บทนำ อวี้อ้ายฉิง...สตรีไร้ยางอาย
บทนำ
อวี้อ้ายฉิง...สตรีไร้ยางอาย
โทสะเผาไหม้
เคร้ง!
ค้อนขนาดใหญ่ทุบลงบนเหล็กที่ถูกเผาไฟจนกลายเป็นสีเพลิงดังกึกก้องไปทั่วโรงตีเหล็ก เสียงตีเหล็กดังต่อเนื่องมานับสองชั่วยามแล้ว โดยบุรุษร่างสูงโปร่งที่กำลังตีเหล็กร้อนยังไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย
กลับกัน...
ราวกับว่าทุกการแกว่งค้อนกระทบเหล็กคือการระบายโทสะที่คุกรุ่นอยู่ภายในหัวใจ คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าคมคร้ามอาบไล้ไปด้วยหยาดเหงื่อ ผมสีเงินยวงเกล้ารวบมวยไว้บนศีรษะโพกรัดด้วยผ้าสีดำสนิท
ชายที่กำลังบันดาลโทสะหาได้ใส่อาภรณ์ปกปิดมัดกล้ามหนันแน่น เขาสวมเพียงกางเกงสีน้ำตาลเปลือกไม้ตัวเดียวเผยให้เห็นไหล่กว้าง อีกทั้งยังพับทบขอบกางเกงรั้งลงต่ำเผยเอวสอบได้รูปจนเห็นหัวหน่าวหมิ่นเหม่คล้ายไม่ใส่ใจ
ทว่าหากมีสตรีน้อยใหญ่ได้มาเห็นชายหนุ่มในสภาพเหงื่อโทรมกายเช่นนี้ คงได้กรีดร้องขวยเขินจนตัวบิด เพราะชายหนุ่มขึ้นชื่อว่ามีรูปเป็นทรัพย์ หล่อเหลาดุจเทพเซียนอวตาร จัดเป็นบุรุษที่ไม่ว่าสตรีวัยใดก็ล้วนอยากได้มาเป็นสามี
บุรุษผู้นี้มีบรรดาศักดิ์ ‘โหว’ นามว่า ‘ซือหม่าตงหยาง’ บรรพบุรุษทุกรุ่นล้วนสืบทอดวิชาตีเหล็กชั้นสูง ดาบ กระบี่ ขวาน หอก ง้าว ทวน ลูกธนู และสารพัดอาวุธที่ผลิตจากโรงตีเหล็กซือหม่านับเป็นของหายากที่ใช่ว่าใครจะครอบครองได้โดยง่าย
ซือหม่าตงหยางเองก็รับสืบทอดวิชามาจากบิดาเฉกเช่นพี่ชายทั้งสี่ของเขาซึ่งแยกย้ายออกไปสร้างครอบครัวและเปิดโรงตีเหล็กของตนเองยังเมืองต่างๆ ทว่าตงหยางกลับมีพรสวรรค์ทางด้านวรยุทธ์โดดเด่นผิดแผกไปจากพี่ชายทั้งหลาย
ชายหนุ่มได้ชื่อว่า ‘หัตถ์เซียน’ หากจับค้อนก็ตีดาบได้คมกริบ หากจับกระบี่ก็กลายเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือ หากจับพู่กันก็หาได้น้อยหน้าเพราะเปี่ยมไปด้วยปัญญาฉลาดเฉลียว
ตงหยางออกท่องยุทธภพตั้งแต่อายุสิบห้าปี ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ชั้นสูงสุดเมื่ออายุยี่สิบสองปี ทำให้ผมสีดำสนิทกลายเป็นสีเงินยวงแตกต่างจากคนทั่วไป
พรสวรรค์ของชายหนุ่มช่วยปกป้องการรุกรานของกองทัพปีศาจ ความดีความชอบใหญ่หลวงนี้จึงได้รับพระราชทานตำแหน่งโหวโดยการแต่งตั้งจากโอรสสวรรค์
ตระกูลซือหม่าที่เป็นเพียงตระกูลช่าง กลับกลายเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงในชั่วข้ามคืน ผู้คนที่เคยเมินหน้าหนีเพราะเหม็นกลิ่นเหงื่อ เหม็นกลิ่นสาบ เหม็นกลิ่นควันไฟ กลับพากันมารายล้อมหมายผูกสัมพันธ์
เคร้ง!
