ตอนที่ 4 นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ
“อะไรนะคะ หมอหมายความว่า…”
“ก็คุณบอกว่าอยากจะให้คนไข้ย้ายที่รักษา ในเมื่อญาติคนไข้ไม่ได้เต็มใจอยากให้หมอรักษา ผมก็จะไม่รั้งคุณเอาไว้ ตกลงคุณหาที่ใหม่ได้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“งั้นเหรอ มันแย่ตรงที่ผมเองก็เริ่มจะไม่ได้รับคนไข้เท่าไหร่แล้วเพราะติดเคสผ่าตัดอีกหลายเคสดังนั้นหลังจากนี้ผมอาจจะดูแลคุณพ่อของคุณไม่ได้แล้ว”
“วะ…ว่ายังไงนะคะคุณหมอ ทำไมกะทันหันแบบนี้ละคะ ไม่เห็นมีใครแจ้งมาก่อนเลยนี่คะว่าจะต้อง…”
“ขอโทษนะครับ ก็ญาติผู้ป่วยเป็นคนแจ้งมาเองว่าอยากจะย้ายโรงพยาบาลดังนั้นผมเลยต้องไปดูแลเคสอื่นและตอนนี้…”
“เดี๋ยวก่อนนะคะ แต่ว่าอาการของคุณพ่อตอนนี้….ทำไมคุณหมอทำแบบนี้ละคะ”
“คุณไม่ได้ให้ความร่วมมือในการรักษากับทีมแพทย์ตั้งแต่แรกและยังยืนกรานว่าอยากจะย้ายโรงพยาบาลเองไม่ใช่เหรอครับ ทางเราจึงเคารพในการตัดสินใจของญาติคนไข้ แล้วตอนนี้คุณตัดสินใจได้หรือยัง”
เนยกัดฟันและหายใจถี่แรงขึ้น เธอไม่ควรไปพูดแบบนั้นและเอาชีวิตของพ่อมาเดิมพันกับเขา เธอที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องการย้ายผู้ป่วยที่มีการรักษาต่อเนื่องแบบนี้มันเสี่ยงมาก คุณหมอหลาย ๆ คนที่ไปปรึกษามาต่างก็ลงความเห็นว่าควรขอร้องหมอที่ดูแลคุณพ่อเธออยู่แล้วให้รักษาต่อเนื่องเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
“คุณหมอคะ ขอร้อง…ช่วยรักษาคุณพ่อของเนยด้วยเถอะค่ะ เนยจะไม่ย้ายคุณพ่อไปที่อื่นแล้วค่ะ”
“คุณบอกว่าจะไม่ย้ายผู้ป่วยแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นคุณยืนยันหนักแน่นและบอกพยาบาลเอาไว้ ตอนนี้ทุกคนก็เตรียมที่จะโอนประวัติการรักษารวบรวมให้คุณ การรักษาที่ผมทำอยู่ก็แค่ประคับประคองอาการเพื่อให้ผู้ป่วยย้ายได้สะดวก แต่มาวันนี้บอกไม่ย้ายแล้วงั้นเหรอ คุณนี่มันเอาแต่ใจตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะ”
เธอทำได้แต่ก้มหน้ารับฟังเขาต่อว่าเธอเท่านั้น ในเวลานั้นเนยเองก็ยอมรับว่าใจร้อนจริง ๆ ถึงได้ปากไวบอกเขาไปแบบนั้น มาในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการรักษาคนคนหนึ่งในโรคที่เป็นแบบนี้มันไม่ได้ง่ายเลย
“เนยขอโทษนะคะที่คิดไม่รอบคอบ คุณหมอพอที่จะ…”
“ไม่ย้ายก็ไม่ได้มีผลอะไรแต่ว่าผม…อาจจะรับเคสของคุณพ่อคุณไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะคะเพราะเนยเหรอคะ คุณหมอคะเนยขอร้องนะคะเรื่องอะไรที่มันไม่ได้เกี่ยวกับพ่อ เอาไว้….คุณหมอคะ!!”
