ตอนที่ 1 พี่ชายข้างบ้าน (2)
“ส่วนแม่รักมากที่สุดในสามโลกเลยค่ะ” เด็กน้อยว่าพลางกางมือออกสุดแขนพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยี
“ช่างพูดจริงเชียวเด็กคนนี้” รดานันท์มองลูกสาวอย่างเอ็นดูพลางส่ายหน้า
“พี่ชายน้องสาว...” พรสุนีติ์พูดขึ้นลอย ๆ พร้อมกับจ้องเด็กสองคนที่กำลังนั่งเล่นนั่งคุยกันด้วยสายตาเจ็บปวด
“คุณพร...คุณพรคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รดานันท์เรียกอีกฝ่ายที่เหมือนจะใจลอย
“อะ...เอ่อ เปล่าคะ แค่รู้สึกว่าสองคนนี้รักกันเหมือนเป็นพี่ชายน้องสาวกันจริง ๆ เลย” เธอบอกเสียงแผ่วมองต้องรักสลับกับรดานันท์ด้วยสายตาสับสน แต่มันก็แค่แวบเดียวก่อนมันจะถูกปรับให้เป็นปกติ
“นั่นสิคะ เป็นความโชคดีของน้องต้องนะคะเนี่ยที่ตาเผด็จเอ็นดูมากขนาดนี้ ปกติผู้ชายวัยนี้คงไม่สนใจดูแลเด็กแบบนี้หรอกค่ะ”
“นั่นสินะคะ” พรสุนีติ์มองลูกชายกับต้องรักแล้วได้แต่ถามตัวเอง ว่าทำไม หรือเพราะสายสัมพันธ์บางอย่างได้ก่อเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ความสัมพันธ์ระหว่างต้องรักกับเผด็จนับวันยิ่งผูกพันจากความรู้สึกแค่พี่น้องก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น และความรู้สึกนี้เองที่ต้องรักกำลังเผชิญมันในวัยสิบสามปี โดยไม่รู้เลยว่าพี่ชายข้างบ้านอย่างเผด็จนั้นรู้สึกยังไง เขาดีกับเธอเพราะเห็นเป็นแค่น้องสาวหรือมีความรู้สึกอื่นปะปนอยู่ด้วย
“พี่เผด็จสวัสดีค่ะ” ต้องรักที่เดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่คนเป็นแม่เพิ่งไปรับมาจากโรงเรียน ยกมือไหว้ชายหนุ่มที่ยืนทำอะไรบางอย่างอยู่
“อ้าว เลิกเรียนแล้วเหรอ” เผด็จวางงานในมือลงแล้วเดินยิ้มไปยืนจนชิดรั้วเพื่อคุยกับเด็กสาวอย่างที่ชอบทำประจำ
“ค่ะ วันนี้พี่ไม่ได้ไปมหาลัยเหรอคะ”
“พี่มีเรียนแค่ช่วงเช้าน่ะ”
“งั้นช่วยสอนการบ้านต้องหน่อยได้ไหมคะ” ต้องรักเอียงคอยิ้มพลางมองพี่ชายข้างด้วยสายตาออดอ้อนเช่นเคย
“ได้สิ เดี๋ยว...” เผด็จพูดยังไม่ทันจะจบเขาก็ต้องเอี้ยวตัวกลับไปมองตามเสียงที่ตะโกนเรียกหาเขาดังลั่นบ้าน
“ไอ้เผด็จกระติกน้ำอยู่ไหนวะหาไม่เจอ อะ อ้าว...มายืนจีบสาวอยู่นี่เอง” น่านน้ำที่ตอนแรกยังทำหน้ายุ่ง ๆ อยู่รีบถลาเข้ามายืนข้าง ๆ เพื่อนรักพร้อมกับเปิดยิ้มกว้าง
“สาวที่ไหน น้องข้างบ้านกูเอง ชื่อต้อง”
