ตอนที่5 เพื่อนใหม่
หลังจากที่เดินเข้ามาในโรงเรียน หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยที่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ หาเพื่อนใหม่ ถึงแม้ปกติที่โรงเรียนเก่าเธอจะไม่มีเพื่อนสนิทก็ตาม แต่ก็รู้จักกัน แต่นี่อะไร เธอไม่รู้จักใครเลย
“เธอชื่อมะลิใช่ไหม?” ผู้หญิงอีกคนเข้ามาทักทายหญิงสาวที่นั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียว มะลิวัลย์พยักหน้าให้ ก่อนจะระบายยิ้มออกมา
“ฉันชื่อมิ้วนะ อยู่ห้องเดียวกันกับเธอ ยินดีที่ได้รู้จัก” มิ้ว หรือรุ่งธิดาทักทายเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้
“ยินดีเช่นกันจ้ะ” พอมีคนมาชวนคุยก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมา เธอเพิ่งรู้ว่ามิ้วเองก็เพิ่งย้ายมาตอนเปิดเทอมตอนขึ้นม.ห้า หญิงสาวเองก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายอะไร พอเห็นมะลิวัลย์จึงนึกถึงตนเองสมัยก่อน
หลังจากที่ได้พูดคุยกัน มะลิวัลย์ก็รู้สึกสนุกที่ได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ มิ้วออกจะโก๊ะนิดหน่อย ชวนคุยเก่งเป็นบ้า ทำเอามะลิวัลย์ได้แต่พยักหน้าไปมาอย่างเดียวเลย
“เออนี่ ไปกินไอติมหน้าปากซอยกันไหม อร่อยมากนะ เธอน่าจะชอบ”
“เอ่อ วันนี้คงไม่ได้ เพราะฉันต้องรีบกลับบ้าน” มิ้วทำหน้าเซ็งออกมา แต่เธอก็พยักหน้าเข้าใจ
“งั้นพรุ่งนี้นะ ฉันชวนเธอแล้ว”
“ได้จ้ะ”
พอเลิกเรียนมะลิวัลย์ก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน โดยบอกชื่อร้านอาหารของคณากรไป มีใครบ้างไม่รู้จัก เดินเข้าไปอีกนิดก็ถึงบ้านที่เธออาศัยอยู่แล้ว
“นั้นเด็กรับใช้บ้านคุณกรเหรอวะ?” เสียงพนักงานร้านอาหารที่มองตามแผ่นหลังคนตัวเล็กที่เดินเข้าซอยบ้านของคณากรไปอย่างสงสัย
“น่าจะใช่มั้ง เห็นอยู่ที่บ้านหลังนั้น”
“น่ารักเป็นบ้า ไม่คิดว่าเด็กรับใช้คุณกรจะน่ารักขนาดนี้”
“เฮ้อ ยังเด็กอยู่นะเว้ย เดี๋ยวก็คุกหรอก”
“เด็กอะไรนมใหญ่ขนาดนี้แล้ว เดี๋ยววันหลังกูจะไปทักทาย คนนี้ใช่มาก แม่ของลูกกูแน่นอน” คำพูดของพนักงานทำเอาชายหนุ่มที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หลังร้านได้ยินทุกคำ คณากรทิ้งบุหรี่ ก่อนจะเหยียบไปมา ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ได้สูบบุหรี่อะไรมากมาย เพียงแต่วันนี้อารมณ์เขาได้ เลยมายืนสูบ เขาเห็นคนตัวเล็กลงจากรถพอดี พร้อมทั้งได้ยินคำพูดทุเรศนั้นอีก ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้หงุดหงิดขึ้นมามากขนาดนี้ก็ไม่รู้
หลายวันผ่านไป
ชีวิตในโรงเรียนของมะลิวัลย์ถือว่าไปได้ดีเลย เพราะเธอมีเพื่อนอย่างมิ้วที่เคยช่วยเหลือเธอตลอด
