

บทที่ 2 ฉันจะไม่ยอม
บทที่ 2 ฉันจะไม่ยอม
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ฝนเกิดตกลงมาฟางเซียนคิดหนักเพราะไม่มีท่าทีว่าฝนจะตกสักนิดหากจะให้ลู่หลินลูกสาวของเธอเดินตากฝนกลับมาคงไม่สบายแน่ ๆ เธอเลยรีบเดินไปเรียกลูกสะใภ้ถือร่มไปรับลู่หลินที่โรงเย็บผ้า
ตอนนั้นเวยอันออกไปด้านนอกเพื่อเฝ้าดูลู่หลินว่ากลับมาหรือยังเลยไม่เห็นว่าฟางเซียนกำลังเดินไปหาพี่สาวของตัวเอง
“นี่มันอะไรกัน! แอบมาหลับอยู่ในครัวได้ยังไงขี้เกียจตัวเป็นขนจริง ๆ นี่เหม่ยหลิงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาพัก” ฟางเซียนใช้น้ำสาดเรียกให้เหม่ยหลิงตื่น ทันทีที่ร่างกายของเธอถูกน้ำก็ได้ลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย
“คุณแม่ ฉันแค่นอนพักเท่านั้นพี่ลู่หลินมาแล้วหรือคะ” เธอรีบลุกขึ้นกวาดสายตามองไปด้านหลังของแม่สามี
“ตอนนี้ยังไม่มาเพราะข้างนอกเกิดฝนตก เธอเอาร่มไปให้ลู่หลินหน่อยสิฝนนี่ก็จริง ๆ เลยทั้งวันไม่ตกมาตกตอนลูกสาวของฉันจะกลับบ้าน” เหม่ยหลิงมองไปทางหน้าต่างเห็นเม็ดฝนกำลังหล่นลงมาไม่แรงเท่าไหร่ หากเธอไม่ตากฝนคงไม่ไข้ขึ้นเมื่อคิดเช่นนั้นเหม่ยหลิงรีบเดินไปถือร่มเพื่อออกไปรับลู่หลินตามที่แม่สามีสั่ง
“ได้ค่ะ แต่ว่าบ้านเรามีร่มอันเดียวไม่ใช่เหรอคะ แล้วอย่างนี้ขากลับจะให้ฉันทำยังไง”
“นี่เธอต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ เธอก็เดินตากฝนกลับซ่ะสิ รีบไปเข้าป่านนี้ลู่หลินคงรอนานอยากกลับมาพักผ่อนแล้ว “แม่สามีรีบไล่ให้เธอเดินออกมา เหม่ยหลิงไม่รู้จะทำยังไงจึงเดินออกมาทั่งอย่างนั้นเห็นเวยอันนั่งใช้ไม้ขีดเขียนลงบนพื้นดิน
ในใจของเธอปวดร้าวไปหมดเพราะขาดพ่อทำให้น้องชายของเธอไม่ได้ไปเรียนต่อ มาอยู่ในครอบครัวนี้เธอเคยขอแล้วแต่ทว่าแม่สามีไม่มีท่าทีจะยอมและบอกว่าสิ้นเปลืองเสียเปล่าเรียนไปก็เท่านั้นในเมื่อโตขึ้นก็ต้องมีเมียทำงานหาเงินอยู่ดีจะเรียนไปทำไม ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ เหม่ยหลิงเคยคุยเรื่องนี้กับสามีของเธอครั้นที่เขากลับมาบ้านครั้งก่อน เขารับปากจะคุยเรื่องนี้กับแม่ให้แต่ก็เงียบไปเช่นเคย เธอเงยหน้ามองบนท้องฟ้าก้อนเมฆหนาปกคลุมเม็ดฝนเม็ดใหญ่กำลังจะโปรยลงมา เธอรีบเรียกให้น้องชายเข้าไปรอในบ้านหากโดนฝนอาจจะไม่สบายได้
เหม่ยหลิงกางร่มไปรับลู่หลินที่โรงเย็บผ้า ที่เธอไม่ได้มาทำงานที่นี่เพราะแม่สามีต้องการให้เธอช่วยทำงานบ้านดูแลบ้าน หากให้เธอมาทำงานทั้งหมดจะเป็นเขาที่ทำ ทำให้เหม่ยหลิงหมดหนทางหาเงินที่จะส่งเวยอันได้เรียน
“นี่!! ทำไมถึงมาช้าแบบนี้รู้มั้ยว่าฉันเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องทำงานทุกวัน เมื่อไหร่จะมีผู้ชายชาติตระกูลดีผ่านมาบ้างนะฉันอยากจะใช้ชีวิตเป็นคุณนายกับเขาเสียบ้าง เธอมันก็ดีนะที่ได้น้องชายของฉันเป็นสามีเพราะเธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากอยู่บ้าน แม่ก็อีกคนทำไมถึงไม่ยอมให้เธอมาทำงานกัน เอาร่มมาสิยืนจ้องอยู่ได้” ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าแต่งแต้มอย่างจัดจ้านที่ปากมีใฝเม็ดใหญ่ด่าทอน้องสะใภ้เพราะคิดว่าเธอนั้นสบายต่างจากตัวเองที่ต้องมาทำงานเหน็ดเหนื่อยทุกวัน เหม่ยหลิงรีบยื่นร่มให้ลู่หลินเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเหม่ยหลิงจะกลับอย่างไรในเมื่อมีร่มอันเดียวเมื่อเธอได้ร่มก็รีบเดินกลับบ้านปล่อยให้เหม่ยหลิงเดินตากฝนทั้งที่ร่างกายกำลังจะเป็นไข้ ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านหนาวถึงกระดูกริมฝีปากเริ่มซีดขาว มิหนำซ้ำกลับถึงบ้านแม่สามีก็ไม่ให้เธอได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะหิวใช้ให้เธอจัดโต๊ะอาหารต่อ มีเพียงน้องชายเท่านั้นที่เป็นห่วงเธอรีบไปคว้าผ้ามาให้เธอห่มกายก่อนจะยืนคอยสองแม่ลูกกินอาหารเสร็จ
เฮือก!
หยวนเหมยลืมตาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เธอกวาดสายตาจ้องมองไปยังเพดานพบเพียงเพดานสีขาวคล้ายโรงพยาบาลแต่ทำไมมันถึงดูทรุดโทรมและเก่าไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหรือแม้กระทั่งเตียงยังดูซอมซ่อเสมือนว่าไม่ได้อยู่ในยุคของเธอเลยเลยซ้ำ
‘ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วเมื่อกี้มันเป็นความฝันรึ! ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องยอมให้ทั้งสองแม่ลูกโขกสับด้วย เอ๊ะ!! แต่เดี๋ยวสิฉันไม่ได้ชอบดูละครน้ำเน่านี่น่าแล้วสิ่งที่ฉันฝันถึงคืออะไรกัน!’ หยวนเหมยคิดในใจก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“พี่เหม่ยหลิงพี่ฟื้นแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะต้องเสียพี่ไปแล้วเสียอีก ขอบคุณสวรรค์ที่ให้พี่กลับมา “หยวนเหมยมองตามเสียงสะอื้นที่พร่ำเรียกอยู่ใกล้ ๆ หูเมื่อเห็นหน้าก็เห็นว่าเด็กคนนี้ที่อยู่ในความฝันไม่ใช่เหรอ?
“นี่เด็กน้อยฉันไม่ใช่พี่สาวของเธอหรอกนะ! แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” เด็กชายคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะร้องไห้หนักมากกว่าเดิม
“พี่เหม่ยหลิงพี่เสียความทรงจำไปแล้วอย่างนั้นเหรอ อึก อึก” หยวนเหมยตกใจที่เห็นเด็กชายร้องไห้ดังมากกว่าเดิม รีบยันกายลุกขึ้นนั่งปลอบใจ
“นี่อย่าส่งเสียงดังสิที่นี่โรงพยาบาลนะ มีอะไรไหนลองเล่าให้ฉันฟังสิแล้วฉันจะช่วยนายเอง” แต่แล้วสายตาของหยวนเหมยได้หันไปสบตาตัวเองในกระจกเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือแม้แต่รูปร่างนี่มันไม่ใช่เธอด้วยซ้ำแต่เป็นผู้หญิงที่เธอฝันถึงเมื่อครู่นี่น่า ดวงตาของเธอเบิกโพลงก่อนจะคิดคำนวณเหตุการณ์มากมายหรือว่าสิ่งที่เธอคิดว่าความฝันอาจจะไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความทรงจำของเจ้าของร่างนี้
“นี่เด็กน้อยฉันขอถามหน่อยสิปีนี้ปีที่ไหร่กัน “’
“ปีนี้ปี 1983 ทำไมพี่ถามเหมือนจำอะไรไม่ได้อย่างนี้ฉันจะไปตามพี่เหวินเทียนให้ตามหมอมาตรวจนะครับ “สมองของหยวนเหมยคิดหนักหากเป็นอย่างนี้นั่นหมายความว่าเธอเกิดใหม่ในร่างของผู้หญิงที่ชื่อว่าเหม่ยหลิงและเป็นพี่สาวของเวยอันเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าสินะ! ในเมื่อสวรรค์เมตตาให้เธอกลับมาเกิดอีกครั้งแถมร่างกายนี้ก็ดูจะแข็งแรงแตกต่างร่างเก่าที่เจ็บป่วย อย่างนี้เหมือนเป็นเรื่องดีของหยวนเหมย
“เวยอันไม่ต้องไปตาม ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วฉันจำได้ทุกอย่างมานี่สิขอพี่กอดเธอสักหน่อย” หยวนเหมยดึงร่างของเวยอันมากอดเขาคงตกใจและขวัญเสียเป็นอย่างมากที่พี่สาวที่เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวตัดสินใจทิ้งเขาไป แต่ทว่าจากนี้หยวนเหมยผู้นี้จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเวยอันได้อีก ในเมื่อสวรรค์บันดาลให้เธอมาเกิดใหม่เธอจะปกป้องน้องชายเอง
