บทย่อ
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
บทที่ 1
ทะลวงกาม
สามผัว (6P)
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
ทะลวงกาม
ส-า-ม-ผั-ว (6P)
พุทธศักราช 2562
ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในหุบเขาของจังหวัดจันทบุรี
“ว้าย… ช่วยด้วย… ”
‘พิมพิศร์’ ตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อหล่อนชะโงกใบหน้าออกมาจากประตูบ้านแล้วเห็นนายบุญเลิศผู้เป็นบิดากำลังโดนชายฉกรรจ์สองคนลากออกไปจากม้าหินอ่อนที่กำลังนั่งดื่มสุราอยู่หน้าบ้าน
“ช่วยด้วยค่ะ… ช่วยด้วย พวกแกจะทำอะไรพ่อฉัน”
เสียงร้องของสาวน้อยทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าติดกัน พากันออกมามองด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าช่วย ทำให้สาวน้อยรีบคว้าไม้กวาดที่พอหยิบฉวยเอามาได้ เดินลิ่วๆ ตรงเข้าไปหาผู้ชายหน้าเหี้ยมตัวใหญ่สองคนที่กำลังกระชากคอเสื้อของบิดาหล่อน
พลั่ก…
กำปั้นของหนึ่งในชายฉกรรจ์อัดเข้าใส่ท้องนายบุญเลิศจนตัวงอ ร่างทรุดร่วงลงไปกองกับพื้น
“มึงปล่อยพ่อกูนะ… ”
หญิงสาวเงื้อไม้กวาด ก่อนจะต้องเงื้อค้าง ไม้กวาดหลุดลงจากมือเมื่อชายอีกคนควักปืนออกมาจี้ศีรษะของนายบุญเลิศ
“ฮือๆ… อย่าทำอะไรผัวฉันเลยนะ”
นางชบาที่วิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้านลนลาน รีบก้มลงกราบแทบเท้าชายที่กำลังเอาปืนจ่อหัวสามีของหล่อน
“วันนี้ฉันยังไม่มี… ขอผัดไปอีกสัปดาห์ได้ไหมจ๊ะพ่อคุณ… ขอเวลาอีกเจ็ดวันฉันจะหาเงินมาคืนให้”
นางชบากล่าวทั้งเสียงสะอื้น แววตาตื่นกลัว ไม่คิดว่าเจ้าหนี้จะทำรุนแรงถึงเพียงนี้
“ถ้าจะผัดผ่อนงั้นคงต้องถามนาย… ”
ไอ้คนที่ถือปืนอยู่ในมือเหลือบมองไปยังรถเบนซ์สีดำคันใหญ่ติดฟิล์มสีดำทึบรอบคัน จอดรออยู่ริมทาง
“นาย… นายของพวกแก… ไหน”
พิมพิศร์เหลือบมองไปยังถนน รีบวิ่งตรงไปยังรถเบนซ์สีดำที่จอดนิ่งอยู่ริมทาง
“นายจ๋า… เมตตาด้วยเถอะ อย่าทำอะไรพ่อหนูเลยนะคะ… ”
ร่างเล็กที่ยืนยกมือไหว้ปลกๆ และทรวดทรงของเด็กสาวที่ดูเอิบอิ่มไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาวสะพรั่ง ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘นาย’ ต้องลดกระจกสีดำลงมาเพราะความสะสวยสะดุดตาของหล่อน
“นาย… อย่าทำร้ายพ่อหนูเลยนะจ๊ะ ขอเวลาอีกเจ็ดวันนะจ๊ะ… หนูกับแม่จะหาเงินมาใช้หนี้คืนให้นายทุกบาททุกสตางค์”
หญิงสาววิงวอนทั้งน้ำตา ก่อนที่ประตูรถจะถูกผลักออกมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของ ‘คมกริช’ ชายผู้เป็นเจ้าหนี้ที่เมื่อก่อนเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่ทางภาคเหนือ ทำให้ได้นาม ‘พ่อเลี้ยง’ ติดมาจนถึงทุกวันนี้
แม้เขาจะสวมแว่นตาดำ หากสาวน้อยก็รับรู้ได้ถึงรัศมีของความโหดเหี้ยมในดวงหน้าที่แม้จะหล่อเหลาสะดุดตา หากก็มีประกายของความ ‘ไม่ธรรมดา’ ที่หล่อนสัมผัสได้
“แล้วคิดว่าภายในเจ็ดวัน… ครอบครัวเธอจะมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ใช่ไหม… หึๆ”
เจ้าหนี้เหยียดยิ้มอย่างดูแคลนความจน เหลือบตามองมายังห้องเช่าขนาดเท่ารังหนูของครอบครัวหล่อนด้วยความสมเพช
“คือ… ”
นางชบานิ่งอึ้ง
เจอคำถามนี้เข้าไปก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ด้วยอันที่จริงหล่อนก็มืดแปดด้าน ระยะเวลาเพียงเจ็ดวันจะไปหาเงินห้าหมื่นมาจากไหน?
“งั้นฉันมีข้อแลกเปลี่ยน… เอาเป็นว่าฉันจะเอาตัวนังนี่ไปอยู่ด้วยสามวันแทนการชดใช้หนี้”
คมกริชคว้าข้อมือของพิมพิศร์
“ว้าย… ไม่นะ อย่าเอาลูกสาวฉันไปนะนาย”
นางชบาตกใจสุดขีด ใบหน้าของหล่อนซีดเผือด ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเป็นแบบนี้
“แม่… ไม่เป็นไร หนูจะไปกับเขา… ขอแค่เขาไม่ทำร้ายพ่อแล้วยอมยกหนี้ให้… อะไรหนูยอมทั้งนั้น”
พิมพิศร์ทำใจดีสู้เสือ
หล่อนไม่ดิ้นรนขัดขืน ยอมจำนนกับมือใหญ่ของเจ้าหนี้ใจร้ายที่บีบข้อมือน้อยๆ ของหล่อนเอาไว้แน่นจนเป็นรอยแดง