ตอนที่ 1
เพียะ!!
“กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำมันหาย!!”
ฝ่ามือใหญ่หยาบกร้านฟาดลงมากระทบที่ซีกแก้มของฉัน มันรุนแรงจนรับรู้ได้ถึงความปวดร้าว แถมยังได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในปาก
ฉันจัดการถ่มน้ำลายที่มีเลือดปะปนอยู่ลงพื้นสกปรก นิ้วเล็กปาดเช็ดเลือดตรงมุมปากออกเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ
“ไม่ได้ทำหาย แต่ถูกขโมย”
นี่ฉันไม่ได้กวนตีน แต่เผอิญว่าเป็นคนชอบพูดตรงๆ และคำพูดนั้นมันก็เป็นความจริง
“นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอ! ทำงานพลาดยังไม่สำนึกอีกนะ!!”
นิ้วเรียวชี้ตรงมาที่หน้าของฉัน ฝ่ามือหนาทำท่าจะหวดลงมาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งฉันเองก็ยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นและไม่คิดที่จะขยับเท้าหนี
ฉันชินกับการถูกพี่ต้นตบแบบนี้แล้วล่ะ ถ้าทำงานพลาดหรือทำงานไม่ได้ดั่งใจพี่เขาฉันก็มักจะถูกกระทำแบบนี้ประจำ ถึงร่างกายของฉันจะบอบบาง แต่ทว่าก็ทนมือทนตีนพี่เขาได้ไม่น้อย
ก่อนที่จะมาเป็นเด็กส่งยาก็ต้องยอมรับโชคชะตาของตัวเองให้ได้ อย่างที่รู้ว่างานนี้มันเสี่ยง ไม่ว่าจะเสี่ยงติดคุก หรือเสี่ยงถูกกระทืบโดยฝีมือพวกเดียวกันก็ตาม
ในเมื่อฉันเลือกที่จะก้าวขาเข้าวงการดำมืดนี้แล้ว มันก็ยากที่ฉันจะถอนตัวออก เพราะฉะนั้นเลยเลือกที่จะทน
ก็อย่างที่รู้ คติของฉันคือ ‘ไม่เลือกงาน ไม่เลือกจน’ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าฉันสามารถทำงานได้ทุกอย่างที่มันได้เงินเยอะๆ เพราะฉันจะไม่เลือกกลับไปอยู่ในจุดของความจนอีกแล้ว
‘เงิน’ สามารถทำให้ฉันดิ้นรนจนอยู่รอดได้ และเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ฉันอยากมีเงินเยอะๆ ก็เพราะว่าฉันอยากจะถีบตัวเองให้อยู่สูงที่สุด เพื่อที่จะได้ก้มลงมองพวกที่ดูถูกฉันได้สะดวก
คนบางประเภทมันก็ดีแต่ว่าคนอื่น ไม่คิดย้อนกลับมาดูตัวเองเลยสักนิด...
