ทฤษฎีร้าย บทที่ 4 : คำขอก่อนการตัดสินใจ
วันต่อมา ณ คอนโดของอลิส
ง่ำ ง่ำ ง่ำ
เค้กช็อกโกแลตถูกตักใส่ปากคำแล้วคำเล่า สองหูฟังคำพูดซ้ำไปซ้ำมาของญาติฝ่ายพ่อที่มาหาฉันถึงคอนโด ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่มีญาติผู้ใหญ่มาหาถึงที่
“อลิสไม่ต้องนึกถึงอาก็ได้ แต่ช่วยมองมาที่โปรดได้มั้ย มรดกที่คุณปู่ทิ้งเอาไว้ให้อาสามารถพาน้องโปรดไปรักษามะเร็งเม็ดสีผิวหนังได้ และยืดอายุของแกให้อยู่กับอาได้นานขึ้น” ฉันละสายตาจากเค้กแล้วจ้องมองภรรยาของอาตัวเองแล้วมองไปยังหลานชายวัย 4 ขวบ ที่กำลังนั่งกินเค้กที่แบ่งให้เช่นกัน
“มะเร็งเม็ดสีผิวหนัง?”
“ใช่ มีโอกาสพบได้น้อย แต่น้องโปรดดวงไม่ดีที่เกิดขึ้นกับแก”
“ต้องใช้เงินเท่าไรคะ ถ้างั้นเอาของอลิสมั้ย” การรักษาโรคทางนี้ต้องใช้เงินมาก
“พวกเราจ่ายไปหลายสิบล้านแล้ว และอีกอย่าง ถ้าอาบอกแล้วอลิสจะด่าจะว่าอาก็ได้นะ แต่อย่าบอกพวกคนอื่น”
“เรื่องอะไรคะ”
“อาติดหนี้นอกระบบ แล้วยังเอาห้างทองของนุภาสากรณ์ภายใต้การดูแลของอาเข้าค้ำประกันทั้งหมดสี่ที่” สิ่งที่อาพูดทำเอาฉันอ้าปากค้าง
“....” ตระกูลเรามีเงินมากมาย แต่ทั้งสองคนไม่คิดจะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
“อลิสต้องคิดใช่มั้ยว่าทำไมถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากตระกูล เพราะไม่อยากมีปัญหากับพวกพี่คนอื่นยังไงล่ะ”
พึ่บ! ฉันเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง
“อาถามคุณทนายแล้วนะ ขอเพียงแค่อลิสหมั้น มรดกยี่สิบเปอร์เซ็นต์จะถูกจ่ายให้แก่พวกเราทุกคนทันที เพราะแบบนี้อาถึงต้องมาขอร้องด้วยตัวเอง”
“หนี้นอกระบบเท่าไรคะที่คุณอาไปกู้มา” เพราะแรงกดดันจากพี่น้องทำให้ใช้วิธีนี้เหรอ
“ห้าสิบล้านหมดไปกับการดูแลน้องโปรด”
“....” ฉันยกมือกุมขมับตอนนี้ยิ่งกว่าคำว่าเครียดอีก แต่ใกล้จะเป็นบ้าเลย
“อาขอโทษ/ขอโทษอลิส” ทั้งคู่กล่าวขอโทษขึ้นพร้อมกัน
เมื่อหันมองไปยังหลานที่กำลังกินเค้กอย่างมีความสุข โรคนี้จำเป็นต้องใช้เงินอย่างมากในการยื้อชีวิต แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะหาย ตอนนี้คิดจนสมองจะระเบิดแล้วยังมารับรู้เรื่องนี้อีก แต่ฉันก็ไม่มีใครต้องดูแลนี่นา...ถ้าหมั้นพวกอาก็จะมีเงินในการรักษาลูกต่อ เงินจำนวนมหาศาลที่อาจจะทำให้โปรดอยู่ไปจนโตได้
“ขอเวลาอลิสคิดอีกสองวัน แต่ต่อจากนี้ทุกอย่างที่อลิสตัดสินใจไปไม่ใช่เพราะทุกคนนะคะรับรู้เอาไว้ด้วย” พูดจบก็มองไปที่หลานชายแล้วส่งยิ้มให้เขา
“ขอบคุณมากนะอลิส แล้วอาจะรอคำตอบ ฮึก!” แม่ของโปรดตรงเข้ามากุมมือฉันแล้วร้องไห้ออก ถ้าฉันเป็นพวกเขาต่อให้กราบกรานมากกว่านี้ก็ยินดีที่จะทำ
เวลา 18.00 น. ณ ร้านอาหารห้องVIP
“สิ่งที่คุณหนูอลิสต้องการให้ลุงติดต่อทางจักรวรรดิ เราไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกนะครับ” ช้อนที่กำลังตักซุปเข้าปากหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงทนายพูด
ฉัน พี่กร และลุงทนาย เราทั้งสามคนนัดกันมาทานอาหาร และพูดคุยหาทางจัดการเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีหนทางเลย เพราะคุณปู่ตั้งใจสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ตอนมีชีวิตก็เป็นคนชอบเล่นเกม พอจากไปแล้วก็ยังสร้างเกมของตัวเองมาให้หลานเล่นอีก ปู่นะปู่!