“คุณคิดว่าผมเป็นหมอคนเดียวในโรงพยาบาลนี้เหรอ แล้วคิดว่าคนไข้ของผมมีพ่อของคุณคนเดียวหรือไง ผมยอมเสียเวลารอพวกคุณตัดสินใจว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายนี่ก็เกินความจำเป็นมากพอแล้ว คุณยังจะเห็นแก่ตัวอีกเหรอ…นั่นคุณทำอะไร เนย!! เอ่อ….คุณชนิตา”
เขาเผลอเรียกชื่อเธอไปแล้วเมื่อเนยยอมลุกขึ้นมาและคุกเข่าตรงข้าง ๆ โต๊ะของเขาและร้องไห้จนตัวสั่นโยนเพราะสำนึกผิด เธอไม่เคยคิดว่ามันจะยุ่งยากและเสี่ยงกับชีวิตของพ่อแบบนี้
“ขอร้องล่ะค่ะคุณหมอช่วยคุณพ่อของเนยด้วยนะคะ เนยยอมทุกอย่างขอแค่คุณหมอยอมผ่าตัดให้คุณพ่อ”
“คุณลุกขึ้นมาก่อน ลุกมาคุยกันดี ๆ”
“ไม่ค่ะถ้าคุณหมอไม่ยอมรับปากเนยก็จะคุกเข่าตรงนี้ เนยผิดไปแล้วค่ะเนยไม่ควรล้อเล่นกับชีวิตพ่อแบบนี้คุณหมอคะได้โปรด…”
เขาเดินมาจับแขนเธอและค่อย ๆ พยุงให้ลุกขึ้น แม้ว่าสายตานั้นจะเย็นชาแต่มือที่พยุงเธอลุกนั้นช่างนิ่มนวลเหลือเกินจนเธอใจสั่นอีกครั้ง หมอเรย์พาเธอมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“เฮ้อ….ทำไมคุณต้องทำให้เรื่องมันยุ่งแบบนี้นะ”
“หมอคะ บอกมาเถอะค่ะว่าจะให้เนยทำยังไงหมอถึงจะยอมผ่าตัดให้คุณพ่อ เนยยอมทุกอย่างเลยค่ะ จริง ๆ นะคะคุณหมอได้โปรดเถอะค่ะ พี่…คุณหมอ”
เขาชะงักไปเมื่อเธอไม่ยอมเรียกเขาว่า “พี่เรย์” เหมือนเดิมนี่เองที่ทำให้เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งและยื่นทิชชูให้เธอเช็ดน้ำตาเอง
“เช็ดน้ำตาคุณก่อนแล้วตั้งใจฟังให้ดี นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ”
เขาเดินไปดึงเอกสารออกมาจากเครื่องพิมพ์ข้าง ๆ และเดินมาให้เธออ่านและวางปากกาเอาไว้
“นี่คืออะไรคะ”
“คุณเซ็นลงไปในเอกสารนี้ก็จะเท่ากับยินยอมให้ผมทำการผ่าตัดพ่อของคุณและผมจะกลับไปเป็นเจ้าของไข้อีกครั้ง”
ชนิตารีบเซ็นเอกสารลงไปในทันที หมอเรย์รอจนเธอเซ็นเอกสารเสร็จและอ่านดูจนหมดก่อนจะส่งคืนให้คุณหมอ เนยหยุดร้องไห้และถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วแต่เมื่อหันมามองสีหน้าของหมอเรย์เธอกลับเริ่มรู้สึกวูบวาบประหลาดที่ช่องท้อง
“ทีนี้ก็มาฟังเงื่อนไขและข้อตกลงของเราสองคนกันได้แล้ว”
น้ำเสียงที่เย็นเยือกจนสันคอเย็นวาบทำให้เธอรู้ว่าเธอพลาดไปแล้วที่ไปยื่นสัญญาประหลาดให้กับซาตานตรงหน้าในคราบคุณหมอที่แสนดีคนนี้
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“เมื่อกี้คุณบอกเองว่า…จะยอมทำทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่…เนยทำไม่ได้”
“ไม่ได้ ผมยึดคำพูดแรกของคุณถ้าไม่อย่างนั้นเอกสารนี่ก็ไม่มีความหมาย”
“คุณหมอ!!”
