บทที่๑...เจ้าสาวสวมรอย (๑)
บทที่๑...เจ้าสาวสวมรอย
“อะไรนะคะ หวานต้องแต่งงานกับเขาเหรอ” วันนี้บิดาอย่างคุณอนุวัตมารับประทานอาหารที่บ้านเล็ก ถึงท่านจะอายุเยอะตามกาลเวลา แต่ก็ยังแข็งแรงราวคนหนุ่ม ความกระฉับกระเฉงขัดกับตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
ใบหน้าเหี่ยวย่นจนท่านต้องอาศัยการศัลยกรรมเพื่อคงความหนุ่มเอาไว้ แน่นอนว่าฝีมือทางการแพทย์นี้เป็นของหมอเตชน์ ที่คนเป็นบิดาชื่นชมนักหนากับความเก่งกาจขัดอายุที่เพิ่งเริ่มในวงการแพทย์
บรรยากาศลดฮวบฮาบกลายเป็นความเย็นยะเยือก อาหารตรงหน้าไร้คนสนใจเพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญมากกว่านั้น
ชลชินีเม้มปากแน่นกลัวจะผรุสวาทใส่บิดาที่ตนเคารพแล้วจะหลุดจากตำแหน่งลูกรัก การถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงแค่ลูกเมียน้อยทำให้เธอพยายามถีบตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อที่คุณอนุวัตจะภูมิใจ เรียนคณะแพทย์ทั้งที่ไม่ชอบซักนิด
และก็สำเร็จผลเมื่อท่านเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก รักและตามใจลูกสาวคนนี้ ต่างจากชลธรที่กลายเป็นเพียงลูกสาวที่บิดาไม่ค่อยเหลียวแล สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ ไม่ถูกคาดหวังเหมือนคนพี่
“ใช่ พ่อกับคุณปริมัทมีแผนจะสร้างโรงพยาบาลไว้รองรับผู้สูงอายุ ถ้าเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันทุกอย่างคงราบรื่น” คนฟังอยากโวยวายเต็มแก่ แต่สายตาของแม่ก็ห้ามเอาไว้
“แต่ว่าเราไม่ได้รักกันนะคะ ตอนหนูไปกินข้าวกับเขาก็เอาแต่เงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย” ชลธรชะงักชั่วครู่ คนที่ไปกินข้าวกับหมอเตชน์คือเธอต่างหาก ทว่าไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ เพราะหล่อนไปในชื่อชลชินี
“ไม่ได้บอกให้แต่งเพราะชอบ ที่ต้องแต่งเพราะธุรกิจต่างหาก” สองสาวถึงกับพูดไม่ออก อยากรู้ว่าบิดาเคยเห็นพวกเธอเป็นลูกมีชีวิตจิตใจบ้างไหม เหตุใดจึงไม่นึกถึงหัวใจกันบ้างเลย
“เขาเป็นคนดี พ่อเชื่อว่าลูกจะรักเขา” พยายามเกลี่ยกล่อมเมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของลูกคนโต เอื้อมมือไปลูบไหล่เล็กแล้วยิ้มให้ด้วยความรัก
ท่านเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชลชินีแล้ว เตชน์นั้นคู่ควรและเหมาะสม ไม่ว่าจะมองอย่างไรลูกเขยก็ต้องเป็นชายผู้นี้
“พ่อคะ..” กำลังจะแย้งแต่มารดาก็ขัดซะก่อน
“เชื่อพ่อเถอะหวาน พ่อเขารักลูกและต้องเลือกคนที่เพียบพร้อมให้อยู่แล้ว แม่ว่าหมอเตชน์ก็ดีนะ อนาคตไกลอยู่ด้วยแล้วสุขสบายแน่นอน”
แต่เธอไม่ได้รักเขา..
