บทที่ 4 เธอต้องไปตกลงกับฉัน
04 เธอต้องไปตกลงกับฉัน
และเมื่อกลับเข้ามาในงานอีกครั้งปรางปรีญาถึงกับเข่าอ่อน เพราะบนโต๊ะไม่ได้มีแค่ปรเมศแต่มีผู้ชายที่เพิ่งดูถูกเธอที่หน้าห้องน้ำนั่งร่วมโต๊ะด้วย ส่วนข้างกายของเขาก็คือดาราสาวดาวรุ่งพุ่งแรง
ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกประหม่า ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่โต๊ะ
“นั่นไง พนักงานของกูมาพอดี” ปรเมศที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าปรางปรีญากับอคิราห์เคยคบกัน รีบแนะนำพนักงานให้เพื่อนสนิทรู้จัก “นี่คุณปรางปรีญา พนักงานปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ในบริษัทของกู คุณปรางครับ....นี่คือคุณอคิราห์เพื่อนสนิทของผมเอง”
“สะ…สวัสดีค่ะคุณ…เอ่อ….อคิราห์” ปรางปรีญายกมือไหว้โดยไม่สบตาอีกฝ่าย
แค่การกลับมาเจอกันก็แย่มากพอแล้ว นี่ยังต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับเขาอีก
“สวัสดีครับ….คุณปรางปรีญา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ริมฝีปากร้ายกระตุกยิ้ม อดไม่ได้ที่จะแอบลอบมองพิจราณาเรือนร่างบอบบางซึ่งอยู่ในชุดเดรสสีครีม
ถึงจะเป็นชุดมือสองจากตลาดนัด แต่ก็ส่งให้ปรางปรีญาดูโดดเด่นกว่าแพรขวัญซึ่งเป็นดาราระดับแถวหน้าด้วยซ้ำ
“เช่นกันค่ะ” เธอพยายามไม่มองฝ่าย แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าสายตาคมคู่นั้นเอาแต่จ้องมอง
“ส่วนนี่คุณแพรขวัญ คิดว่าคุณปรางน่าจะรู้จักดี”
ปรางปรีญาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ดาราสาวอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เจ้าหล่อนมองมาที่เธอด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ยังส่งยิ้มให้
“คุณอคิราห์กำลังจะร่วมทำธุรกิจกับผม ส่วนคุณปรางมีหน้าที่ดูแลและให้ข้อมูลกับคุณอคิราห์ในช่วงที่โครงการกำลังเริ่ม”
“วะ….ว่าไงนะคะ!”
“คุณอคิราห์คือคนที่คุณปรางต้องดูแลครับ ผมยกหน้าที่นี้ให้คุณโดยเฉพาะเลย”
“คะ….คือว่าปราง….”
“ทำไมหรอครับ หรือคุณอคิราห์ดูน่ากลัวเกินไป”
“เปล่าหรอกค่ะ แต่ปรางคิดว่าปรางคงไม่มีความสามารถมากพอขนาดนั้น ยกให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นได้ไหมคะ ปรางกลัวว่าจะทำไม่ได้”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย เพื่อนผมคนนี้เป็นคนง่ายๆโดยเฉพาะกับผู้หญิงสวย แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ระดับคุณอคิราห์…ไม่มีทางทำอะไรพนักงานของผมหรอก”
ประโยคนั้นทำให้อคิราห์หลุดหัวเราะในลำคอเบาๆ ปรางปรีญาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างจากร่างสูง
เธอไม่รู้ว่าลึกๆแล้วอคิราห์กำลังคิดอะไร แต่ถ้าดูจากสายตาและการกระทำแล้ว ไม่ใช่มิตรแน่นอน
“อีกอย่างคุณอคิราห์คงไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะข้างกายมีสาวสวยขนาดนี้”
ประโยคนั้นแทบไม่ได้ทำให้ปรางปรีญาคลายกังวลเลยด้วยซ้ำ เพราะคำพูดที่อคิราห์ทิ้งท้ายเอาไว้เหมือนกำลังจะเตือนว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอกับครอบครัวกำลังจะเจอกับอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเจอ
แต่เธอก็พยายามไม่คิดมาก บางทีอคิราห์อาจจะแค่ขู่เท่านั้น เพราะช่วงที่คบกับเธอ เขาทั้งอ่อนโยน จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น คงไม่มีอะไรหรอก
หลังจบงานปรางปรีญารีบขอตัวไปโรงพยาบาลเพราะคุณหมอโทรมาแจ้งว่าอาการของรินรดาเริ่มทรุดลง
และในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งรอรถแท็กซี่อยู่นั้น ก็มีรถสปอร์ตหรูสีดำวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า คนในรถค่อยๆลดกระจกลงแล้วดึงแว่นสีชาออก
“ขึ้นรถ!” อคิราห์สั่งเสียงเข้ม
“คะ?”
