ดื่มไวน์ด้วยกันไหม 2
เมื่อมาถึงโรงแรมบุณณดาก็ให้ชายหนุ่มเป็นคนเข้าไปเช็กอิน ส่วนตัวเองก็นั่งตัวเล็กหลบมุมอยู่ที่ล็อบบี้ เพราะกลัวพนักงานเห็น แต่ถ้าจะให้เธอไปที่อื่นก็กลัวจะไม่ปลอดภัย หากผู้ชายคนนี้คือฆาตกรโรคจิต อย่างน้อยเธอก็ได้ตายในโรงแรมของตัวเอง
ร่างสูงเดินยิ้มกลับมาหาหญิงสาวพร้อมทั้งยื่นมือมาให้บุณณดาจับไว้อีกครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว คุณเดินไหวไหม หน้าคุณเเดงมาก” บุณณดาพยักหน้ารับ ไม่รู้ที่แดงนั้นเกิดจากความเมาหรืออายกันแน่ แต่ก็รีบวางมือลงบนมือหนาเดินเคียงข้างเข้าไปด้านในกับชายหนุ่ม ตรงไปลิฟต์เพื่อไปยังห้องที่เปิดไว้
ห้องสวีทรูมสุดหรูมีเตียงนอนขนาดคิงไซต์ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง บุณณดามองเตียงนั้นด้วยใจอันระทึก ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ รู้สึกมือไม้เย็นเฉียบแสดงอาการประหม่าออกมาอย่างชัดเจน ความคิดตีกันวุ่นวาย ว่าจะทำตัวเป็นผู้หญิงใจง่ายให้ผู้ชายที่เจอกันเพียงสองครั้งเชยชมจริงหรือ ครอบครัวรู้เข้าจะเสียใจไหม ทุกคนจะผิดหวังในตัวเธอหรือเปล่า
แต่อีกใจก็ร้องค้านว่าเขานั้นคือเนื้อคู่ที่รอคอยมานาน จะปล่อยเขาหลุดมือไปหรือไร อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วไหมยี่สิบห้าปีแล้วนะ สามารถตัดสินใจอะไรเพื่อตัวเองได้แล้ว อีกอย่างเธอกับเขาก็เจอกันถึงสองครั้งสองครา
ครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองคงเรียกว่าบุพเพสันนิวาส ที่พาเขาและเธอมาเจอกัน เพราะฉะนั้นยังต้องลังเลอะไร หากเสียตัวให้เขาตื่นเช้ามาก็รวบหัวรวบหางมัดมือชกเอาเขาทำสามีไปเลยจะยากอะไรนั่น
ส่วนชายหนุ่มที่ยังทำตัวตามสบาย เดินโอบเอวคอดของหญิงสาวที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดให้ไปนั่งลงที่โซฟา จากนั้นก็จัดการหยิบไวน์ที่ตัวเองถือติดมือมาเปิดและเทใส่ลงแก้ว เดินกลับเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งตัวตรงรออยู่
“ไวน์ครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ยื่นมือไปรับมาถือไว้ ชายหนุ่มจึงยื่นแก้วมาตรงหน้า แก้วไวน์สองแก้วชนกันเกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ ก่อนทั้งคู่จะยกขึ้นจิบ
“ผมไม่คิดเลยว่าคนสวยอย่างคุณจะไม่มีแฟน” อย่าว่าแต่เขาเลยที่ไม่เชื่อ เธอเองก็ยังไม่เชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะไม่มีแฟน พูดแล้วก็นึกโมโหให้โชคชะตา ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงรินให้ใหม่
“คนสวยโสดบ้างไม่ได้เหรอคะ อีกอย่างถ้าฉันมีแฟน คุณกับฉันก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ด้วยกัน” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพยักหน้ารับ วางแขนแกร่งไปตามพนักพิงของโซฟาคล้ายกับกำลังโอบกอดหญิงสาวทางอ้อม
“นั่นสินะ”
“แล้วคุณล่ะคะ ไม่รู้สึกผิดต่อแฟนตัวเองบ้างเหรอ ที่มานั่งกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตรงนี้”
“ไม่นี่ครับ” ไหวไหล่ตอบออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“ทำไมใจร้ายกับแฟนตัวเองจัง ฉันชักจะสงสารแฟนคุณขึ้นมาแล้วสิ”
“ทำไมคุณพูดเหมือนเราเคยเจอกันมาก่อน และยังรู้ด้วยว่าผมมีแฟนหรือไม่มีแฟน” นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มเอะใจอยู่บ้าง เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเอ่ยถามถึงเรื่องแฟนกับเขาถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน
“ใช่ค่ะ ฉันเคยเจอคุณมากับแฟน แต่คุณคงจำฉันไม่ได้ ช่างมันเถอะค่ะ อย่าไปสนใจเลย” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ พยายามคิดย้อนกลับไปว่าตนนั้นเคยเจอหญิงสาวมาก่อนหรือไม่ ทว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก หรืออาจจะเจอกันแบบผ่านๆ แล้วเขาไม่เห็นเธอแต่เธอเห็นเขาก็อาจจะเป็นไปได้
“แต่ตอนนี้ผมโสด ผมไม่มีใคร” ความดีใจกระแทกเข้าที่หัวใจของบุณณดาจนตั้งตัวแทบไม่ทัน มันอัดกระแทกเข้าหน้าอกจนเธอคับแน่น หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำตึกตักอย่างบ้าคลั่ง เรียวปากสวยแย้มรอยยิ้มดีใจ ที่ชายตรงหน้าเลิกรากับแฟนไปแล้ว ไม่คิดเลยหรือไรว่านั่นอาจจะเป็นเพียงลมปากตอนอยู่กับผู้หญิงอีกคน ทำให้เธอตายใจ
“นี่คือประโยคที่ใช้หลอกฟันสาวๆ หรือเปล่าคะ” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติถามกลับไป
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ในลำคอ มือที่วางพาดบนพนักโซฟา เลื่อนมาลูบผมยาวสลวยของหญิงสาวเล่น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าหล่อเหลา ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิด โน้มใบหน้าเข้าดวงหน้างาม
“ถ้าผมหลอก คุณเต็มใจให้ผมหลอกไหมครับ”
“การที่ผู้หญิงมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงและยังมานั่งอยู่ในโรงแรมแบบนี้ คุณคิดว่าเธอเต็มใจให้คุณหลอกไหมคะ แม้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเอาไวน์มาเป็นข้ออ้างก็ตามที” เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคออีกครั้ง มือที่ถือแก้วไวน์วางลงบนโต๊ะ นิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้นให้สบประสานสายตากันในระยะใกล้ ที่สามารถมองเห็นเงาสะท้อนในนัยน์ตาของกันและกัน
“นั่นสินะครับ ผมไม่น่าถาม เราจะอาบน้ำกันก่อนไหมหรือจะ...ขึ้นเตียงเลย” คนถูกถามลมหายใจสะดุดไป หัวใจที่ว่าเต้นแรงในตอนแรกยังแรงสู้ตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ มือที่จับแก้วไวน์กำเอาไว้แน่น นัยน์ตาฉายแววประหม่าและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
“ฉันขออาบน้ำก่อน”
“คนเดียว” เอ่ยถามออกมายิ้มๆ
“ค่ะ หรือว่าคุณอยากจะ...”
