ตอนที่ 8 อีเอ๋อ อีลูกโจร
คำพองตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาแต่เช้ามืด “คำแก้ว ตื่นเร็วจังลูก”
“ฉันอยากช่วยแม่ทำอาหารค่ะ”
“…งั้นไปเอาน้ำใส่หม้อนึ่งมาให้แม่ก็แล้วกัน” ส่วนมากลูกทั้งสามจะตื่นพร้อมกันก็ต่อเมื่อตอนฟ้าสางแล้ว แต่วันนี้คำแก้วดูแปลกไป
“ค่ะ” ถ้าเธอสามารถช่วยครอบมครัวได้เธอก็อยากจะทำ ทุกคนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก แม่กับน้องคงทำงานหนักมาตลอด เธออยากจะชดเชยส่วนนี้ให้กับพวกเขา
คำแก้วเติมน้ำใส่ในหม้อนึ่งในปริมาณที่พอเหมาะ กะว่าข้าวสุกยังให้น้ำเหลือในหม้อ ตอนเธอไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ภาคอีสานเพื่อนของเธอเคยสอนนึ่งข้าว เอาหม้อนึ่งไปให้แม่เสร็จก็ถือหวดนึ่งข้าวออกมาซาวข้าวแล้วนำไปให้แม่อีก คำพองมองดูลูกทำงานก็ยิ่งปลื้มปริ่มในหัวใจ คำแก้วทำทุกอย่างโดยไม่ต้องบอกอีกแล้ว น้ำในหม้อพอดิบพอดี หวดนึ่งข้าวก็ราดน้ำไม่ให้เมล็ดข้าวสารเกาะขอบหวดนึ่งข้าว ลูกของเธอจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไร หรืออาการป่วยหนักครั้งนี้จะทำให้สมองของเธอกลับมาเป็นปกติได้ คำพองคิดเข้าข้างตัวเองและก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้น ไม่ได้สนใจว่าตามหลักความจริงแล้วมันจะเป็นไปได้หรือไม่
คำแก้วเดินลงไปล้างหน้าแปรงฟันแต่เช้า ไม่สิ ต้องเรียกว่าสีฟันถึงจะถูก
มือเล็กเด็ดใบข่อยที่ต้นอยู่ข้างริมลำธารขึ้นมาสี่ห้าใบ จากนั้นก็นำมาสีฟัน
รู้สึกผะอืดผะอมเหลือเกิน เจลล้างหน้าก็ไม่มี
ฮือ เศร้า ป่านนี้ฟันคงเป็นสนิมคล้ายจอบไปแล้วกระมัง
นึ่งข้าวสุกคำพองก็ทำอาหารต่อ เธอแกะเปลือกนอกของเม็ดขนุนที่ต้มจนเปื่อยออกทีละเม็ด แล้วใส่ลงไปในครกที่โขลกพริกจนละเอียดแล้ว
“แม่ทำอะไรหรือคะ”
“ซุบเม็ดขนุน”
คำแก้วนั่งมองสิ่งที่อยู่ในครกนิ่ง ซุบขนุน ซุบมะเขือเธอรู้จักและเคยกิน แต่ซุบเม็ดขนุนเธอยังไม่เคยลอง คงเป็นเม็ดขนุนที่เหลือเมื่อคืนกระมัง แม่ถึงเอามาต้มซุบ นับวันของกินก็ยิ่งแปลกไปทุกวัน เห็นอะไรก็กินได้หมด
เอาวะกินก็กิน!
“วันนี้มีไข่ต้มด้วยนะ” แม่พูดอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้มีอาหารให้ครอบครัวได้กินอิ่มท้อง
“ค่ะ” ที่นี่แค่ได้กินไข่ต้มก็คงหรูแล้ว คำแก้วมองไปยังไข่ต้มสามฟองที่อยู่ในถ้วยแล้วนึกอดสูในใจ เธอจะต้องทำให้ครอบครัวมีอยู่มีกินไม่อดอยากเหมือนตอนนี้ให้ได้
คำแก้วกินข้าวอิ่มดวงนภาก็เดินออกมาพร้อมกับแม่และพ่อของเธอพอดี น้องทั้งสองก็เตรียมออกไปรับจ้างตัดปอเหมือนเดิม ทุกคนต้องแบ่งหน้าที่กันไป เพราะถ้าไปด้วยกันหมดเดี๋ยวจะไม่มีอะไรกิน เพราะการเข้าป่าครั้งนี้ก็ไม่รู้จะได้อะไรกลับมากินบ้าง
“เราต้องเอาอะไรไปบ้าง” คำแก้วถามเพื่อน
“แม่เตรียมไว้ให้แล้ว” คำพองเดินถือกระบุงที่มีสายคล้องเหมือนคนบนดอยใช้สะพายหลังใส่เด็กมาให้ และผ้าขาวม้าหนึ่งผืน “เอาผ้านี้คลุมหน้าไว้” ไม่พูดเปล่าคำพองคลี่ผ้าขาวม้าออกแล้วคลุมหน้าให้ลูกเสร็จสรรพ
“ฉันไม่พาเด็ก ๆ มันไปนานหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง” สิงหาบอกเพื่อน เข้มก็พยักหน้าให้ วันนี้เขาเห็นชาวบ้านออกไปหาเห็ดกันมากเหมือนกัน คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขอเพียงแค่อย่าอยู่จนมืดค่ำก็พอ
พูดจบทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ดวงตาคมเข้มของผู้เป็นพ่อมองตามหลังลูกสาวคนโตเหมือนทุกอย่างจะกระจ่างชัดขึ้นทุกอย่างแล้ว
ทั้งสามเดินมาถึงตีนเขาก็เจอชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมีผู้ชายสองผู้หญิงสาม พวกเขาคงมาหาของป่าเช่นกัน
“อ้าวอีเอ๋อมาเก็บเห็ดกับเขาเป็นด้วยรึ” เสียงของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อมองเห็นคำแก้ว
อีเอ๋อ! คืออะไรอะ ใครคืออีเอ๋อ คำแก้วทำหน้างุนงงแล้วหันไปถามเพื่อน
“คืออะไรเหรอดวง เขาว่าให้เราอย่างนั้นเหรอ” ที่เธอคิดอย่างนั้นเพราะผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามามองหน้าเธอ คำแก้วกำลังครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
“ช่างเขาเถอะน่า อย่าไปฟังคำคนพวกนั้นเลย” พอคนในหมู่บ้านรู้ว่าเข้มเคยเป็นลูกน้องโจรและเคยฆ่าคนมาก่อน ผู้คนต่างก็รังเกียจครอบครัวของเขา ไม่ค่อยมีใครมาสุงสิงด้วยมากนัก มีเพียงชาวบ้านส่วนน้อยและครอบครัวของสิงหาที่เป็นสหายของเขาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้นที่คอยแวะเวียนเอาของมาฝาก
“อีลูกโจร” หญิงอีกคนส่งเสียงแว้ดใส่คำแก้ว
ลูกโจรด้วยเหรอ! คำแก้วรู้สึกใจเสีย คิ้วเรียวขมวดแน่น เอ๋อด้วย ลูกโจรด้วย อะไรยังไงไปกันใหญ่แล้ว
บุญรอดอดใจไม่ไหวจึงโพล่งออกไป “ลูกโจรแล้วมันยังไง อยากโดนโจรฆ่าตายไหมล่ะ” เธอรู้สึกสงสารคำแก้ว ไม่คิดว่ามาถึงป่าเขาลำเนาไพรยังจะมีคนตามมาว่าให้อีก ทั้งที่ครอบครัวของเข้มก็ไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อน
ในที่สุดคำแก้วก็จำได้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร และความทรงจำเกี่ยวกับสองคนนี้ก็หลั่งไหลเข้ามา ตอนที่เธอไปวัดกับแม่ ยายนุ่นกับยายจูชอบว่าให้เธอกับแม่เสมอ
‘อีเด็กปัญญาอ่อน’
‘ทำไมพ่อเอ็งไม่ตาย ๆ ไปซะ จะย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านนี้ทำไม เสนียด’
เสียงพวกนั้นก้องเข้ามาในหู
คำแก้วเข้าใจแล้วว่าทำไมความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ถึงได้มีน้อยนัก เธอเป็นเด็กปัญญาอ่อนที่เรียนหนังสือไม่จบนี่เอง แต่คำว่าลูกโจรนั้นเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนตอนนี้ขอจัดการกับยายสองคนนี้ก่อน
“มันจะมากไปแล้วนะยายจู พูดอะไรระวังปากด้วย” สิงหาเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด เขาว่าจะไม่กล่าววาจารุนแรงกับผู้หญิงแล้วนะ
“เอ็งก็ตัวดีเลย ชอบคบโจรเป็นเพื่อนเดี๋ยวก็ไปเป็นโจรตามกัน”
“นี่…” สิงหาทำท่าจะเดินเข้าไปหายายจูแต่มือของคำแก้วจับแขนเขาไว้ก่อน
คำแก้วเปิดผ้าคลุมหน้าออกมือข้างขวาเสยผมยาวไปด้านหลัง ทำท่าทางกวน ๆ สาวเท้าไปหายายทั้งสองแล้วพูดเสียงดังเหมือนหาเรื่อง “เอ๋อแล้วมันหนักกบาลใครมิทราบ” ยายสองคนถึงกับหน้าเหวอ คนอื่นที่ยืนอยู่เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าคำแก้วจะกล้าตอบโต้ด้วยวาจาที่ค่อนข้างก้าวร้าวเช่นนี้ “ถ้าอีเอ๋อตบคนแก่ก็คงไม่ผิดสินะ จริงไหมคะ” คำแก้วพูดทีเล่นทีจริงทำท่าเอียงคอเหมือนเด็กปัญญาอ่อนตามที่พวกเขาเข้าใจ คำแก้วกัดกรามแน่นง้างฝ่ามือเล็กขึ้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ส่งเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “สักทีดีไหมฮึ”