“ทำไมครับ” พี่กรที่นั่งอยู่ข้างกันถามด้วยความสงสัย
“เจ้าชายราฟาว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูอลิสติดต่อมาด้วยพระองค์เองว่าจะเดินทางมาพบว่าที่พบคู่หมั้นตัวเองที่ประเทศไทยในอีกสองวันครับ”
“เขาชื่อราฟาเหรอคะ แล้วก็อย่าเรียกเขาแบบนั้นนะคะ อลิสกินข้าวไม่ลง” แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็ยังตักซุปเข้าปากไม่หยุด
“การกระทำสวนทางกับคำพูดมากเลยนะอลิส” พี่กรที่แซวไม่หยุด เพราะนางแบบต้องรักษาหุ่น แต่ฉันกลับกินทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรเลย
“แต่มีเรื่องน่าแปลกใจนะครับที่พระองค์จะมาด้วยตัวเอง” ลุงทนายพูดขึ้นในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“เขาสำคัญขนาดไหนถึงต้องแปลกใจกับเรื่องเท่านี้”
“ก็เขาเป็นเจ้าชาย” พี่กรย้ำเตือนอีกครั้ง
“อลิสจำได้ นึกว่ากำลังอยู่ในนิยายรักวัยเด็กที่ผู้หญิงธรรมดาได้แต่งงานกับเจ้าชายอยู่นี่ไง เฮ้อ!” พูดกี่ครั้งก็ต้องถอนหายใจทุกครั้ง แต่มันไม่ใช่นิยายรักหรอก นิยายสยองขวัญน่ะสิ
“ว่าแต่คุณลุงครับ พอจะมีภาพ หรือประวัติของเขาบ้างมั้ย ผมพยายามหาแล้วแต่ไม่มีเลย” สิ่งที่พี่กรถามลุงทนายทำให้ฉันเองก็รู้สึกสนใจไปด้วย
“ไม่มีเลยครับ ทุกอย่างของพระองค์ถูกปิดเป็นความลับทั้งหมดเพราะเขาไม่ชอบให้ใครวุ่นวายเรื่องส่วนตัวนัก”
“หน้าตาล่ะคะ”
“ส่วนตัวลุงยังไม่เคยเห็นนะ แต่คุณธานินทร์เคยพบแล้ว และเล่าให้ฟังว่าเจ้าชายหล่อตั้งแต่เด็ก”
“ถ้าหล่อแล้วจะมาหาคู่หมั้นทำไม เรื่องแค่นี้เขาน่าจะจัดการชีวิตตัวเองได้ไม่ยาก หรือว่าคุณปู่โกหก อยากแกล้งหลานตัวเองใช่มั้ยทั้งที่ก็รู้ว่าอลิสชอบคนหล่อ”
“หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะมีอารมณ์มาพูดเล่นอีกนะ” พี่กรหันมาพูดพร้อมกับยกมือยีหัวฉันด้วยความหมั่นไส้
“อลิสพูดจริงนี่ แต่ลุงทนายคะขอถามอะไรสักหน่อยสิ”
“ถามมาได้ทุกเรื่องครับ”
“ถ้าอลิสรับการหมั้น มรดกยี่สิบเปอร์เซ็นต์จะถูกจ่ายให้กับทายาททุกคนจริงใช่มั้ยคะ” คำถามของฉันทำให้ทั้งสองคนหันมามอง
“มีคนมาพบคุณหนูอลิสแล้วใช่มั้ยครับ” เพราะฉันกับพี่กรยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มีเพียงบรรดาญาติเท่านั้น
“ใช่ค่ะ”
“ถูกต้องครับ”
“แล้วถ้าอลิสกับเขาสามารถตกลงยุติการหมั้นได้ ทุกอย่างจะโมฆะมั้ยคะ” ตอนนี้หัวใจของฉันเต้นแรงเพราะกำลังรอลุ้นคำตอบ ลุงทนายมองสบตาแล้วส่งยิ้มบางมาให้
“ไม่ครับ ทุกอย่างจะถูกจัดการแจกจ่ายไปยังตามความต้องการของคุณธานินทร์ทันทีอย่างที่พินัยกรรมระบุ”
“แบบนี้อลิสก็ต้องแต่งงานกับ...” ฉันพูดอะไรต่อไม่ถูก ตอนนี้ต้องทำใจให้สงบเอาไว้มากที่สุด
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณปู่ผู้รักในการเล่นเกมของคุณหนูอลิสเตรียมเอาไว้ใช้ในการยุติการหมั้นในครั้งนี้”
“อะไรคะ!”