ชลชินีร่ำร้องก้องอก อยากโวยวายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อหน้าบิดาต้องทำตัวอ่อนหวานและยิ้มแย้ม ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงหล่อนอารมณ์ร้อนมากแค่ไหน
ลูกสาวทั้งสองถูกพร่ำสอนให้ว่านอนสอนง่าย และต้องเอาอกเอาใจคนเป็นพ่อที่นานทีจะมาหาสักครั้ง ทว่าช่วงหลังเริ่มมาบ่อยเพราะทะเลาะกับลูกชายคนโตอย่างอคิราห์ เตชธรรม จนชายหนุ่มมีหลานให้ท่านก็ไม่ค่อยมาบ้านหลังนี้
ฝาแฝดคนโตจึงตัดสินใจเรียนแพทย์เอาใจพ่อ ทำทุกอย่างให้ตนเป็นที่หนึ่ง เรียกร้องความสนใจเพราะต้องการคำว่าครอบครัว
ต่างจากชลธรที่อยู่ตามมีตามเกิด และโดนแม่บ่นเสมอเรื่องความฉลาดที่น้อยกว่าพี่สาว กลายเป็นเคยชินเสียแล้ว
“ไปกินข้าวกับเขาหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้ว” น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ประโยคบาดลึกเข้าไปข้างในจิตใจ เธอยอมพ่อหมดแล้วทุกอย่าง ทั้งการเรียนและชีวิตส่วนตัว
แต่กับเรื่องนี้ ชลชินีไม่ยอม!
“ค่ะ” ตอบรับเสียงแผ่ว ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารโดยที่สมองเริ่มคิดแผนการบางอย่าง
ท่านพูดขนาดนี้แสดงว่างานแต่งคงยกเลิกไม่ได้ และเธอก็จะไม่ยอมเป็นลูกสาวที่แข็งข้อเด็ดขาด อย่างไรเสียตำแหน่งลูกรักก็ต้องเป็นของตน
ดวงตากลมจึงหันมองผู้หญิงที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าว คนที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ ไม่มีจุดใดให้สังเกตเห็นเลยนอกจากแววตาอ่อนแสงและความเป็นมิตรที่แผ่กระจายมากกว่าหล่อน
ชลธรคือทางเลือกที่ดีไม่น้อยในแผนการครั้งนี้
“แล้วพ่อไม่หาให้ตาลบ้างเหรอคะ แบบนี้น่าน้อยใจแย่” คนที่พยายามทำตัวลีบไม่เป็นจุดสังเกตถึงกับลมหายใจชะงักยามบิดามองมา สายตาของท่านไม่ได้รักใคร่หรือเอ็นดูเธอเท่าลูกสาวคนโต
แน่ล่ะ ในเมื่อเธอเข้าวงการบันเทิงที่ท่านไม่ชอบ จะไปดีเท่าคนเรียนแพทย์ตามใจพ่อได้อย่างไร
“ไม่ล่ะ เก่งนักก็หาเอาเอง” ไม่ผิดจากที่คิด คุณอนุวัตเมินชลธรอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะที่คุยกันล่าสุดคือลูกสาวคนเล็กยืนยันจะอยู่วงการบันเทิงต่อ ทั้งที่ท่านอยากให้ทำงานด้านบัญชีที่ร่ำเรียนจบมาแท้ๆ
หญิงสาวไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับคำตอบ เป็นการดีเหมือนกันที่ไม่ต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้า และท่าทีไม่รู้สึกรู้สาของน้องสาวทำให้ชลชินีไม่ใครชอบใจเท่าไหร่
ตั้งแต่เล็กจนโตหล่อนมักจะกดทับคนเป็นน้องเสมอ ไม่ชอบที่เห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนกับคำว่าลูกเมียน้อย พร้อมน้อมรับมันไม่โต้แย้งอีกต่างหาก ทำตัวราวคนขี้แพ้จนน่าโมโห
