บทที่ 2
หลังจากจัดการนำลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งไปขึ้นเงินเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะโอนเงินจำนวนหนึ่งให้แม่ที่เชียงใหม่ ก่อนจะลงทุนซื้อคอนโดสุดหรูใจกลางกรุงเป็นที่สิงสถิต และยื่นใบลาจำนวนหนึ่งสัปดาห์กับทางสถานีวิทยุเพื่อมาท่องโลกกว้าง
และสถานที่ที่ดีเจสาวเลือกก็คือประเทศฟินแลนด์ดินแดนซานตร้าคลอสแห่งนี้...
ที่ซึ่งเธอกำลังเดินจ้ำอ้าวอยู่ท่ามกลางกองหิมะสีขาวโพลนเต็มท้องถนน แถมอุณหภูมิติดลบยังหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ จนคนตัวเล็กต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองแน่น และกวาดตามองหาที่หลบภัยหนาว
"หืม...ตรงหน้ามีบาร์เล็กๆด้วยนี่ เอาวะ หาที่หลบก่อนแล้วกัน หนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้วเนี่ย"
คนขี้โวยวายบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินด้วยความรีบร้อน
พลั่ก!
ร่างเล็กเดินชนเข้ากับร่างสูงที่พึ่งเดินพ้นออกมาจากตรอกเล็กๆ เต็มแรง ทว่าคนที่เซคือเธอไม่ใช่เขา แต่ถึงยังไงคนผิดก็คือเธออยู่ดี
เพราะฉะนั้น... ขอโทษก็ได้
"ขอโทษค่ะ เอ๊ย! Sorry" เจ้าของเสียงกังวานใสหลุดพูดภาษาแม่ออกมา ก่อนจะรีบแก้ทันควัน
"หืม ?"
พระพายฉีกยิ้มกว้างอย่างขอโทษขอโพย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้างุนงง เธอจึงถือโอกาสที่เขาเผลอก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปในบาร์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมทันควัน
"หนาวจะตายแล้วโว้ย!" หญิงสาวบ่นเสียงดังเป็นภาษาไทย ก่อนจะยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองลวกๆ เพื่อหาที่ระบายความหงุดหงิด
บอกตามตรงว่าเธออยากจะเขกกระโหลกตัวเองนักที่ดันอุตริมาเที่ยวถึงยุโรปเหนือโดยไม่คิดจะหาข้อมูลอะไรเลยนอกจากที่กินและที่เที่ยว
จนกระทั่งวันนี้...
วันที่ลงจากเครื่องท่ามกลางอากาศติดลบที่พึ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต
ขุ่นพระ!
ขาแทบก้าวไม่ออก จนอยากกลับคืนสู่สยามประเทศ แต่ก็เสียดายเงินที่ซื้อตั๋วเครื่องบินมา
"รับอะไรดีครับ"
เสียงของบริกรที่เดินมารับออร์เดอร์เรียกสติของคนที่กำลังคิดฟุ้งซ่านให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยอีกครั้ง
"เครื่องดื่มอะไรเด็ดๆ ก็เอามาเลยค่ะ"
พระพายบอกปัดเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแบบไทยแท้ไม่มีผสม เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจดีว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวที่ภาษาอังกฤษค่อนข้างอ่อนปวกเปียก จึงได้แต่พยักหน้ารับ แล้วเดินจากไป
มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพาย ก่อนที่จะเช็กเวลาเพื่อดูให้แน่ใจว่าตอนนี้เพื่อนรักไม่ได้กำลังจัดรายการอยู่
(ถึงกับคอลเฟสบุคข้ามทวีปมาอวดเลยหรอไอ้พาย แกนี่มันน่าตืบจริงๆเลย)
คนในสายบ่นกลั้วหัวเราะ ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบเล่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ให้เพื่อนฟัง
"ตอนนี้ฉันอยู่ในบาร์ว่ะแก ดีนะที่ฮิตเตอร์ในร้านโคตรอุ่น ข้างนอกนี่แบบว่าโคตรพ่อโคตรแม่หนาวเลย สาบานเลยว่ากลับไปคราวนี้ ฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก ยกเว้น..."
(ยกเว้นอะไร)
"ยกเว้นว่าจะได้ผัวเป็นคนฟินแลนด์อะนะ"
(ไอ้บ้า!)
"แล้วสถานการณ์ที่นั่นโอเคป่ะ ฉันอุตส่าห์ยื่นลาล่วงหน้าตั้งสองอาทิตย์ หวังว่าจะไม่มีปัญหานะ"
(ทุกอย่างปกติดี ช่วงของแกมีฉันกับร็อคผลัดกันจัดจนครบเจ็ดวันเหมือนที่ตกลงกันไว้ เชิญเที่ยวให้สบาย แล้วที่สำคัญ....)