เหล็กร้อนถูกเหวี่ยงลงพื้นราวกับว่าโทสะที่คุกรุ่นไม่อาจบรรเทาเบาบางลงได้ โหวหนุ่มวางค้อนลงก่อนจะดึงทึ้งผ้าที่รัดฝ่ามือเหวี่ยงทิ้งแล้วทรุดกายลงนั่งไม่ไกลจากบริเวณเตาไฟนัก คว้ากระบอกหนังบรรจุน้ำขึ้นมาแล้วราดรดลงบนศีรษะ หยาดน้ำเปียกชุ่มไหลลงมายังสันกรามและปลายคางตัดได้รูป ช่วยคลายร้อนแต่ไม่อาจคลายความหงุดหงิด
ช่างตีเหล็กคนอื่นๆ ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตนคล้ายไม่ใส่ใจ ทว่าทุกคนกลับรู้ดีว่าเพราะเหตุใดเจ้านายจึงได้หงุดหงิดเช่นนี้
ต้นเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ‘คุณหนูอวี้อ้ายฉิง’ หญิงผู้มีความงดงามแทบจะล่มเมือง ได้รับสมญานามว่า ‘นางร้ายผู้งดงามแห่งเหมืองหนันหนิง’ นั่นเพราะนางเป็นบุตรสาวคนเล็กของนายอำเภออวี้ นางเอาแต่ใจ โทสะร้าย ขี้อิจฉาริษยา มักมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคุณหนูตระกูลอื่นๆ แทบไม่ว่างเว้น และที่สำคัญนางชื่นชอบโหวซือหม่าตงหยางเป็นอย่างมาก
นางประกาศกร้าวว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้โหวตงหยางมาเป็นสามี
นับจากนั้นคุณหนูอวี้เทียวไล้เทียวขื่อตามตื๊อซือหม่าตงหยางอยู่หลายปี ทั้งๆ ที่ทุกคนในเมืองหนันหนิงต่างรู้ว่าโหวซือหม่ามีใจให้กับแม่นาง ‘จางซีฮัน’ สตรีสาวที่แสนอ่อนหวานบุตรสาวเจ้าของห้องตัดเสื้อเล็กๆ ในตลาด
เรื่องมันควรจะจบอยู่แค่นั้นเพราะเป็นการตามรักตามชอบเพียงฝ่ายเดียว แต่ทว่า...
เมื่อคืนจวนสกุลซือหม่าได้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุหกสิบปีของท่านประมุขซือหม่าหวังเหล่ย มีการกินดื่มเฉลิมฉลอง เหล้ายา สุรา นารี แขกเหรื่อมากมายตบเท้ามาร่วมอวยพร
แล้วเหตุก็เกิดเมื่อคุณหนูอวี้แอบวางยาปลุกกำหนัดโหวซือหม่าตงหยางอย่างหน้าไม่อาย
เรื่องวุ่นวายชุลมุนมากขึ้นทบทวีคูณเมื่อมีสาวใช้คนหนึ่งไปแจ้งกับแม่นางจางซีฮันว่าท่านโหวต้องการพบเป็นการส่วนตัว ราวกับว่านี่คือการจัดฉากเพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้ขาดสะบั้น
เมื่อแม่นางจางเห็นว่าโหวซือหม่ากอดก่ายคุณหนูอวี้อยู่บนเตียง โดยที่ทั้งสองเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์ใดๆ นางก็ถึงกับเป็นลมล้มพับหมดสติไป
โหวซือหม่าที่ถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดจึงได้สติ ด่าทอและขับไล่คุณหนูอวี้อ้ายฉิงอย่างไม่ไยดี ทว่าคุณหนูอวี้หาได้สะทกสะท้านนางยิ้มกว้างราวกับผู้ชนะ อีกทั้งยังประกาศเจตนารมณ์อีกว่า
‘คนอย่างข้าอวี้อ้ายฉิงอยากได้สิ่งใดต้องได้ ไม่ว่าอย่างไรท่านโหวต้องเป็นสามีข้า!’
แต่อนิจจารถม้าของนางกลับประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับจวน ล้อหลุดออกจากเพลาทำให้ตัวรถม้าพลิกคว่ำ คุณหนูอวี้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจนสลบไป ข่าวว่านางถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ สาวใช้พากันร้องไห้ฟูมฟายเพราะคิดว่าเจ้านายสาวสิ้นแล้ว
แต่เมื่อนำร่างไร้ลมหายใจกลับถึงจวนนายอำเภอ คุณหนูอวี้กลับฟื้นคืนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรียกได้ว่าคนในจวนสกุลซือหม่าที่รอฟังข่าวคราวต่างถอนหายใจด้วยความเสียดาย เพราะทุกคนล้วนอยากให้อวี้อ้ายฉิงตายๆ ไปเสีย จะได้ไม่ต้องมาสร้างเรื่องวุ่นวายให้น่าปวดหัวอีก
ทุกวันนี้ที่ไม่มีใครกระทำสิ่งใดรุนแรงกับอวี้อ้ายฉิงก็เพราะเกรงใจท่านนายอำเภออวี้เฟยหลง นายอำเภอผู้ใจดี เปี่ยมไปด้วยความเมตตา แต่กลับมีบุตรสาวที่ร้ายกาจดั่งนางปีศาจก็ไม่ปาน
อีกทั้ง ‘อวี้เฟยเทียน’ พี่ชายของอวี้อ้ายฉิงก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคดีแห่งศาลตุลาการประจำเมืองหนันหนิง เรียกได้ว่าบารมีบิดาและบารมีพี่ชายคุ้มเกศคุ้มเกล้า คุณหนูอวี้อ้ายฉิงจึงยังลอยหน้าลอยตาทำความเดือดร้อนแทบไม่เว้นวันได้เช่นนี้