ซึ่งฉันเองก็เข้าใจว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ‘ชอบไม่ชอบก็แล้วแต่ ไม่เห็นจะแคร์เลยด้วยซ้ำ’
“เตนล์ไม่ได้เถียง นี่เขาเรียกว่าอธิบาย แล้วจะให้ทำไงอ่ะก็ในเมื่อของมันถูกขโมยไปแล้ว”
ฝ่ามือหนาของพี่ต้นที่ลดลงแนบข้างลำตัวแกร่งทำให้ฉันลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ถ้าสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ฉันเองก็หมดปัญญาที่จะแก้ปัญหาให้ตัวเองเหมือนกัน ร้อยวันพันปีไม่เคยถูกวิ่งราว ใครมันจะไปรู้ว่าจะมาซวยเอาซะวันนี้
“มึงต้องเข้าไปคุยกับนายเองแล้วล่ะ ยานั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ กูแก้ปัญหาให้มึงไม่ได้หรอก ใครก่อก็จัดการเอาเอง”
ประโยคที่พี่ต้นเปล่งออกมาทำให้ใจของฉันแทบหล่นไปกองอยู่ตาตุ่ม
‘นาย’ ที่พี่ต้นหมายถึงก็คือผู้ทรงอิทธิพลที่ดูแลพวกเราทั้งหมด แต่ทว่าฉันก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของนายมาก่อน เนื่องจากฉันไม่เคยทำงานพลาดจนต้องเข้าไปคุยถึงตัวนายขนาดนั้น
และฉันก็ไม่คิดที่อยากจะเข้าไปคุยใกล้ๆ ด้วย เห็นใครๆ ก็บอกว่าถ้าได้เข้าถึงตัวนายเมื่อไหร่แทบไม่รอดสักราย เบาหน่อยก็แค่สะบักสะบอม หนักสุดก็ไปนอนในโลงศพ
แล้วยาที่ถูกขโมยไปนี่มันมีเป็นร้อยๆ เม็ด คิดเหรอว่าถ้าเข้าไปคุยแล้วฉันจะมีโอกาสอยู่รอดกลับมาได้
เงินเก็บที่มีก็ใช่ว่าจะเยอะจนสามารถจ่ายค่ายาทั้งหมดที่เสียหายไปได้สักหน่อย เป็นเด็กส่งยาทั้งชาติก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า
พี่ต้นแม่งเป็นพี่ชายที่ไม่คิดจะช่วยอะไรเลย อย่างน้อยหารกันคนละครึ่งก็ยังดี
“นายเข้ามาที่ผับเมื่อไหร่ก็บอกด้วยละกัน เดี๋ยวเคลียร์เอง”
ฉันจำต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ที่บอกจะเคลียร์นี่หมายถึงเคลียร์ให้ตัวเองรอดหรือตายเร็วๆ ก็ไม่รู้
“นายเข้ามาแล้ว และเขาก็รู้ด้วยว่ามึงทำงานพลาด เพราะฉะนั้นมึงรีบเข้าไปหานายซะ เขารอมึงอยู่”
ไหนๆ พี่ต้นก็พูดออกมาแบบนี้แล้ว งั้นฉันขอยืนไว้อาลัยให้ตัวเองสักห้าสิบปีก่อนเข้าไปได้ไหม...
“แล้วพี่ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ”
คืออย่างน้อยไปยืนให้กำลังใจกันก็ได้ จะตายทั้งทีนี่ก็ไม่อยากหว่าเหว่ไง มันเคว้งคว้าง
“ไปไม เข้าไปกูก็ตายดิ”
ขอบคุณนะ ทำไมเป็นพี่ชายที่แสนดีแบบนี้ล่ะ ซึ้งจนน้ำตาไหลเลยว่ะ...
“เออ ถ้างั้นก็เตรียมจองวัดให้ด้วยละกัน ไม่ต้องเอาข้าวต้มนะ อยากกินยุงทอดกระเทียม” น้ำเสียงของฉันนั้นเต็มไปด้วยความประชดประชัน ก่อนที่สองเท้าจะก้าวเดินอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อเข้าไปในผับ
เนื่องจากว่าเวลานี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดใช้บริการประตูทางเข้าด้านหน้าจึงถูกปิดเอาไว้ไม่ให้ใช้งาน
“อ๊ะ...อื๊อออ...เฮีย”
เสียงที่ดังออกมาจากมุมหนึ่งของผับทำให้เท้าของฉันถึงกับหยุดชะงัก สายตากวาดมองไปรอบๆ ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแค่แสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาอยู่ร่ำไร
เวลานี้ผับมันยังไม่เปิด แล้วใครมันมาดูดด๊วบอะไรกันอยู่แถวนี้?
สมองส่วนหนึ่งของฉันกำลังคิดว่ามีคนบางคนทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่ในผับ แต่อีกส่วนหนึ่งมันกลับคิดว่าน่าจะเป็นเสียงของอย่างอื่น...
ครั้นเมื่อสมองมีความคิดนั้นแวบเข้ามา ขนอ่อนบริเวณแขนของฉันก็พากันสแตนด์อัพขึ้นมาทันใด
“ซี๊ดดด...”
สงสัยผีเผ็ด ไม่ใช่ผีธรรมดาด้วย แต่เป็นผีจับหัว