"อย่าลืมของฝาก" หญิงสาวชิ่งเติมคำในช่องว่างให้เพื่อนอย่างรู้ทัน
(ย่ะ! อันนี้ห้ามลืมเด็ดขาด)
"ฉันไม่ลืมหรอกน่า"
(ก็ดีย่ะ เพราะถ้าแกลืมของฝากฉัน ฉันจะโกรธแกไปยันชาติหน้าเลยไอ้พาย) รสาขู่เสียงเขียว
"รู้น่า"
(แล้วแกก็อย่ากินเหล้าเยอะล่ะ จงสำเหนียกไว้ด้วยว่าหล่อนไม่ได้คอแข็งอะไรมากมาย แถมอยู่นู่นก็ไม่มีใครคอยหามกลับคอนโดด้วย เข้าใจ๋?)
พระพายหัวเราะรวนเมื่อได้ยินเสียงบ่นร่ายยาวของเพื่อนรัก ที่นับวันมันชักจะเริ่มทำตัวเป็นแม่คนที่สองเข้าไปทุกที
"บ่นเก่งขนาดนี้ ถึงว่า..."
(ถึงว่าอะไรไอ้พาย) รสาถามเสียงแข็ง
"ถึงว่าทำไมไอ้ร็อคมันถึงไม่ยอมขอแกแต่งงานสักที กลัวได้แม่แทนเมียเนี่ยเอง" คนปากเสียล้อเพื่อน เพื่อแกล้งให้อีกฝ่ายส่งเสียงโวยวายขึ้นมาอีกยก
(ไอ้พาย ไอ้เพื่อนเวร ฉันจะฆ่าแก!)
"อุ๊บส์! เดี๋ยวต้องคอลบอกไอ้ร็อคให้มันเอาเมียไปเก็บสักหน่อยแล้ว"
(เหอะ! ฉันไม่คุยกับแกละ ปวดหัวชิบเป๋ง!) คนเถียงไม่ชนะบ่นมาตามสาย ก่อนจะกดวางไปดื้อๆ
"เอ้า! ตัดไปไม่บอกไม่กล่าว" พระพายบ่นพึมพำ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับบริกรชายคนเดิมที่นำเครื่องดื่มสีสันสดใสมาวางตรงหน้าเธอ
ดวงตากลมโตมองสำรวจแก้วใบเล็กตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น เพราะเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
แหม... ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์ แต่สีมันแค่สวยกว่าที่เคยเห็นมาแค่นั้นเอง
มือเล็กเอื้อมไปคว้ามันเอาไว้ แล้วยกขึ้นมาดมเหมือนต้องการสำรวจกลิ่น
"กลิ่นเหล้าไม่แรงเท่าไหร่ คงกินได้อยู่หรอกมั้ง" คนคิดเองเออเองสรุปเสร็จสรรพ และจัดการกับน้ำสีแปลกตาในแก้วจนหมดเกลี้ยง
"หูย... ไม่เมาเลยสักนิด แค่นี้สบ๊าย...ย~"
ดีเจสาวพูดคนเดียวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปสั่งบริกรให้นำเครื่องดื่มแบบเมื่อกี้มาให้เธออีกเกือบสิบแก้ว
แล้วผลสุดท้ายมันก็...
"อึก! อึก! อดโทน... อดโทนไว้ไอ้พาย"
ร่างบอบบางที่กำลังเดินโซซัดโซเซคล้ายคนหลงทิศพึมพำบอกตัวเองไปตลอดทาง แล้วพ่นอ้วกออกมาเป็นระยะเมื่อเจอถังขยะอย่างหมดสภาพ
"จุดจบของคนอยากเมาแท้ๆ เลย"
ดีเจสาวที่สติใกล้เลือนรางเข้าไปทุกทีพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าโรงแรมที่เช็คอินเอาไว้เมื่อช่วงบ่ายได้สำเร็จ
"ถึงแล้วเนอะ..." คนตัวเล็กบ่นพึมพำขึ้นมาอีกหน แล้วฉีกยิ้มกว้าง "นอนละ"
ว่าจบร่างบางก็ทิ้งตัวลงนอนท่ามกลางกองหิมะทันควัน เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนเคยบอกเลยว่าตอนที่เมานั้น
เธอ 'เรื้อน' ขนาดไหน...
"คุณ... คุณตื่นก่อน เฮ้ย! นี่มันหน้าโรงแรม"
เสียงโวยวายเป็นภาษาไทยของใครสักคนดังลอดเข้ามาในโสตประสาทของคนกำลังเมาได้ที่ ทว่าดวงตาของเธอกลับหนักอึ้งจนลืมไม่ไหว
"ตื่นก่อนคุณ หลับตรงนี้ไม่ได้"
ร่างสูงโปร่งนั่งยองๆ ลงกับพื้นหิมะ แล้วพยายามเขย่าร่างของคนที่เขาสันนิษฐานว่าต้องเป็นเพื่อนร่วมชาติด้วยความเป็นห่วง