ตอนที่ 5 ยอมรับความจริง
ยอมรับความจริง
สองเดือนต่อมา
“ปั้นหยา...นั่นลูกจะไปไหนแต่เช้า” เสียงของผู้เป็นแม่ถามขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวเดินลงมาจากบันไดด้วยท่าที ที่วันนี้ร่าเริงกว่าทุกวัน แถมยังตื่นเช้ากว่าทุกวันด้วย
“ไปหาพี่ทีมกับพิพิมคะแม่ปิ่น คิดถึงพี่เธอร์ อยากไปเยี่ยมเจ้าแฝดด้วยไม่ได้เจอกันนานแล้ว” เธอเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปตามตรง
“ไม่รอไปตอนเย็น พร้อมกันกับคุณพ่อละคะ” ปิ่นลดาถามลูกสาวออกไป
เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของสัปดาห์ ผู้เป็นพ่อตะกลับมาช้าก็ว่าทุกวัน เพราะต้องเคลียร์งาน ทั้งทางมหาลัยที่รับสอนและกับทางโรงพยาบาลที่เป็นผู้บริหารด้วย
ส่วนลูกชาย(หมอทีม)คุณพ่อลูกสามที่ต้องรับตำแหน่งผู้บริหารต่อ ตอนนี้ก็เข้าศึกษาต่อทางด้านงานบริหารด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปดูงานที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่ นอกจากจะมีเคสด่วนจริง ๆ เพราะผู้เป็นพ่อวางมีดมานานแล้ว ตั้งแต่ที่หลานชายคนแรกเข้าโรงพยาบาล เมื่อหลายปีก่อน
“ตอนเย็นหยาไม่ว่างคะ...วันนี้เป็นวันเกิดเวย์” หญิงสาวเอ่ยตอบแม่ออกมา
“ถ้าอย่างนั้น แม่ฝากขนมไปให้หลาน ๆ ด้วยนะ” ปิ่นลดาจึงเดินไปหยิบคุกกี้ที่ทำพึ่งเสร็จ ส่งให้แก่ลูกสาวเพื่อที่จะนำไปฝากหลาน ๆ ด้วย
บ้านเธียรวิชญ์?
ณดารินทร์ขับรถเข้าจอดที่บ้านหลังใหญ่ของพี่ชายเธอในช่วงเวลาเย็นแล้ว เพราะเธอมัวแต่แวะซื้อของฝากด้วย บ้านของพี่ชายเธอซึ่งแยกออกมาอีกซอยหนึ่ง ไปไกลจากบ้านของพ่อและแม่มากนัก
“หยา...จะมาทำไมไม่บอกพิมก่อนละ แล้วนี่เอาอะไรมาตั้งเยอะแยะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นณดารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับของเต็มมือไปหมด
พิพิม อัครโยธินนารัตน์ หญิงสาวที่เป็นเพื่อนกันกับเธอมาตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะพ่อเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ตอนนี้กลายมาเป็นพี่สะใภ้ของเธออย่างเต็มตัว
หญิงสาวที่แบกท้องลูกของพี่ชายเธอ หนีไปศึกษาต่อที่ต่างจังหวัด แต่สามารถจบมาด้วยเกียรตินิยม พร้อมกับปริญญา 2 ใบ แต่พี่ชายเธอกลับให้มต้องมาอยู่บ้าน ทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่
“ขนมฝากเด็ก ๆ แม่ปิ่นทำมาฝาก เดี๋ยวเย็น ๆ พวกท่านจะมาหาหลาน” ณดารินทร์เอ่ยตอบ พร้อมกับวางของลงที่โต๊ะ
“พิมฝากขอบคุณแม่ปิ่นด้วยนะ”
“แล้วเด็ก ๆ ละ ยังไม่กลับจากโรงเรียนอีกเหรอ” เธอจึงถามพิพิมออกมา เมื่อบ้านยังคงเงียบ
“สงสัยพี่ทีมคงพาแวะเข้าร้านสะดวกซื้ออีกตามเคย...” พิพิมตอบออกไป เพราะน่าจะเป็นเหมือนทุกครั้ง ที่สุดสัปดาห์หลังเลิกเรียนพ่อ-ลูกมักจะแวะร้านสะดวกซื้อตลอด เพราะเจ้าแฝดชอบอ้อน
“นินทาอะไรพี่อยู่เหรอครับ...” เสียงของคนที่ถูกเอ่ยถึงดังขึ้นมา เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับเข้ามาสวมกอดผู้ภรรยาเหมือนเช่นทุกวันที่กลับมาถึงบ้าน
นายแพทย์ทินกร อัครโยธินนารัตน์ หรือ หมอทีม พี่ชายของเธอนั้นเอง แต่ไม่ค่อยเอ็นดูเธอสักเท่าไหร่ เพราะพี่ชายเธอมักจะเอ็นดูพิพิมมากกว่าเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ปั้นหยา! ลมอะไรพัดมา ถึงมาที่นี่ได้” เสียงอุทานดังขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าภรรยาไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว
“พี่ทีม! พี่เธอร์ หยาหยาคิดถึงพี่เธอร์ที่สุดเลยครับ มาให้หยาหยากอดหน่อยสิ” หญิงสาวตวาดสายตาค้อนใส่พี่ชาย เเล้วหันมาเอ่ยเสียงอ้อนเมื่อเห็นหลานชายสุดหล่อเดินตามมาพร้อมกับน้อง ๆ เด็กแฝด
“ไม่ได้ครับ พ่อจ๋าบอกไม่ให้กอดผู้หญิงคนไหนถ้าไม่ใช่แม่และน้องพัชร์ แล้วก็คนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นครับ” เด็กชายรีบปฏิเสธพร้อมกับถอยออกห่างเธอทันที
อาเธอร์ เธียรวิชญ์ อัครโยธินนารัตน์ เด็กชายวัย 9 ขวบ เดิมทีใช้นามสกุลเดิมของแม่ เพราะตอนที่เกิด จนอายุถึง 4 ขวบ พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
และหลังจากที่พ่อและแม่กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว พึ่งจะมาเปลี่ยนตอนนั้นเอง
เพราะทินกรเอง ก็พึ่งจะมาเปลี่ยนใช้นามสกุลพ่อ ตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน และรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แล้วเขาก็มาเรียนหมอตามรอยพ่อผู้เลี้ยงดูมานี้เอง
และบ้านหลังนี้ ผู้เป็นพ่อจึงตั้งเป็นชื่อของลูกชาย เพราะเขาให้เหตุผลว่า เขาไม่ได้ดูแลลูกชายเขาเลยตั้งแต่อยู่ในท้อง ตลอดจน 4 ปี เขาจึงมอบบ้านหลังนี้ ให้เป็นของขวัญแทน เพื่อชดเชยให้ในเรื่องราวของอดีต ที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว
“หยาหยาไปกอดเจ้าแฝดก็ได้ โกรธพี่เธอร์แล้ว” ณดารินทร์ทำหน้างอใส่เด็กชาย ก่อนที่จะหันไปหาทางเด็กแฝด
“หยาหยา” เสียงเล็กของเด็กแฝดดังขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเห็นว่าใครมาหา
“น้องพีช น้องพัชร์ หยาหยาคิดถึงจังเลย...” หญิงสาวรีบย่อตัวลง แล้วสวมกอดเด็กแฝดทันที
พีช ธัชนันท์ - พัชร์ ธัญวรินทร์ อัครโยธินนารัตน์ เจ้าแฝดชายหญิงในวัย 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของหมอทีม และพิพิม(จากเรื่องบ่วงรักทินกร)
“พี่หมอคะ อายเด็ก ๆ กับปั้นหยาบ้างสิคะ” พิพิมรีบปราม เมื่อสามีเอาแต่คลอเคลียเธอ
“อายทำไม ใครไม่อยากดูก็ปิดตาเอาไว้สิ” แต่คนตัวโตกลับได้สนใจไม่ แถมเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีที่ประชดประชันอีก
“พี่หมอ!” พิพิมจึงดุขึ้นมาอีก แถมไม่ใช่แค่ดุอย่างเดียว ยังบิดเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง
“โอ้ยยย พิม พี่เจ็บนะ” เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นมาทันที ทามกลางทุกสายตาทำที่มอง
“เจ็บแหละ จะได้รู้เสียบ้าง เล่นอะไร สงสารปั้นหยาบ้างสิคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพิม หยายอมรับความจริงและทำใจได้นานแล้ว”
“แต่ถึงอย่างไร พี่หมอก็ไม่คนควรทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าลูกอยู่ดี อย่าลืมนะคะ ว่าเด็กช่วงนี้ คือวัยแห่งการจดจำ และปฏิบัติตาม ถ้าเกิดลูกจำแล้วเอาไปทำกับคนอื่นละคะ” พิพิมเอ่ยขึ้นมาอย่างมีเหตุผล
“...” ทินกรทำหน้าหงอยเมื่อโดนภรรยาดุ แล้วเงียบไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก
“สมน้ำหน้า!” ณดารินทร์ได้แต่ล้อพี่ชาย เมื่อโดนภรรยาดุเอา
“ยัยปั้นหยา!”
“ห้ามเอ่ยคำที่ไม่สุภาพต่อหน้าตาลูก ๆ แล้วก็ที่อื่น ๆ ด้วยคะ” พิพิมตวาดสายตามองทินกรอย่างคาดโทษ
“ขอโทษครับเมียจ๋า” เสียงนุ่มพร้อมกับใบหน้าที่สลดลง เอ่ยขอโทษภรรยาทันที
“คิก...” ณดารินทร์อดที่จะขำพี่ชายไม่ได้ เมื่อโดนภรรยาดุ