“ผมแล้วแต่คุณ”
“งั้นฉันอาบคนเดียว”
“เชิญครับ”
บุณณดาลุกขึ้นยืนและเดินไปยังห้องน้ำ โดยมีชายหนุ่มนั่งมองไปด้วยรอยยิ้ม หยิบแก้วไวน์ที่วางไว้ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ไม่คิดเลยว่าวันนี้ตัวเองจะได้เนื้อที่ถูกใจ และยังรู้สึกแปลกใหม่ไม่เหมือนที่เคยเจอเสียด้วยซ้ำ
บุณณดาใช้เวลาในการอาบน้ำร่วมครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ถึงได้ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมห่มกาย กลิ่นหอมของสบู่อาบน้ำ ลอยเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงทอดมองวิวทิวทัศน์เมืองหลวงในยามค่ำคืน หันกลับมามองด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเดินเข้ามาหาหญิงสาว
พินิจใบหน้างามที่ปราศจากเครื่องสำอางด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ แต่งหน้าว่าสวยพอไร้เครื่องสำอางก็ยิ่งดูน่ารัก ใบหน้าขาวใสไม่มีร่องรอยกวนสายตา ริมฝีปากก็อมชมพู ยื่นมือขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่หลุดร่วงคลอเคลียใบหน้าออกให้
“คุณสวยมาก สวยจนผมแทบอดใจไม่ไหว ไม่อยากอาบน้ำเลยด้วยซ้ำไป” คนถูกชมยิ้มเอียงอาย
ใช่! เธอกำลังเขินอายให้กับคำพูดป้อยอปากหวานของชายแปลกหน้า ที่กำลังจะมีความสัมพันธ์มากไปกว่าคำว่าแปลกหน้า
เธอกำลังแพ้ให้ความอบอุ่นที่เขาสรรค์สร้าง เธอแพ้ให้กับรอยยิ้มละลายใจ เธอแพ้ให้กับสายตาแพรวพราวของเขา เธอแพ้ให้กับใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกซีรีส์
เขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเธอเริ่มมึน สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ เธอยิ่งอ่อนไหวไปกับเขา หากจะว่าเธอใจง่ายหรือแรดก็คงต้องตามนั้นไป เพราะตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอใจง่ายจริงๆ
“อาบก่อนดีกว่าค่ะ” ขอเวลาให้เธอได้มีโอกาสทำใจอีกสักหน่อย ยื้อเวลาไปอีกสักนิด ได้มีโอกาสให้สมองได้ไตร่ตรองหาเหตุผลอีกสักหน่อย
“อย่าหนีผมไปไหน แววตาคุณกำลังสับสนว่าจะไปต่อหรือหนีกลับดี” บุณณดาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นจากเดิม และอาการของคนตรงหน้าก็ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวกับความน่ารักนั้น ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนใสไปหนึ่งฟอด
“รอผมไม่นาน ผมจะรีบอาบน้ำ” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินไปยังห้องน้ำด้วยความเร็ว ด้วยกลัวว่าหญิงสาวเนื้อหอมที่ยืนอ้าปากค้างอยู่นั้นจะหนีหายจากไปเสียก่อน ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงเสียใจและเสียดายไปอีกนาน
ส่วนคนถูกหอมแก้มก็ยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองไว้ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่กระจายอยู่ทั่วไปหน้า หัวใจก็ยิ่งเต้นระส่ำ รีบเดินมานั่งที่โซฟา เทไวน์ใส่แก้วและยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด อย่างน้อยๆ ก็หวังให้อาการมึนเมาช่วยทำให้เธอไม่กลัวได้
ในเมื่อเจอคนที่ใช่ แล้วเหตุไฉนเธอต้องหนี คนที่ตามหา คนที่หัวใจร่ำร้องอยากจะเจออยู่ตรงหน้า เธอจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร เมื่อเขาบอกว่าไม่มีใคร เธอก็ไม่ต้องกลัวบาปกรรมหรือทำผิดศีลธรรม
สู้โว้ย ไอ้ต้อง