Jay & Aeng Aei - 3 (2) เซอร์วิสพิเศษเลี้ยงข้าว
ที่ร้านอาหาร
“เอ่อสวัสดีค่ะ” เอิงเอยเอ่ยทักทายเจย์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามานั่ง
ตอนนี้เอิงเอยทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อวานจู่ ๆ เอิงเอยก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวให้อีกเสร็จสรรพ
ตอนตื่นนอนตอนแรก เธอยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าพอได้อ่านโน้ตที่อีกฝ่ายเขียนแปะไว้ให้ก็ยิ่งเขินใหญ่
[ขอโทษที่รื้อกระเป๋าหากุญแจนะครับ แล้วก็ประตูรั้วหาช่างมาทำที่ล็อกไว้ก็ดี]
ตอนนั้นเอิงเอยกรี๊ดหนักมากผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งใจดี แถมลายมือที่เขียนก็ยังดูสุภาพสมกับเป็นเขาเสียเหลือเกิน
แต่ความจริงแล้วประตูรั้วมันพังมานานแล้วแหละเอิงเอยแค่ยังไม่มีเวลาเรียกช่างมาซ่อม เพราะจะให้ช่างมาซ่อมก็ต้องมีเพื่อนคอยอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ความคิดของเอิงเอยเหรอนะแต่เป็นความคิดของมิ้นและเจมส์ต่างหาก และตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ค่อยว่างก็เลยยังไม่ถูกซ่อมเสียที
“สวัสดีครับ เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ” เจย์เอ่ยถามเอิงเอยตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเรียกพนักงานมารับออเดอร์
“ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะเจย์ที่พาเอิงเข้าบ้านไปนอนอย่างปลอดภัย” เจย์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่วันนี้อยากทานอะไรครับพี่เลี้ยงเอง” เจย์เอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นเมนูอาหารให้เอิงเอยเพื่อดูเมนู
“หืม จะเลี้ยงเอิงทำไมคะ เอิงเป็นคนชวนมา”
“ห้าล้านที่น้องเอิงให้มาใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ คิดว่าเป็นเซอร์วิสพิเศษเพิ่มอีกอย่างให้ก็แล้วกัน” เจย์พูดติดหัวเราะ ทำให้เอิงเอยยิ้มออกมาอย่างสบายใจทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังแอบเกรงใจเจย์อยู่ นิด ๆ
หลังจากได้รับเมนูอาหารมา เอิงเอยเลือกสั่งอาหารกับพนักงานซึ่งเมนูล้วนแล้วแต่เป็นภาษาอังกฤษแต่เอิงเอยก็ออกสำเนียงได้ดีทีเดียวแถมวันนี้ยังมาในลุคที่แตกต่างจากเมื่อวานมาก
เจย์มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ลุคของเธอดูแปลกตาหน่อย ๆ ผมตรงยาว ใบหน้าแต่งหน้าอ่อนๆ เข้ากับสีลิปสติกสีีพีชที่เด่นชัด บนหัวประดับไปด้วยกิ๊บติดรูปดอกไม้สองข้าง ชุดก็เป็นชุดกระโปรงสีพีชหวานเรียบ ๆ ไม่ได้สั้นและไม่ได้ยาวจนคลุมทั้งขารองเท้าก็เป็นส้นเตี้ยรัดข้อสีขาวสบายๆ กระเป๋าที่สะพายมาก็เป็นรูปดอกไม้สีขาวที่มีจุดสีเหลืองตรงกลาง
เรียกได้ว่าแต่งได้หวานฉ่ำเหมือนยกสวนดอกไม้มาไว้ที่ตัวเลยก็ว่าได้
“เออแล้วพี่เจย์อยากทานอะไรคะ”
“อ่าครับว่าไงครับ?” เจย์เอาแต่จ้องมองเอิงเอยตอนที่เธอสั่งอาหาร จนเกือบจะลืมตัวไปเหมือนกันว่าเผลอมองหญิงสาวตรงหน้าไปแล้ว
“ลอยไปถึงไหนกันคะเนี่ย”
“อ่อ กำลังคิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง”
เอิงเอยหัวเราะเบา ๆ ไม่ตอบรับอะไรกับคำชมเพราะว่ามันธรรมดาและเบสิกเอามาก ๆ ก่อนที่เอิงเอยจะชวนเจย์คุยต่อ
“เออแล้วปกติของการเป็นโฮสต์ พี่เจย์ต้องทำอะไรบ้างหรือคะ”
เจย์มองเอิงเอยแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่วนเอิงเอยก็ยิ้มให้เขาและรอฟังคำตอบของเขาที่กำลังทำท่ากระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบออกมา
“ก็ไม่มีอะไรมากเหรอครับเราก็แค่ดูแลลูกค้าตามปกติคอยเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ”
“แล้วเขามีดีลลับอย่างอื่นกันด้วยใช่ไหมคะ”
เจย์หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามจากเอิงเอย เขาคงกำลังคิดละสิว่าทำไมเอิงเอยถึงกล้าถามอะไรแบบนี้ แต่ทำไงได้เธออยากรู้จริง ๆ นี่ ว่าพี่เจย์ของเธอรับแขกด้วยหรือเปล่า
แขก...ที่หมายถึงแขกที่เป็นผู้ชาย ...ที่เจย์บอกว่าชอบ