“น้องต้อง ที่แกเคยพูดถึงบ่อย ๆ น่ะเหรอ” น่านน้ำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับใช้สายตาพิจารณาเด็กสาวมอต้นที่เรียกได้ว่าสวยน่ารักมาก ๆ เลยทีเดียว ก่อนจะหันมามองเพื่อนด้วยสายตามีเลศนัยและแนะนำตัวเอง “สวัสดีครับพี่ชื่อน่านนะครับเป็นเพื่อนได้เด็จมัน”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อต้องค่ะ เป็นน้องสาวข้างบ้านพี่เผด็จค่ะ แล้วนี่พวกพี่ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ ถ้ายุ่ง เรื่องการบ้านเดี๋ยวต้องทำเองก็ได้ค่ะ” เด็กสาวบอกอย่างเกรงใจ เมื่อมองดี ๆ แล้วเหมือนพวกเขากำลังเตรียมจัดปาร์ตี้อะไรบางอย่างอยู่
“พี่ช่วยสอนให้ได้นะ” น่านน้ำเสนอตัว แต่ก็โดนเผด็จดึงหลังเสื้อแล้วจับโยนออกไปอย่างไม่ไยดี “ไม่ต้องเลย ไปทำงานของตัวเอง และติดไฟแทนด้วย” ชายหนุ่มสั่งก่อนจะหันมาพูดกับต้องรักที่ยืนปิดปากหัวเราะชอบใจกับการกลั่นแกล้งกันของหนุ่ม ๆ “ต้องไปเอาการบ้านออกมารอพี่เลยนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ได้ค่ะ ไปนะคะ” ต้องรักยกมือไหว้น่านน้ำก่อนจะเดินเข้าบ้าน เพื่อเตรียมตัวทำการบ้าน ที่แม้ไม่ได้ยากแต่เธอก็ยังอยากให้เผด็จสอนมันอยู่ดี
“ไอ้นี่ เจอหญิงแล้วทิ้งเพื่อน แล้วก็บอกว่าแค่น้องสาวข้างบ้าน อมพระมาพูดกูก็ไม่เชื่อ” น่านน้ำที่เดินมากอดคอพลางมองตามต้องรักไปไม่วางตา ก่อนจะหันมามองล้อเพื่อนรักยิ้ม ๆ
“พูดมากนะมึงนี่ ทำงานไป” เผด็จใช้ศอกกระทุ้งที่ท้องของอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วเดินไปล้างมือ
“เออ ๆ เห็นแกความเป็นเพื่อนหรอกนะถึงยอม รีบสอนแล้วพามาปาร์ตี้ด้วยนะ”
“น้องเขายังเด็ก ไม่เหมาะกับปาร์ตี้ที่มีแต่หมาป่าอย่างพวกมึงหรอก”
“มึงนั่นแหละหมาป่าตัวพ่อเลย”
“ไม่พูดกับมึงแล้วฝากงานด้วย เดี๋ยววันหลังจะพาไปเลี้ยง” พูดจบเผด็จก็เดินผละออกไปหาต้องรักที่บ้านทันที
“พูดงี้ค่อยน่าฟังหน่อย” น่านน้ำตะโกนตามหลังก่อนจะส่ายหน้า และในขณะที่เขากำลังเตรียมจะจุดไฟนางพรสุนีติ์ยืนดูเด็กทั้งสองคนคุยกับต้องรักอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวป้าจุดให้นะ น่านไปทำอย่างอื่นเถอะ แล้วเผด็จไปไหนเสียล่ะ” นางแกล้งถามทั้งที่เห็นอยู่ตลอด
“บ้านน้องต้องครับ ว่าแต่ไอ้เด็จกับน้องต้องนี่ยังไงเหรอครับ” น่านน้ำทำท่ากระซิบถามผู้สูงวัยอย่างคิดว่าอาจจะรู้อะไรดี ๆ ที่เพื่อนรักปิดบังเอาไว้ เขาจะได้เอาไปล้อมัน
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ สองคนนี้โตมาด้วยกันรักกันเหมือนพี่น้องนั่นแหละ ไม่มีทางมากไปกว่านั้นแน่นอน” นางพรสุนีติ์พูดไปขณะที่มือก็ทำการจุดไฟไป น่านน้ำมองท่าทีของท่านแล้วได้แต่พยักหน้ารับ “อ๋อ...ครับ” และอดคิดไม่ได้ว่า ท่านดูไม่ออกจริง ๆ เหรอ ว่าสองคนนี้ดูยังไงมันก็มากกว่าพี่น้อง หรือรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่อยากรับรู้กันนะ ถ้าเป็นอย่างหลังสุดนี่ เผด็จเจองานหนักแน่