แถมพี่ชายต่างมารดาอย่างปุริมยังเอ็นดูถึงขนาดให้เงินไว้ใช้ ผิดกับหล่อนที่พี่ชายทั้งสองไม่คิดจะเหลียวแล
“งานแต่งคงอีกนานใช่ไหมคะพ่อ” หมดความสนใจในตัวของชลธรก็หันมาถามบิดา
“อีกสองเดือน” แต่กลับตกใจกับคำตอบมากกว่าเดิม หล่อนส่ายศีรษะไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมถึงรวดเร็วปานสายฟ้า พบกันแค่ครั้งเดียวแต่นัดหมายวันแต่งเรียบร้อยแล้ว
ไม่ผิดจากที่พูดไว้เท่าไหร่ เพราะการแต่งงานครั้งนี้คือธุรกิจ ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องสักนิด
บิดาช่างทำกับเธอไว้ได้เจ็บแสบเสียจริง
งานมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง แน่นอนว่ามันคือบ้านใหญ่ของครอบครัวเตชธรรม ไม่ใช่บ้านจัดสรรหลังน้อยที่บิดาซื้อให้แม่ลูกอาศัย
คุณอนุวัตเปิดเผยว่ามีภรรยาสามคน และตอนนี้ลูกสาวก็กำลังจะออกเรือนกับลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอย่างหมอเตชน์ สาวหลายคนที่ทราบเรื่องก็ร้องไห้ทุกข์ระทม หมอรูปหล่อกำลังจะสละโสดซะแล้ว
“แม่คะ พี่หวานล่ะ” ลูกสาวที่มานอนบ้านหลังใหญ่เพื่อเตรียมช่วยเหลือเรื่องการจัดงานเพิ่งออกจากห้องนอนของพี่สาว ทว่ากลับไร้เงาว่าที่เจ้าสาวจนต้องเร่งตามหากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
พบมารดาอย่างคุณชลธิดาเดินเข้ามาพอดี ตรงเข้าถามเสียงร้อนรน ใช้เวลาหากว่ายี่สิบนาทีไม่พบแม้วี่แวว
“ก็อยู่ห้องน่ะสิ ถามอะไรของแก” เห็นท่าทีของลูกคนเล็กก็เกิดขัดใจ
“ไม่มี ตาลไปหาแล้วไม่เจอพี่หวานในห้องเลย” ดวงตาเรียวของคนเป็นแม่เริ่มฉายแววกังวล สามเดือนที่ผ่านมาลูกสาวคนโตอยู่ในร่องในรอย ทำตามทุกอย่างที่พวกเธอต้องการไม่ปริปากบ่นผิดวิสัยที่มักโวยวาย
ความกลัวคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ จนสุดท้ายท่านก็รีบเดินไปยังห้องนอนว่าที่เจ้าสาว ซึ่งตอนนี้ควรตื่นมาแต่งหน้าแต่งตาได้แล้ว
“ช่างแต่งหน้าล่ะ” ตอนนี้ตีห้าแล้ว นัดช่างไว้ตอนตีสี่ครึ่งทำไมยังไม่เห็นใครสักคนในห้อง
“รออยู่ข้างล่างค่ะ” ยังดีที่ไม่ให้ขึ้นมารอข้างบน
“ไปตามหาข้างล่าง เพื่อยายหวานลงไปหาอะไรกิน” หล่อนอยากบอกว่าหาทั่วบ้านแล้วก็ยังไม่เจอ แต่ก็จนใจจะพูดกลัวมารดาจะอารมณ์เสีย จำต้องทำตามท่านที่ท่านสั่ง
คุณชลธิดาหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาบุตรสาวคนโต รอไม่นานปลายสายก็รับราวกับรออยู่ก่อนหน้าแล้ว อารมณ์ของคนมากกว่าวัยไม่คงที่ เกือบจะตะโกนถามแต่ยั้งปากไว้ได้ทัน ตอนนี้มาอยู่บ้านใหญ่และในงานวันมงคลอีก
อย่ากระโตกกระตากดีกว่า
“แกอยู่ไหน” รู้ถึงนิสัยเอาแต่ใจของอีกฝ่ายดี การหายตัวไปครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ในรั้วบ้านแน่
ทว่ามันคือการหนีงานแต่งต่างหาก!