“ครับก็แล้วแต่ทั้งคู่ตกลงกัน” เจย์ตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา
เอิงเอยเลยได้ยิ้นเจื่อน ๆ
-ไม่รู้ถามออกไปทำไม ถามเองเจ็บเองนักเลยพอ แหะ ๆ -
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่เขาสั่งมาก็มาเสิร์ฟ ทั้งเอิงเอยและเจย์เลยตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะตั้งใจกินอาหารของตัวเองไป
เจย์ดูไม่อะไร นั่งกินอาหารไปเรื่อย ๆ ส่วนเอิงเอยก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาเลยน่าจะเจริญอาหาร พอเห็นเขาอารมณ์ดี เอิงเอยเลยไม่ได้ชวนคุยอะไรมาก ปล่อยให้เขาได้กินอย่างสบายใจ
เอานะ ขอแค่ครบสามวันอีกไม่นาน ความอึดอัดของพี่เจย์ตรงนี้ก็จบลง
“ขอบคุณที่มาในวันนี้นะคะแถมยังเลี้ยงอาหารอีกด้วย” เอิงเอยเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจที่เจย์เป็นฝ่ายออกค่าอาหารให้ทั้งหมด แต่ก็อย่างที่เจย์บอก การเลี้ยงอาหารในวันนี้แค่เล็กน้อย เทียบไม่ติดกับเงินที่เอิงเอยจ่ายให้เขาเลยด้วยซ้ำ
เจย์ยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำ
“แล้ววันนี้กลับยังไงครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินออกจากร้านอาหารมาได้สักพัก ก่อนจะเอิงเอยจะสังเกตและมองไปรอบๆ พบว่ามีสายตาหลายคู่นั้นมองมาที่เขาตลอดเวลา
ก็นะ คนระดับเจย์คงน่าจะเป็นที่รู้จักของหลายคน หลังจากที่เขาได้ไปร่วมงานถ่ายแบบกับซีรีส์วายแห่งหนึ่ง แล้วทางค่ายเริ่มโปรโมตหนักขึ้น ทำให้คนน่าจะรู้จักเขาพอประมาณ
สงสัยต่อไปเอิงเอยคงได้ซื้อหมวกซื้อแว่นตามาใส่เดินแล้วซะมั้ง
“อ๋อ คือวันนี้เองพอดีมีนัดเจอกับเพื่อนที่นี่ต่อค่ะ^^…ยังไงก็กลับดีๆ นะคะ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” เอิงเอยเอ่ยลาพร้อมส่งยิ้มกว้างเจย์
เขาส่งยิ้มกลับ ยกมือขึ้นเอ่ยลาเอิงเอยบ้าง
เจย์ขอตัวเดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายตัวเองก็อดทนจนผ่านการทานข้าวกับยัยเด็กสาวน่าเบื่อนั่นจนกระทั่งหมดเวลา
“เฮียเจย์!”
เสียงคุ้นเคยของคนคนหนึ่งตะโกนเรียก เจย์เลยหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารแห่งเดียวกัน
“ว่าไงไอ้เจมส์มาทำอะไรที่นี่วะ” เจย์เอ่ยทักทายน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะเจย์ออกมาอยู่คอนโดส่วนตัว ส่วนน้องก็อยู่กับที่บ้าน มีอะไรพี่น้องสองคนมักจะติดต่อหากันในไลน์เท่านั้น
พอไล่มองการแต่งตัวของน้องชายที่ดูหล่อเนี้ยบผิดปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง พร้อมยิ้มยียวนให้น้องชาย มาแนวนี้คงหนีไม่พ้นมาเดทอย่างแน่นอน
“สายตาอะไรของเฮียเนี่ย ไม่ใช่อย่างที่คิดนะเฮีย”
“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ว่าแต่นัดใคร หญิงอ่อ”
“เปล่าเฮีย แค่นัดมาเจอเพื่อนเฉยๆ” เจย์มองหน้าน้องชายที่เอ่ยปฏิเสธ แต่ใบหน้ามันดูแดง ๆ แถมยังยิ้มเขิน ๆ
นั่นอีกดูก็รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก็เอาเถอะเพราะน้องชายก็ยี่สิบสามแล้ว ควรจะมีแฟนได้แล้วเหมือนกัน
“เออ...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นเฮียไปทำงานต่อละ ตามสบายไอ้น้อง” เจย์ตบบ่าน้องชายเบา ๆ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป โดนมีเสียงเจมส์ที่ตะโกนตามา
“เฮียเจย์ ไว้ว่างๆ ก็กลับมาบ้านบ้างนะเฮีย พ่อกับแม่บ่นคิดถึงนะ”
เจย์พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้น้องชาย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป แต่ก่อนจะไปก็หันไปแซวมันอีกที
“พาหญิงมาแนะนำบ้างนะเว้ย” เจย์ยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตะโกนกลับมาด้วยความเขินอาย
“โธ่เฮีย ก็บอกว่าเพื่อนไงเล่า!” พอพูดจบเจมส์ก็เดินจ้ำหนีเขาไปภายในร้านอาหารทันที
เจย์เลยหัวเราะออกมาที่ได้แกล้งน้องชาย เสียดายที่เขาไม่ได้ไปทักทายผู้หญิงของน้อง เพราะดันมีงานต่อ
เอาเถอะถ้าน้องชายจะมีแฟนจริง ๆ อีกไม่นานเหรอเดี๋ยวน้องชายเขาก็คงจะพามาเปิดตัวเองนั่นแหละ