“วันนี้พี่ชายฉันจะมารับ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอนะ เห็นเธอกลับแท็กซี่ทุกวันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกเรากลับได้ ไม่อยากรบกวนเธอกับพี่” มะลิวัลย์ได้ยินบ่อยครั้งเกี่ยวกับพี่ชายของมิ้วที่ชื่อมีน
“ไม่เอา เราอยากไปส่งเธอ นะ ๆ ให้เราไปส่งนะ”
“งั้นก็ได้ขอบใจนะมิ้ว” คนตัวเล็กยิ้มให้เพื่อนสาว พอมิ้วได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจไม่น้อยที่จะได้ไปส่งเพื่อน
หลังเลิกเรียนรถเก๋งของพี่ชายมิ้วก็มารับที่หน้าโรงเรียน โดยมะลิวัลย์ถูกจับให้นั่งหน้าข้าง ๆ พี่ชายของรุ่งธิดา คนตัวเล็กรู้สึกเกร็งไม่น้อย แต่ก็ต้องทำตัวปกติที่สุด
“นี่มะลิ นี่พี่ชายเรา พี่มีน” หญิงสาวยกมือทักทายพี่ชายเพื่อนที่อายุห่างจากเธอสักสามสี่ปีได้
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องมะลิ ยัยมิ้วพูดถึงเราให้พี่ได้ยินบ่อยมาก” มะลิหันไปมองเพื่อน ก่อนที่มิ้วจะยิ้มร่าออกมา
“ไม่ต้องห่วง เรื่องดีจ้ะคุณเพื่อนรัก”
“แล้วไป นึกว่าไปเผาอะไรเรา” คำพูดของหญิงสาวทำให้มิ้วหัวเราะออกมา เธอเล่าเรื่องมะลิวัลย์ให้พี่ชายฟัง เพราะชอบนิสัยของหญิงสาว แถมตอนนี้พี่ชายเธอก็โสดอยู่ด้วย เผื่อเป็นกามเทพช่วยให้คนมีความรักได้ แค่คิดหญิงสาวก็มีความสุขแล้ว
พอรถเก๋งมาจอดตรงบริเวณร้านอาหาร รุ่งธิดาก็ถามขึ้นมาทันทีว่ามะลิวัลย์อยู่ที่นี่เหรอ คนตัวเล็กจึงพยักหน้าให้
“ฉันเป็นคนงานที่นี่” หญิงสาวจำต้องบอกออกไปแบบนี้ ทั้งมิ้วกับพี่ชายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากพยักหน้ารับรู้
“วันจันทร์เจอกันนะมะลิ คืนนี้เดี๋ยวฉันโทรมาเล่นด้วย”
“ได้จ้ะ ขอบคุณนะคะพี่มีนที่มาส่ง”
“ยินดีครับน้องมะลิ” หญิงสาวหันมายิ้มให้เพื่อน ก่อนจะลงจากรถไป มิ้วเห็นกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวตกก็รีบบอกให้พี่ชายลงเอาไปให้หญิงสาวทันที
“น้องมะลิครับ กระเป๋าสตางค์ครับ” หญิงสาวตาโตตกใจเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าตกไปตอนไหน
“ขอบคุณพี่มีนมากนะคะ”
“ยินดีครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ” คนตัวเล็กพยักหน้า มองชายหนุ่มร่างสูงที่เดินขึ้นไปยังรถ ก่อนจะเลี้ยวออกไป โดยมะลิวัลย์ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนกอดอกมองดูอยู่
“เมื่อกี้ใคร? เรียนไม่ถึงอาทิตย์คือมีผู้ชายมาส่งแล้วงั้นเหรอมะลิวัลย์?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังจะเดินเข้าซอยต้องหันกลับมาหาเจ้าของเสียง มะลิวัลย์ยกมือสวัสดีชายหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าลง
“เงียบทำไม ที่ถามไม่ได้ยินเหรอ?”