“ฉันบอกให้ขึ้นรถ” เขาสั่งอีกรอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แต่ปรางปรีญายังคงนิ่ง
เธอเพิ่งสังเกตว่าที่นั่งข้างๆคนขับไม่มีแพรขวัญนั่งอยู่ตรงนั้น
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณหรอคะ”
“เพราะฉันมีเรื่องจะเคลียร์กับเธอ”
“ไว้วันหลังนะคะ วันนี้ฉันมีธุระด่วน”
“ธุระที่ว่า….คือไปขายตัวใช่ไหม” เป็นอีกครั้งที่อคิราห์ดูถูกเธอ
“คุณอคิราห์คะ ถ้าคุณจะมาเพื่อหาเรื่องฉัน รีบกลับไปเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์” เธอเป็นห่วงรินรดาจนไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรแล้ว แต่อคิราห์ก็ยังตามรังควานไม่เลิก
“ถ้าจะไปขายตัวจริงๆ ขายให้ฉันก็ได้นะ ฉันให้ไม่อั้น”
“ฉันไม่มีวันขายตัวแลกกับเศษเงินของใครหรอก และก็เลิกตามรังควานฉันสักที ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะกับใครทั้งนั้น”
จู่ๆอคิราห์ก็เค้นหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีหงุดหงิด ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ขึ้นมา….ฉันจะเป็นคนลงไปอุ้มเธอเอง”
“คุณอคิราห์ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
“ไม่มากเท่ากับสิ่งที่เธอทำกับครอบครัวของฉันหรอก อยากให้ฉันรื้อฟื้นไหมล่ะ ว่าพ่อกับน้าสาวของเธอทำอะไรไว้บ้าง”
ปรางปรีญาสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับความคุกรุ่นในใจ ครอบครัวของเธอทำผิดก็จริง แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ทุกคนได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปหมดแล้ว เขายังต้องการอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่ง อคิราห์รีบก้าวลงจากรถ แล้วตรงมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ในป้ายรถเมย์โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนในละแวกนั้น
“จะทำอะไร ถอยออกไปนะคุณอคิราห์!”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันหักหน้าเธอต่อหน้าคนอื่น ก็ขึ้นรถมากับฉันซะ”
“ฉันไม่ไป วันนี้ฉันมีธุระด่วนจริงๆ ถ้าจะตกลงเรื่องเงินที่พ่อฉันโกงไป ขอเป็นวันอื่นได้ไหมคะ”
“ไม่ได้! เพราะฉันจะต้องตกลงกับเธอวันนี้เท่านั้น”
พรึ้บบ!!!
เขาก้าวเข้ามากระชากร่างบางให้ลุกจากที่นั่งแล้วก้มลงช้อนร่างขึ้นแนบอกท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของปรางปรีญา ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยสักคนเพราะคิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว
“ว้ายย!!! ปล่อยนะ….จะทำอะไร!”
“พาเธอไปตกลงเรื่องของเราไง”
“ฉันไม่ไป โอ้ยย!!”
ร่างเล็กถูกโยนเข้ามาในรถอย่างไร้ความปราณีจนศีรษะไปกระแทกกับคอนโซลรถ อคิราห์เดินอ้อมมาอีกฝั่งแล้วยัดร่างเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งทยานรถหรูออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วสูง
ปรางปรีญาดันร่างอันแสนจุกหน่วงขึ้นมาได้ รีบคาดเข็มขัดนิรภัยทันทีเพราะตอนนี้อคิราห์ขับรถเร็วมาก
เขากำลังจะพาเธอไปไหน?
“นะ…นี่คุณจะพาฉันไปไหน” เธอเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร
ต่อให้เขาจะเป็นคนรักเก่าที่เธอยังรักหมดหัวใจก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดีเพราะรอบนี้อคิราห์ไม่ได้มาดีแน่นอน
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”