บทที่ 8 เล่ห์เหลี่ยม
อคิราห์จ้างนักสืบฝีมือดีตามสืบเรื่องราวของปรางปรีญาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาอยากรู้ว่าตอนนี้ปรางปรีญาทำอะไรอยู่ ยังอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า
ในเมื่อเธอกับครอบครัวกล้าหักหลังเขาก่อน เขานี่แหละจะเป็นคนทำลายความสุขของพวกมันเอง จะไม่มีวันให้พวกมันลืมตาอ้าปากได้เด็ดขาด
“บ้านหลังเดิมของคุณปรางปรีญาถูกขายไปเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนี้เธออยู่ห้องเช่าเล็กๆแถวชานเมืองครับ” เสียงนักสืบฝีมือดีบอกชายหนุ่มร่างสูงที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน
อคิราห์ยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด เกิดคำถามในใจว่าเหตุใดปรางปรีญาถึงขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ห้องเช่าแทน
“แล้วพ่อกับน้าสาวของเธอล่ะ”
“ไม่มีใครทราบว่าทั้งสองคนอยู่ที่ไหน คนในละแวกนั้นบอกว่าไม่มีใครเจอสองคนนั้นมาสักพักแล้วล่ะครับ”
“งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ปรางปรีญาอยู่คนเดียวใช่ไหม”
“ครับ แต่นานๆทีคุณปรางถึงจะกลับมานอนที่ห้องเช่า”
“เอ๋? แล้วเธอหายไปไหน” คิ้วเข้มย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ หรือว่าปรางปรีญามีสามีแล้ว?
หน้าอกข้างซ้ายกระตุกวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทันทีที่คิดว่าปรางปรีญามีสามีแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอเลยด้วยซ้ำ
“หรือว่า….เอ่อ….ปรางปรีญามีสามีแล้ว” ระหว่างรอคำตอบจากนักสืบ หัวใจของเขาเต้นรัวสนั่นด้วยความระทึก
ถึงเขาจะไม่ได้รักปรางปรีญาแล้วก็ตาม แต่ทำไมลึกๆยังไม่อยากให้เธอมีสามี
“เท่าที่ตามสืบ คุณปรางปรีญาโสดมาห้าปีแล้วนะครับ”
คำบอกกล่าวนั้นทำให้อคิราห์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
แสดงว่าตั้งแต่เลิกกันกับเขา ปรางปรีญาไม่เคยมีแฟนเลย ในขณะที่เขาเปลี่ยนผู้หญิงไปแล้วหลายสิบคน
“ถ้าไม่ได้มีแฟน แล้วเธอหายไปไหน ทำไมถึงไม่ชอบกลับห้อง”
“เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะตามสืบให้อีกทีครับ ได้คำตอบเมื่อไหร่ผมจะรีบมาแจ้งให้ทราบ”
“ขอบคุณมากๆ งั้นผมฝากตามเรื่องนี้ด้วยละกัน"
มุมปากหยักของอคิราห์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาคมกริบลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความแค้นเมื่อนึกถึงประโยคที่ทำให้เขาต้องเดินออกมาจากชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักมาก แม้กระทั่งชีวิตก็ให้ได้
‘ปรางไม่ได้รักพี่โซ่ค่ะน้าดา ปรางแค่หลอกให้เขาตายใจ อีกเดี๋ยวปรางก็จะเลิกกับเขาแล้ว พี่โซ่โง่เองที่มาหลงรักปราง’
“ใช่! ฉันโง่เองที่หลงรักเธอ” มือใหญ่ของอคิราห์กำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น อยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากนี้ ใครจะโง่กว่ากัน “อย่ามาหลงรักฉันก็แล้วกัน เพราะฉันนี่แหละจะเป็นคนทำให้เธอน้ำตาเช็ดหัวเข่าเอง!”
ช่วงสายของวันอคิราห์ได้รับสายจากปรเมศว่าวันนี้ช่วงสายๆต้องออกเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการใหม่ที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เช้า และนั่นก็เข้าทางเขาพอดี เพราะปรางปรีญาก็ต้องเดินทางไปร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
ทีนี้แหละ เขาจะได้วางแผนเล่นงานเธอให้สาสมกับความแค้นที่มี เพราะคนอย่างเขา….ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้!
