันธ์ที่ดีจากเขาแล้ว ยังได้ตำลึงกลับมาด้วย
"ระบบคิดว่า ความคิดนายท่านเป็นสิ่งที่ดีนัก นายท่านไป๋ล้วนชื่นชอบสมุนไพรและพิษหายาก หากท่านมีของเหล่านั้น น้ำหนักในใจของท่านไป๋จะมีมากยิ่งขึ้น"
เอาเข้าจริงๆ นางมิต้องการความเสน่ห์หาจากเขามากมายไม่ นางแค่ต้องการที่จะเป็นนายหญิงที่ยิ่งใหญ่ และสุขสบายในอนาคตต่างหากเล่า
"เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี ข้าจะหาสมุนไพรมาเสนอค้าแก่เขา"
เนื้อหมูป่าผัด หมูหวาน และผักกาดผัดน้ำมัน อาหารเพียงสามอย่างในใจของเฟิงอวี้ แต่นี่นับเป็นมื้ออาหารที่เรียกได้ว่าดีมากที่สุด ตั้งแต่ไป๋เฟยหลงปลีกตนมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
อาหารสามอย่างพร้อมขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน สามีที่น่าจะกลับมาจากในไร่ก็กลับมาพร้อมกับเหงื่อที่ผุดบนใบหน้า