บทที่2ความจริงอันโหดร้าย
เสียงไก่ตัวผู้โก่งคอขันไม่หยุดจนชาช่าทนไม่ไหวสบถทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“บัดซบห้องไหนตั้งนาฬิกาปลุกวะเนี่ย”
กำลังจะเคลิ้มหลับต่อก็มีเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น “แง้ๆ“
ชาช่ากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณทันทีนางอ้าปากหาวจนน้ำตาไหลยังไม่ทันได้เช็ดน้ำตาที่หางตาเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น
ชาช่านึกว่าเป็นเสียงเปิดประตูของห้องข้างๆเลยคร้านที่จะสนใจนางหลับตาลงกำลังจะล้มตัวลงนอนต่อเสียงตวาดก็ดังขึ้น
”สะใภ้ใหญ่เจ้าช่างกล้านักสายจนป่านนี้ยังไม่ลุกมาทำงานบ้านอีก“
เสียงดังเกินไปชาช่าลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ภาพตรงหน้าทำเอาชาช่าสะดุ้งโหยง
นางอยู่คนเดียวในคอนโดของตนเองก่อนนอนนางล้อคประตูอย่างดีแล้วผู้หญิงแต่งตัวแปลกๆเข้ามาได้อย่างไร
ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นผีแน่ๆเช้าแล้วยังจะมาหลอกมาหลอนกันอีกนางรีบท่องบทสวดมนต์ที่พอจำได้ออกมาไล่ผี
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต”พึ่งจะท่องได้ไม่กี่คำผีผู้หญิงตรงหน้าก็กร่นด่าเสียงดัง
“สะใภ้ใหญ่เจ้ากำลังสาบแช่งข้าอยู่ใช่ไหม”
ชาช่าพยายามข่มความกลัวท่องบทสวดมนต์ต่อฉับพลันนั้นเองความทรงจำมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาจนชาช่าสลบไป
ช่วงเวลาที่ชาช่าสลบไปนั้นชาช่าฝันเห็นตนเองยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา หลังจากหมอกจางลงก็เห็นสตรีที่หน้าตาเหมือนนางตอนอายุสิบเจ็ดอย่างกับแกะแต่มีรูปร่างผอมไปหน่อย
สตรีคนนั้นน้ำตาไหลอาบสองแก้มนางเดินมาหยุดตรงหน้าชาช่าแล้วคุกเข่าลงโขกศรีษะสามครั้ง
”ข้าคือจีหว่านข้าขอร้องท่านช่วยดูแลบุตรชายของข้าด้วย“
ชาช่าค่อยๆตั้งสติเรียบเรียงความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว
เมื่อตั้งสติได้ชาช่าจึงประคองจีหว่านลุกขึ้นพลางถามขึ้นด้วยความสงสัย
”ฉันมาที่นี่ได้อย่างไร“
จีหว่านตอบว่า ”ยมฑูตขาวดำพามาเจ้าค่ะ“(เฮยไป๋อู๋ฉางมีหน้าที่พาวิญญาณคนตายไปยมโลก)
ชาช่า “ฉันตายแล้วรึ“
จีหว่าน”ท่านกินยาเกินขนาดตายหลายวันแล้วเจ้าค่ะส่วนข้าตายเมื่อคืนนี้เพราะกินเห็ดพิษเข้าไป“
“ยมฑูตขาวดำที่มาเก็บดวงวิญญาณของท่านพบว่าท่านยังไม่หมดอายุขัยแต่กายเนื้อของท่านได้ถูกเผาไปแล้ว ยมฑูตขาวดำจึงนำดวงวิญญาณของท่านมาใส่ไว้ในร่างของข้าเมื่อคืนนี้เจ้าค่ะ”
ชาช่า”แล้วทำไมฉันจำเหตุการณ์หลังจากนอนหลับไม่ได้”
“เพราะตั้งแต่ดวงวิญญาณท่านออกจากกายเนื้อท่านก็หลับมาตลอดน่ะสิเจ้าคะข้าต้องไปแล้วลาก่อนเจ้าค่ะ“
ชาช่าร้องเรียกเสียงดัง”นี่เธออย่าพึ่งไป“