“ตอนนี้หนูอยู่สนามบิน และอีกสามสิบนาทีก็จะขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศแล้ว” ฟังจบก็กำมือแน่น น้ำเสียงของชลชินีไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจสักนิด คงเตรียมการมาเป็นอย่างดี
“กลับมาเดี๋ยวนี้” ข่มเสียงโกรธแล้วสั่งคนปลายสาย
“ไม่ทันแล้วแม่ เสียใจด้วยนะที่ทำให้ต้องผิดหวัง แต่หนูคิดว่าแม่คงมีวิธีดีๆ ในการแก้ไขปัญหานี้ หรือถ้าคิดไม่ออกก็ให้ตาลปลอมเป็นหนูแทนแล้วกัน ไม่มีใครจับได้หรอก” โกรธจนตัวสั่นกับสิ่งที่ชลชินีพูดราวไม่รู้สึกรู้สา
ลูกสาวคนโตคือหน้าตาของนาง สำหรับคุณชลธิดาแล้วยอมรับเลยว่าเป็นแม่ที่ลำเอียง ลูกคนไหนทำให้ตนกลายเป็นที่ยอมรับของสามีก็จะรักมากกว่า และดูเหมือนแฝดพี่จะทำได้ดีกว่าแฝดน้อง ทั้งเรื่องการเรียน และความรักที่คุณอนุวัตมอบให้
ทว่าตอนนี้มันกำลังจะพังทลายลง เจ้าสาวหนีงานแต่งแค่คิดก็กระทบไปหมดทุกอย่าง สามีคงได้ไล่ตะเพิดเธอออกจากบ้านหลังน้อยที่ใช้ซุกหัวนอน
“น้ำหวาน!” อดไม่ไหวจนต้องตะโกนชื่อลูก
“ไว้อีกสองเดือนเจอกันนะคะ” โทรศัพท์ปิดไปแล้ว ก่อนที่ดาราสาวจะเดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้ากังวลเพราะหาฝาแฝดคนพี่ไม่เจอ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน ยิ่งเวลากระชั้นชิดมากเท่าไหร่ก็กังวลมากเท่านั้น ช่างแต่งหน้ารอนานแล้วและเร่งเร้ากลัวว่าจะไม่ทันเวลาฤกษ์
“แม่คะ ถ้าหาพี่หวาน..” เอ่ยถามด้วยความกังวล
“พี่สาวแกหนีไปแล้ว” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เกาะราวบันไดเอาไว้พลางหยิบยาดมที่พกมาสูดเข้าปอด
คนฟังเบิกตากว้างไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ทั้งที่ชลชินียอมรับการแต่งงานโดยดีถึงขนาดไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับเจ้าบ่าว แล้วทำไมวันงานจริงถึงได้หนีออกไปแบบนี้
“ทำไมล่ะคะ พี่หวานไปไหนเดี๋ยวตาลจะไปตามเอง” สอบถามเพื่อจะได้ไปตามตัวพี่สาวกลับมาแต่งงาน ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่
“ไม่ต้อง แกรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วสวมรอยเป็นพี่แกเดี๋ยวนี้” ดวงตากลมเบิกกว้าง พลางส่ายศีรษะเล็กน้อยไม่ยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
การแต่งงานครั้งนี้เป็นของชลชินีและเตชน์ ไม่ใช่เธอสักหน่อยทำไมต้องมารับกรรมด้วย แถมยังแต่งในนามของแฝดพี่อีก คนที่เสียมีแต่เธอ
“อะไรนะแม่ ตาลไม่แต่ง ไม่เอานะแม่” พยายามปฏิเสธด้วยดวงตาปริ่มน้ำ คว้าแขนมารดาแล้วเขย่าเพื่อให้ท่านเห็นใจลูกสาวคนนี้บ้าง
“อย่าพูดมากได้ไหม ทำตามที่ฉันบอก” ตอนนี้แทบไม่มีเวลาแล้ว หล่อนรีบลากลูกสาวเข้ามาในห้องนอนของชลชินีที่ทางบ้านใหญ่จัดไว้ให้
เดี๋ยวนี้ภรรยาหลวงของคุณอนุวัตไม่ค่อยสนใจเหล่าเมียรองเท่าไหร่แล้ว เพราะทุ่มความรักให้แก่หลานตัวน้อยทั้งสองของลูกชายที่กำลังเติบโตเป็นหนุ่ม
ค่อนข้างอ่อนลงมากจากเมื่อก่อนที่แทบไม่อยากมองหน้าพวกเธอ ยอมรับไม่ได้ที่สามีนั้นเอาผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้าน ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายในความคิดชลธิดา คนร่ำรวยจะมีเมียมากกว่าหนึ่งไม่เห็นแปลกตรงไหน
“ไม่เอา ตาลไม่อยากเป็นพี่หวาน” แขนเรียวถูกบิดจนร้องด้วยความเจ็บ แต่ก็ยังยืนยันเจตนารมณ์ชัดเจน
“แล้วตอนนี้แกทำอะไรได้หรือไง ถ้าไม่ทำพ่อแกได้โวยวายบ้านแตกแน่ เร็ว!” ตีบุตรสาวราวเด็กน้อย เธอจะไม่ยอมให้เงินตรงหน้าสูญหายเด็ดขาด การรวมสองตระกูลครั้งนี้ก็เพื่อเหตุผลทางธุรกิจ