เวลาบ่ายโมงกว่าๆทุกคนเดินทางมารวมตัวที่บริษัทของปรเมศ ซึ่งประกอบด้วยปรเมศผู้เป็นเจ้าของโครงการ ศรุตา ปรางปรีญาและพนักงานขายอีกสามคน และเมื่อมากันครบทุกคนก็ออกเดินทางไปภูเก็ตทันที
ปรางปรีญารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเพราะงานนี้ไม่ได้มีอคิราห์ไปด้วย ทั้งๆที่เขาก็คือผู้ร่วมลงทุนในโครงการเช่นกัน
…อย่างน้อยห้าวันนี้เธอก็ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง
ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินราวๆชั่วโมงกว่าๆก็เดินทางมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ปรเมศอนุญาตให้พนักงานในบริษัทไปพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนจะเริ่มงานกันในวันพรุ่งนี้ ทางด้านปรางปรีญารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องพักเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ คิดเรื่องเงินค่าผ่าตัดทั้งคืน ส่งผลให้วันนี้หญิงสาวรู้สึกเพลียกว่าทุกวัน
ปรางปรีญาไม่มีทางรู้ว่าบุคคลที่เธอไม่อยากเจอได้เดินทางมาถึงภูเก็ตก่อนหน้านี้แล้ว และเขาก็เป็นคนจองที่พักให้กับทุกคน ส่วนห้องของปรางปรีญาเป็นห้องด้านในสุดซึ่งห่างจากห้องของคนอื่นพอสมควร แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจอะไร รีบเข้าไปพักผ่อนเพราะตอนนี้ง่วงจนเปลือกตาแทบปิดแล้ว
หญิงสาววางข้าวของลงบนเตียงนอนแล้วรีบเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายเพราะรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัว ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในสภาพผ้าขนหนูสีขาวพันหมิ่นเหม่ที่หน้าอกอวบใหญ่ เธอยังคงสาลวนอยู่กับการจัดข้าวของเข้าที่โดยไม่รู้ว่าได้มีบุคคลปริศนาอยู่ในห้องเดียวกันกับเธอ และเขาคนนั้นกำลังนั่งจ้องเขม่งอยู่บนโซฟาภายในโซนห้องนั่งเล่น
แต่แล้วหางตาของปรางปรีญาก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่กำลังนั่งดูอยู่
“คุณ!” ปรางปรีญาทั้งตกใจและแปลกใจที่อคิราห์ปรากฏตัวในห้องของเธอ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เดินทางมาด้วย “คะ…คุณเข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ!”
เมื่อได้สติปรางปรีญาก็เอ่ยปากไล่ทันที พร้อมทั้งดึงผ้าขนหนูอีกผืนมาคลุมเพราะสายตาคมกริบคู่นั้นหยุดนิ่งอยู่ที่เนินหน้าอกอวบของเธอ หัวใจดวงน้อยๆกำลังเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัว สองเท้าก้าวถอยหลังอัตโนมัติ
“อย่าไล่แขกสิ ฉันเป็นลูกค้าของเธอนะ” ดวงตาคมกริบกวาดมองรอบๆห้องก่อนจะกลับมาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าสวยถอดสีเหมือนกำลังหวาดกลัว
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ปรางปรีญาชี้นิ้วไล่และเริ่มเสียงดังขึ้นหมายจะไล่ให้อีกฝ่ายออกไป แต่อคิราห์กลับเค้นหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
“ไม่รู้จริงๆหรอว่าที่นี่คือโรงแรมของใคร”
“คุณว่ายังไงนะ”
“ที่นี่คือโรงแรมของฉัน ไอ้ปรเมศมันเป็นคนโทรบอกให้ฉันจองห้องพักให้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมือเล็กทั้งสองข้างกำแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ดวงตากลมโตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบวาวโรจน์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
งั้นก็แสดงว่าอคิราห์มาที่นี่ก่อนที่เธอจะมาถึงเสียด้วยซ้ำ
“ก็ได้ ถ้าที่นี่เป็นโรงแรมของคุณ งั้นฉันจะออกไปเอง” ปรางปรีญาเอ่ยเสียงเรียบ กำลังจะหันไปเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเพื่อย้ายที่นอน
อคิราห์ปราดเข้าไปล็อคร่างของปรางปรีญาไว้ทันที แล้วขว้างกระเป๋าใบนั้นทิ้ง
“นั่นคุณจะทำอะไร ปล่อยนะ!!” ปรางปรีญาพยายามดันร่างออกจากการเกาะกุม แต่ก็ถูกเหวี่ยงชนกับผนังแล้วตรึงร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะคืนนี้เธอต้องอยู่กับฉัน…ในห้องนี้!!”
“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ปล่อยนะ…ปล่อย!!”
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อ....ได้สิ่งที่ฉันต้องการเท่านั้น!”
พรึ้บบ!!
“กรี๊ดดด!!!”