บทที่6 ขึ้นเขา
“ข้ารู้”
หลิวตงจวิ้นพูดเสียงเบา หลังจากสหายของเขาจากไปหลิวตงจวิ้นก็เข้ามาดูหวังเจียอี๋ที่กำลังทำแผลอยู่ในเรือน
“เป็นอย่างไรบ้างอาอี๋เจ็บหรือไม่ ข้าขอโทษทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าพาเจ้ามาที่นี่แต่กลับปล่อยให้พวกเขารังแกเจ้ามาหลายปี หากไม่ใช่เพราะความกตัญญูที่โง่งมของข้าเจ้าคงไม่ต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้”
หวังเจียอี๋ส่ายหน้า
“ท่านอย่าได้โทษตนเอง หากว่าท่านเป็นเหมือนพวกเขาข้าก็คงไม่เลือกท่านแน่นอน”
ทั้งสองแสดงความรักและความห่วงใยต่อกันและกันทางสายตา เจิ้งซูอี้พาหลิวซีฮันออกมานอกห้องหลังจากที่วิญญาณของนางมาอยู่ในร่างนี้นางคงต้องทำประโยชน์ให้พวกเขาบ้าง
เจิ้งซูอี้ทานโจ๊กมันเทศที่เย็นไปนานแล้วอย่างไม่รู้สึกอะไร นางถูกฝึกเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กตอนอยู่ในสนามรบอาหารที่แย่กว่านี้นางก็เคยกินมาแล้ว นางคว้าเอาตะกร้าสะพายหลังและมีดผ่าฟืนเล่มใหญ่พาหลิวซีฮันเดินไปทางลำธารที่ไหลมาจากบนภูเขา
เจิ้งซูอี้ตัดไม้ไผ่มาหนึ่งลำ จากนั้นผ่าด้านปลายออกเป็นซี่ๆ แล้วเหลาให้แหลมเอากิ่งไม่คั่นระหว่างซีกให้ห่างจากกันเล็กน้อย ทุกวิธีการเอาตัวรอดของนางล้วนร่ำเรียนมาจากท่านปู่แม่ทัพใหญ่แห่งซีหยวน ป่านนี้ทุกคนคงจะเศร้าใจที่นางตายจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา แต่การเกิดและตายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนตระกูลเจิ้งเพราะพวกเขารู้ดีว่าท่ามกลางสนามรบทุกอย่างล้วนแขวนเอาไว้ที่คมหอก และเมื่อนางได้เกิดใหม่ที่นี่ดังนั้นตอนนี้นางและตระกูลเจิ้งแห่งซีหยวนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว
เจิ้งซูอี้ให้หลิวซีฮันนั่งเฝ้าตะกร้าเอาไว้จากนั้นนางจึงไปยืนบนโขดหินข้างลำธารที่ห่างออกมา ทุกอย่างเงียบสงบมีเพียงเสียงน้ำไหลและสายลมพัดเอื่อยๆ เจิ้งซูอี้หลับตาทำสมาธิสัมผัสสิ่งต่างๆ รอบข้าง นางไม่รู้ว่าวรยุทธของนางจะยังใช้ได้กับร่างของหลิวอันอันหรือไม่
เมื่อเจิ้งซูอี้ลืมตาขึ้นนางซัดไม้ไผ่ลงไปในน้ำเต็มแรง จากนั้นดึงมันขึ้นมา ปลาเฉ่ายวี (ปลาจีน) ตัวใหญ่ก็ดิ้นไปมาอยู่ในซีกไม้ไผ่ของนาง หลิวซีฮันตบมือเสียงดังด้วยความดีใจชาวบ้านแถวนี้อยากจะกินปลานั้นช่างยากนักเพราะมันว่ายน้ำรวดเร็วหากไม่ใช่คนที่มีฝีมือจริงไหนเลยจะจับมันมาทำอาหารได้ เจิ้งซูอี้โยนมันไปให้หลิวซีฮันที่นั่งรออยู่บนฝั่ง
เมื่อนางจับปลาได้หกเจ็ดตัวเจิ้งซูอี้จึงหยุดมือแล้วพาหลิวซีฮันเดินขึ้นเขาเก็บผักป่าเพื่อไปทำอาหารให้ท่านแม่ที่กำลังบาดเจ็บของพวกเขา
“ท่านพี่ท่านเก่งมากเลย”
หลิวซีฮันใช้ขาสั้นๆ เดินตามหลังนางพลางส่งเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนนกกระจิบ เจิ้งซูอี้เดินช้าลงเพื่อให้หลิวซีฮันตามทัน เขาอายุห้าขวบแล้วเป็นช่วงอายุที่กำลังดีในการฝึกวรยุทธ ตอนที่นางเริ่มฝึกกับท่านปู่นางพึ่งจะแค่สามขวบเท่านั้น เจิ้งซูอี้วางแผนฝึกเด็กน้อยน้องชายของหลิวอันอันให้เก่งกาจเพื่อที่เขาจะได้สามารถปกป้องครอบครัวนี้ได้ เพราะบางทีในอนาคตนางอาจจะออกไปจากที่นี่ เมื่อนางไม่อยู่นางจะได้วางใจฝากเขาเอาไว้ได้
เจิ้งซูอี้พาหลิวซีฮันเดินเข้าไปในภูเขาจนกระทั่งมองไม่เห็นร่องรอยของชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า ถึงแม้จะเดินมานานแทบไม่ได้หยุดพักแต่หลิวซีฮันที่เดินตามนางมากลับไม่บ่นสักคำ เขาค่อนข้างจะมีความอดทนนางชอบส่วนนั้นของเขา เด็กคนนี้เป็นต้นกล้าที่ดีในการฝึกวรยุทธ
เจิ้งซูอี้สอนหลิวซีฮันขุดหลุมทำกับดักจับสัตว์ป่า นางใช้ปลาที่จับมาได้ส่วนหนึ่งเป็นเหยื่อจากนั้นปิดปากหลุมด้วยใบไม้และใช้ดินกลบเล็กน้อย ทั้งสองเดินห่างออกมาจากตรงนั้นแล้วปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อรอดูผลงาน
ผ่านไปราวสองชั่วยามที่พวกเขานั่งอยู่บนต้นไม้ เสียงเดินของหมูป่าตัวเขื่องที่ใช้จมูกดมๆ เดินตามกลิ่นมาเมื่อถึงหลุมที่เจิ้งซูอี้และหลิวซีฮันขุดเอาไว้มันจึงตกลงไป เสียงร้องแหลมเสียดแก้วหูของเจ้าหมูป่าเพราะตกใจจนหลิวซีฮันต้องยกมือขึ้นมาปิดหูไว้ เจิ้งซูอี้ไม่รอช้านางกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ลงมาจากต้นไม้ได้ จากนั้นจึงวิ่งตรงไปที่หมูป่าชะตาขาดตัวนั้น มันพยายามดิ้นรนเพื่อขึ้นจากหลุมกับดัก นางใช้ไม้ปลายแหลมที่เหลาเตรียมเอาไว้แทงไปที่คอของหมูป่าทันที หลุมที่ขุดเอาไว้ไม่ลึกมากนางจึงต้องรีบเร่งเช่นนี้เพราะกลัวว่ามันจะหนีไปได้ เสียงเขาเจ้าหมูป่าเงียบไปเจิ้งซูอี้จึงกลับไปรับหลิวซีฮันลงมาจากต้นไม้ จากนั้นสองพี่น้องจึงช่วยกันลากหมูป่ากลับไปที่เรือนของตน