“คะ?” เธอไม่ทันได้ยินคำถามของชายหนุ่ม เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สีหน้าใสซื่อของคนตัวเล็ก ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของคณากรเพิ่มมากกว่าเดิม
“ให้ไปเรียนไม่ได้ให้ไปหาผัวเพิ่ม หัดอดใจไว้หน่อยไม่ได้รึไงมะลิวัลย์!” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม มะลิวัลย์ก็ชักสีหน้าออกมาทันที กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องมาเจอคำพูดแบบนี้ เธอไม่ชอบเลย
“คุณกร ถ้าจะชวนทะเลาะหนูขอตัวนะคะ ยังมีงานบ้านต้องทำต่อ” มะลิวัลย์ไม่อยากทะเลาะกับชายหนุ่ม จึงเดินหนีตรงมาที่บ้าน แต่ทว่าคณากรยังเดินตามมาหาเรื่องติด ๆ หญิงสาวถอดรองเท้านักเรียน ก่อนจะเก็บเข้าชั้นอย่างเรียบร้อย ไม่ทันจะได้เข้ามาในบ้าน เรียวแขนเล็กก็ถูกกระชากไปตามแรงของคนตัวสูงเสียแล้ว
“โอ๊ย หนูเจ็บนะคุณกร” มะลิวัลย์ร้องบอกหลังจากที่ชายหนุ่มเหวี่ยงเธอไปที่โซฟา ถึงจะมีเบาะนุ่ม ๆ รองรับแต่แรงกระแทกทำให้เธอรู้สึกเจ็บอยู่ดี ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกันแน่ถึงได้มาทำแบบนี้กับเธอ
“แล้วไง?” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะเจ็บหรือรู้สึกยังไง เขาต้องการให้มะลิวัลย์รู้ว่าไม่ควรเดินหนีหรือท้าทายเขาแบบนี้
“คุณกร คุณเป็นอะไรคะ ทำไมต้องมาหาเรื่องหนูด้วย”
“ใครหาเรื่องเธอ มีแต่เธอที่ทำตัวเอง!”
“หนูทำอะไรไม่ทราบ?” เธอไม่เข้าใจ แค่เพื่อนมาส่งที่บ้านนี่ผิดมากรึไงกัน
“หึ! ไม่ยอมรับสินะ ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันจริง ๆ เลย ไม่แปลกใจที่ทำไมอยากแต่งงานกับฉันจนตัวสั่นแบบนี้ มันอยากขนาดนั้นเลยเหรอ ถามจริง ๆ เถอะอายุแค่นี้ทำไมถึงยุ่งกับผู้ชายไปทั่ว อ่อยไม่เลือกหน้า”
เพี๊ยะ!
มะลิวัลย์ทนฟังคำต่อว่าที่ออกมาจากปากของคนตัวสูงไม่ได้ ถึงลุกขึ้นยกมือตบใบหน้าหล่อเหลาของคณากรทันที จะใช้เธออะไรเธอไม่เคยว่า แต่ทำไมต้องมาดูถูกเธอขนาดนี้ เธอก็คนนะ มีความรู้สึกเหมือนกับเขา คนโดนตบยกมือขึ้นมาจับแก้ม ก่อนจะตวัดสายตาดุดันมาให้คนตัวเล็กทันที เกิดมาอายุสามสิบสองไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาเลย แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ก็แค่เด็กจน ๆ ที่เอาตัวเข้าแลก เพื่อจะอยากได้ อยากมีก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าแม่ของเขาไปหลงอะไรนักหนา ถึงได้ถวายมาให้เขาแบบนี้
“ปากสกปรก จิตใจคุณก็สกปรก!”
“สกปรกมากใช่ไหมฮะ!” ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มกระชากตัวหญิงสาวเข้ามาหาตน ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดรัดร่างบางอรชรไว้แน่น คณากรรับรู้ถึงความนุ่มนิ่มที่กระแทกชนกับแผ่นอกแกร่งของเขา คำพูดของพนักงานในร้านคงจะใช่จริง ๆ ยัยเด็กบ้านี่นมใหญ่ชะมัด
“ปล่อยหนูนะคุณกร!” มะลิวัลย์ดิ้นไปมา เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ถูกกอดรัดไว้แบบนี้
“เธอว่าฉันสกปรกมากใช่ไหม ดี เราจะได้สกปรกไปด้วยกัน!”
“กรี๊ด คุณกรปล่อยหนูนะ มาอุ้มหนูทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้คนบ้า คนเลว!”