เขาวางเอกสารยินยอมเอาไว้ระหว่างเขากับเธอ ครั้งนี้เขาจะขอวัดใจเธอดูอีกสักครั้ง ถ้าหากว่าเธอไม่กล้ารับเงื่อนไขของเขาอีกก็เท่ากับตัดช่องทางรอดของพ่อตัวเองให้แคบลง แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอไม่ยืนกรานจะย้ายโรงพยาบาลตั้งแต่แรก
“คุณหมอมีอะไรก็ว่ามาสิคะ”
เสียงเธอเบาลงหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมากมาย นี่เป็นบทเรียนของเธอที่ไม่ควรใจร้อนกับเรื่องที่ไม่มีความรู้จนทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน
“ฟังให้ดี นับจากนี้ไปคุณจะต้องทำหน้าที่ดูแลผม….ในทุก ๆ เรื่อง”
“ทุกเรื่องเหรอคะ”
“ต้องให้อธิบายไหม ทั้งเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้าความเป็นอยู่ในบ้านรวมถึง….เรื่องบนเตียงด้วย”
“คุณหมอ!!”
“เอกสารยินยอมอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าไม่อยากทำก็ฉีกมันทิ้งแล้วเชิญออกไปได้เลย ขออวยพรให้หาโรงพยาบาลที่ดีได้เร็ว ๆ ด้วยนะ ต้องรีบหน่อยล่ะเพราะอาการของพ่อคุณหากไม่รีบรักษา มันก็จะลุกลามไปเรื่อย ๆ”
คนตรงหน้าเขานั่งตัวสั่นด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำตาที่คลอหน่วยนั้นทำเอาหัวใจหมอเรย์หล่นวูบไปที่หน้าท้อง แต่เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ควรเอาชีวิตของพ่อตัวเองมาเสี่ยงกับความใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเอง
อาการของพ่อเธอเขาเองรู้ดีที่สุดและไม่มีทางยอมให้เธอย้ายออกไปรักษาที่อื่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเธอในตอนนี้
“ผมไม่มีเวลามากนะ เอาเป็นว่าคุณเอากลับไปคิด…”
“ก็ได้ค่ะ”
“อะไรนะ!!”
เขาแทบจะไม่เชื่อหูว่าเธอจะยอมง่าย ๆ แบบนี้ เขาหันไปมองหน้าที่มุ่งมั่นตรงหน้านั้น แม้จะมีน้ำตาอยู่แต่สายตานั่นทำเอาเขาต้องยอมแพ้และใจอ่อนอีกครั้ง
“นี่คุณ….”
“เนยยินดีทำตามเงื่อนไขของคุณหมอ ขอเพียงให้คุณรับปากจะรักษาพ่อของเนยให้หายดี เนยยอมทุกอย่างค่ะ คุณบอกมาเถอะค่ะว่าจะให้เนยทำอะไรบ้าง”
ปรเมศวร์แทบจะตั้งตัวไม่ติดและยอมรับว่าไม่ได้คิดมาก่อนหน้านี้ว่าจะให้เธอทำอะไรแต่แน่นอนว่าเขาคิดไม่ดีกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในเมื่อเธอกลับมาตรงหน้าเขาอีกครั้งมีเหรอที่เขาจะเสียเธอไปอีก ไม่มีทาง!!!
“ก่อนอื่นคุณย้ายมาพักที่คอนโดของผมก่อน”
“อะไรนะคะ ย้ายเหรอคะไปกลับไม่ได้เหรอคะเนยยังต้องทำงาน”
“คุณจะทำงานหรือมีธุระอะไรก็ทำไปแต่ว่าผมเรียกเมื่อไหร่คุณต้องมาหาผมทันที”
“แต่ว่าคุณคงต้องดูเวลาด้วยไหมคะ เวลาที่ทำงานเนยก็ออกมาไม่ได้ตลอดหรอกนะคะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม และแน่นอนว่าคุณจะไม่ทำก็ได้เอกสารอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าวันนี้คุณตัดสินใจแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว คุณคิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ”
ทั้งสองคนนั่งมองตากันโดยมีเอกสารยินยอมการรักษาวางอยู่ตรงกลาง แต่ละคนต่างก็กลัวการตัดสินใจของอีกฝ่าย
“ก็ได้ค่ะ เนยรับข้อตกลงนี้เย็นนี้จะย้ายของไปที่คอนโดคุณหมอทันทีค่ะ รบกวนบอกที่อยู่ของคุณมา…..”
“ผมไม่เคยย้ายที่อยู่ คงไม่ต้องบอกนะว่าอยู่ที่ไหนเพราะคุณรู้จักที่นั่นดีกว่าใครทั้งหมด เจอกันตอนหกโมงเย็นวันนี้”