“นี่ครับ จดหมายที่จะมีเพียงคุณหนูอลิสเท่านั้นที่ได้อ่านมัน” ลุงทนายหยิบซองจดหมายยื่นส่งมาให้
“สำหรับอลิสอีกแล้ว คำนี้มาทีไรใจคอไม่ดีเลย” มือเล็กเอื้อมไปรับ คิ้วเรียวขมวดแทบจะชนกัน
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ตอนอยู่ทำไมไม่พูด! หงุดหงิดจริง”
“ถ้าปู่พูดต่อหน้าก็คงจะเจออลิสร่างเถียงหัวชนฝาจนพูดต่อไม่ทัน” สิ่งที่พี่กรพูด แม้แต่ลุงทนายยังหลุดขำออกมาด้วย
“แต่ละคน” เสียงเล็กพึมพำแล้วเปิดซองจดหมายออกอ่าน
‘ถึงอลิส...ปู่รู้ว่าแกต้องด่าปู่หลังจากรับรู้เรื่องทุกอย่าง แต่อยากให้รู้เอาไว้ว่าสิ่งที่ปู่เลือกและทำให้อลิสจะต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่อลิสรู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดี แค่ตามหาสัญลักษณ์การหมั้นให้พบ แล้วทุกอย่างจะยุติโดยที่อลิสจะได้รับการชดใช้จากราชวงศ์เทียบเท่ากับสิ่งที่ปู่ทิ้งไว้ให้ คำใบ้: เป็นสิ่งของจับต้องได้สีขาวแดง รักหลานเสมอ ขอให้หัวใจของปู่มีความสุข’
“พี่กรอยากอ่านมั้ย” อ่านจบก็ยื่นกระดาษในมือไปให้พี่กรทันที แม้จะอยากร้องไห้เพราะคำอวยพรของปู่ แต่ปู่ก็ทำให้ฉันตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน เฮ้อ!
“ไม่ละ ดูหน้าก็รู้ว่าเรื่องมันยิ่งวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม” นี่ฉันแสดงออกทางสีหน้าชัดขนาดนั้นเลยสินะ
“สัญลักษณ์การหมั้นคืออะไรเนี่ย” คนที่รู้สิ่งที่คุณปู่ทำในตอนนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น คือลุงทนายและเพื่อนของท่าน ซึ่งก็คือปู่ของเจ้าชายอะไรนั่น
“ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่าถูกสร้างขึ้นโดยราชวงศ์ ออกแบบโดยคุณธานินทร์และเพื่อนของท่าน เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานแด่คุณทั้งคู่”
“ถูกสร้างให้เป็นของขวัญงานแต่ง แต่ให้อลิสตามหาเพื่อยุติการหมั้นเนี่ยนะ”
“นิสัยคุณปู่ชอบเล่นเกม และการพนันต่างๆ ซึ่งคาดว่าเพื่อนของเขาก็น่าจะเป็นคนแบบเดียวกัน” พี่กรที่ก็รู้ใจคุณปู่ไม่ต่างจากฉัน
“ครับ เหมือนกับว่าผู้ใหญ่ทั้งสองกำลังทำให้หลานของพวกเขาได้มีความสนิทกลมเกลียวกันผ่านสิ่งที่สร้างเอาไว้ สักวันหนึ่งทั้งคู่จะต้องเป็นคู่แต่งงานที่น่าอิจฉาครับ” ลุงทนายมองโลกให้แง่ดีแบบสุดๆ
“ฟังดูน่ากลัวนะคะ แล้วแบบนี้ก็แสดงว่าอลิสไม่มีทางปฏิเสธการหมั้นครั้งนี้ได้เลย และมีทางเดียวคือยอมรับมันแล้วเข้าไปเล่นเกมตามหาสิ่งของที่ปู่สร้าง” ฉันสรุปเอาตามความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งพี่กรก็ทำหน้าเครียดทันที
“ครับ ถ้ามันมีแค่นั้นก็จะจบลงแบบนั้น นอกซะจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดเอาใจลงไปเล่นครับ” เอาใจลงไปเล่นเนี่ยนะ ฉันไม่ใช่พวกอ่อนไหวง่าย
“อลิสปฏิเสธการหมั้นนี่ซะเถอะนะ” พี่กรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“...ทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ” เพราะเรื่องมรดกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกแจกจ่ายทันที และนั่นก็เท่ากับว่าโปรดจะมีเงินไปรักษาตัว
“ทำไมล่ะ คนพวกนั้นมีเงินจากธุรกิจที่คุณปู่แบ่งให้ไปดูแลกันก่อนที่จะจากไปแล้วนะ”
“ขออลิสตัดสินใจหลังจากพบเจ้าชายราฟาแล้วนะคะ”
“ไม่ต้องเจอหรอก” พี่กรยังคงพยายามยืนยันความคิดเดิม แต่เรื่องของโปรด ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่บอกญาติคนไหน
“เขาจะมาพบอลิสเมื่อไหร่คะ” ฉันไม่สนใจพี่กรแต่หันไปถามลุงทนาย
“อีกสองวันครับ” สองวันงั้นเหรอ คำตอบฉันมีอยู่ในใจแล้ว แต่การได้พบกันก่อนมันก็เป็นเรื่องที่ดี ตั้งตารอไม่ไหวแล้วสิ