ดวงวิญญาณของจีหว่านค่อยๆจางหายไปขณะเดียวกันชาช่าก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงกร่นด่าที่ดังเข้ามาในห้อง
“นางตัวดีสลบนานจนป่านนี้ยังไม่ฟื้นทำเป็นสำออยคอยดูเถอะเจ้าใหญ่ไปสถานศึกษาเมื่อไหร่ข้าจะหักขานาง”
“ท่านแม่เบาๆสิเจ้าคะเดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมาได้ยิน”
เสียงสตรีอีกนางเอ่ยห้ามปรามหญิงวัยกลางคน
ตามความทรงจำของจีหว่านเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดคือเสียงของสวี่ซูลี่น้องสามีของจีหว่าน
ส่วนเสียงของหญิงวัยกลางคนคือเสียงของหวังหงเซ่อแม่สามีของจีหว่าน
บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่แปดคนคือ สวี่ฉางพ่อสามี,หวังหงเซ่อแม่สามี ,สวี่เจียสามีของจีหว่าน
สวี่ซูลี่น้องสาวสามี,สวี่จิ้นหูสามีแต่งเข้าของสวี่ซูลี่,สวี่จิ้นซินบุตรชายวัยสองขวบของสวี่ซูลี่
และสวี่หมิงบุตรชายวัยหนึ่งขวบของจีหว่าน
หมู่บ้านนี้ชื่อหมู่บ้านสวี่คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ใช้แซ่สวี่หมู่บ้านนี้ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วชามก็ถึง(หนึ่งชั่วโมง)
เมืองนี้ชื่อเมืองฟางโจวแคว้นฉี เมืองฟางโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่มากใช้เวลาเดินทางเพียงสามสี่วันก็ถึงแล้ว
ทที่2รักแท้?
วามจริงอันโหดร้าย
เสียงไก่ตัวผู้โก่งคอขันไม่หยุดจนชาช่าทนไม่ไหวสบถทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“บัดซบห้องไหนตั้งนาฬิกาปลุกวะเนี่ย”
กำลังจะเคลิ้มหลับต่อก็มีเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น “แง้ๆ“
ชาช่ากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณทันทีนางอ้าปากหาวจนน้ำตาไหลยังไม่ทันได้เช็ดน้ำตาที่หางตาเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น
ชาช่านึกว่าเป็นเสียงเปิดประตูของห้องข้างๆเลยคร้านที่จะสนใจนางหลับตาลงกำลังจะล้มตัวลงนอนต่อเสียงตวาดก็ดังขึ้น
”สะใภ้ใหญ่เจ้าช่างกล้านักสายจนป่านนี้ยังไม่ลุกมาทำงานบ้านอีก“
เสียงดังเกินไปชาช่าลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ภาพตรงหน้าทำเอาชาช่าสะดุ้งโหยง
นางอยู่คนเดียวในคอนโดของตนเองก่อนนอนนางล้อคประตูอย่างดีแล้วผู้หญิงแต่งตัวแปลกๆเข้ามาได้อย่างไร
ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นผีแน่ๆเช้าแล้วยังจะมาหลอกมาหลอนกันอีกนางรีบท่องบทสวดมนต์ที่พอจำได้ออกมาไล่ผี
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต”พึ่งจะท่องได้ไม่กี่คำผีผู้หญิงตรงหน้าก็กร่นด่าเสียงดัง
“สะใภ้ใหญ่เจ้ากำลังสาบแช่งข้าอยู่ใช่ไหม”
ชาช่าพยายามข่มความกลัวท่องบทสวดมนต์ต่อฉับพลันนั้นเองความทรงจำมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาจนชาช่าสลบไป
ช่วงเวลาที่ชาช่าสลบไปนั้นชาช่าฝันเห็นตนเองยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา หลังจากหมอกจางลงก็เห็นสตรีที่หน้าตาเหมือนนางตอนอายุสิบเจ็ดอย่างกับแกะแต่มีรูปร่างผอมไปหน่อย
สตรีคนนั้นน้ำตาไหลอาบสองแก้มนางเดินมาหยุดตรงหน้าชาช่าแล้วคุกเข่าลงโขกศรีษะสามครั้ง
”ข้าคือจีหว่านข้าขอร้องท่านช่วยดูแลบุตรชายของข้าด้วย“
ชาช่าค่อยๆตั้งสติเรียบเรียงความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว
เมื่อตั้งสติได้ชาช่าจึงประคองจีหว่านลุกขึ้นพลางถามขึ้นด้วยความสงสัย
”ฉันมาที่นี่ได้อย่างไร“
จีหว่านตอบว่า ”ยมฑูตขาวดำพามาเจ้าค่ะ“(เฮยไป๋อู๋ฉางมีหน้าที่พาวิญญาณคนตายไปยมโลก)
ชาช่า “ฉันตายแล้วรึ“
จีหว่าน”ท่านกินยาเกินขนาดตายหลายวันแล้วเจ้าค่ะส่วนข้าตายเมื่อคืนนี้เพราะกินเห็ดพิษเข้าไป“
“ยมฑูตขาวดำที่มาเก็บดวงวิญญาณของท่านพบว่าท่านยังไม่หมดอายุขัยแต่กายเนื้อของท่านได้ถูกเผาไปแล้ว ยมฑูตขาวดำจึงนำดวงวิญญาณของท่านมาใส่ไว้ในร่างของข้าเมื่อคืนนี้เจ้าค่ะ”
ชาช่า”แล้วทำไมฉันจำเหตุการณ์หลังจากนอนหลับไม่ได้”
“เพราะตั้งแต่ดวงวิญญาณท่านออกจากกายเนื้อท่านก็หลับมาตลอดน่ะสิเจ้าคะข้าต้องไปแล้วลาก่อนเจ้าค่ะ“
ชาช่าร้องเรียกเสียงดัง”นี่เธออย่าพึ่งไป“
ดวงวิญญาณของจีหว่านค่อยๆจางหายไปขณะเดียวกันชาช่าก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงกร่นด่าที่ดังเข้ามาในห้อง
“นางตัวดีสลบนานจนป่านนี้ยังไม่ฟื้นทำเป็นสำออยคอยดูเถอะเจ้าใหญ่ไปสถานศึกษาเมื่อไหร่ข้าจะหักขานาง”
“ท่านแม่เบาๆสิเจ้าคะเดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมาได้ยิน”
เสียงสตรีอีกนางเอ่ยห้ามปรามหญิงวัยกลางคน
ตามความทรงจำของจีหว่านเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดคือเสียงของสวี่ซูลี่น้องสามีของจีหว่าน
ส่วนเสียงของหญิงวัยกลางคนคือเสียงของหวังหงเซ่อแม่สามีของจีหว่าน
บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่แปดคนคือ สวี่ฉางพ่อสามี,หวังหงเซ่อแม่สามี ,สวี่เจียสามีของจีหว่าน
สวี่ซูลี่น้องสาวสามี,สวี่จิ้นหูสามีแต่งเข้าของสวี่ซูลี่,สวี่จิ้นซินบุตรชายวัยสองขวบของสวี่ซูลี่
และสวี่หมิงบุตรชายวัยหนึ่งขวบของจีหว่าน
หมู่บ้านนี้ชื่อหมู่บ้านสวี่คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ใช้แซ่สวี่หมู่บ้านนี้ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วชามก็ถึง(หนึ่งชั่วโมง)
เมืองนี้ชื่อเมืองฟางโจวแคว้นฉี เมืองฟางโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่มากใช้เวลาเดินทางเพียงสามสี่วันก็ถึงแล้ว