ตอนที่ 8 | ให้เหมือนบังเอิญเจอกัน
ผับ XR
“แกมันสุดจริง ๆ ตามติดเป็นเงาไม่พอ ยังตามสืบเรื่องส่วนตัวเขาจนรู้ไปซะหมดอีก” ขณะนั่งดื่มซิว ๆ หน้าเคาน์เตอร์บาร์ น้ำหวานพูดขึ้นอย่างรู้สึกทึ่งในความพยายามของเพื่อนสาว ที่ตามสืบจนรู้ว่าหมอหนุ่มนัดกับเพื่อนที่ผับไหน
“นี่แกหลอกด่าฉันปะเนี่ย”
“ด่าเด่ออะไรแก”
เยว่ซินถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกยะ! ฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนแย่งพี่หมอไปจากฉัน พี่หมอต้องเป็นของฉันคนเดียว”
“พูดเหมือนนางร้ายในละครเลยนะคะคุณเพื่อน”
เยว่ซินยักคิ้วพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับคำพูดของเพื่อนสาว พร้อมทั้งกระดกดื่มเครื่องดื่มค็อกเทลจนหมดแก้ว แล้วส่งแก้วเปล่ากลับไปให้บาร์เทนเดอร์หนุ่ม
“เครื่องดื่มตัวใหม่ครับ ไม่แรงมาก กลาง ๆ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังพอดี สำหรับผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างพี่สาวทั้งสองครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดจาหวานเอาใจลูกค้าสาว พลางเลื่อนแก้วค็อกเทลที่เพิ่งคิดสูตรขึ้นมาใหม่ไปตรงหน้าหญิงสาวทั้งสอง
“ขอบใจค่ะ สุดหล่อ” น้ำหวานขยิบตาให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มอย่างทะเล้น ส่วนเยว่ซินเพียงยิ้มรับเท่านั้น เธอจิบเครื่องดื่มค็อกเทลไปพลาง ๆ สายตาซุกซนกรวดมองไปตามประสา
“ไปกันแก” เยว่ซินผุดตัวลุกขึ้นพลางจับข้อมือน้ำหวานที่กำลังพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มอย่างถูกคอให้ลุกขึ้นตาม เมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงสาวสวยเข้ามานั่งข้างกายธามไท ซึ่งกำลังนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนบนชั้นสองวีไอพี โต๊ะติดกับระเบียง เพื่อนแต่ละคนต่างก็มีสาวสวยนั่งเคียงข้าง
“เนียน ๆ นะแก ทำหน้าให้เหมือนบังเอิญเจอกันจริง ๆ”
“วางใจเถอะค่ะคุณเพื่อน” น้ำหวานเชิดหน้าพลางเลิกคิ้วขึ้นแสดงความมั่นใจ จากนั้นเธอทั้งสองจึงขึ้นไปชั้นสอง โซนวีไอพี
“เอ้า! พี่หมอ” ธามไทและทุกคนต่างหยุดค้างเรื่องที่กำลังสนทนา หันมองไปตามเสียงที่คุ้นเคย
หญิงสาวผมสั้นรูปร่างอวบอั๋นแต่งกายด้วยชุดเดรสสั้นแขนยาวรัดรูปสีแดง ใบหน้ากลมแป้นแต่งเติมเครื่องสำอางไม่จัดมาก ดูรวม ๆ แล้วน่ารักไม่น้อย เธอยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเพื่อนของเธอ พลันทำให้หมอหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากเจอ
“บังเอิญจังเลยนะคะ” เยว่ซินส่งยิ้มหวานให้ธามไท แต่เจ้าของใบหน้าเย็นชากลับเบนหน้าหนี ไม่อยากสนใจ ริมฝีปากอวบอิ่มหุบเป็นเส้นตรงเล็กน้อย แต่ยังเห็นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ เธอปราดตามองไปที่หญิงสาวร่างเพรียวนมโตข้างกายคู่หมั้นหนุ่มแวบหนึ่งอย่างไม่ชอบใจ ที่มานั่งกับผู้ชายของเธอ
“น้องเยว่ซินใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มใบหน้าหล่อ ตาตี๋ มีนามว่าธาดาเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ ทำให้เยว่ซินต้องละสายตาออกจากหญิงสาวร่างเพรียวหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มหล่อ
“ค่ะ สวัสดีทุกคนนะคะ ถ้าซินกับเพื่อนจะขอนั่งด้วยได้ไหมคะ พอดีโต๊ะที่จองไว้ถูกแย่งไปน่ะค่ะ” เยว่ซินตีสีหน้าน่าสงสารโป้ปดออกไป เพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง
“เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณคนสวยคะ” เยว่ซินสะกิดหญิงสาวร่างเพรียวข้างกายธามไท
“คะ?”
“ฉันขอนั่งกับคู่หมั้นฉันได้ไหมคะ?”
หญิงสาวร่างเพรียวปราดตามองหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ ก่อนจะยอมลุกขึ้นแต่โดยดี แต่คนที่ถูกมองอย่างไม่ให้เกียรติอย่างเยว่ซินก็เลือกปล่อยผ่าน
เยว่ซินขยิบตาให้น้ำหวานอย่างรู้กัน แล้วหย่อนสะโพกนั่งแทนที่หญิงสาวร่างเพรียวทันที โดยไม่สนใจว่าคู่หมั้นหนุ่มจะเต็มใจหรือไม่
“วันนี้ไม่ได้เจอกันเลยนะคะพี่หมอ คิดถึงซินไหมเอ่ย?”
ธามไทไม่ตอบเพียงแต่พ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก มือหนายกแก้วเหล้าราคาแพงในมือขึ้นดื่ม ทำเอาคนถามเกิดความประหม่าอยู่ไม่น้อย เมื่อถูกคู่หมั้นหนุ่มเมินเฉยต่อหน้าคนอื่น
“มาเที่ยวกันสองคนเหรอครับ?” ดนัยที่เห็นว่าธามไทไม่ยอมตอบคำถามของคู่หมั้นตัวเอง จึงถามขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศภายในโต๊ะอึมครึม
“ค่ะ”
“งั้นพี่ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน พี่ดนัยนะครับเพื่อนไอ้หมอสมัยเรียนมัธยม ไม่รู้ว่าเราจำได้หรือเปล่า”
“อ๋อค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย หล่อขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ”
“ขอบคุณครับ น้องเยว่ซินเองก็น่ารักมาก ๆ เลยนะครับ”
“เหรอคะ?”
“ครับ”
“อยากให้พี่หมอชมซิน เหมือนที่พี่ดนัยชมจัง” เยว่ซินเอียงศีรษะมองธามไทที่เอาแต่นั่งดื่มไม่พูดไม่จา แต่ถึงกระนั้นคนถูกเอ่ยถึงก็ทำหูทวนลม
“เฮียพูดอะไรบางดิวะ นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ได้”
ธามไทเพียงเหล่ตามองเจ้าของประโยคอย่างธาดาด้วยความรำคาญ โดยไม่ได้พูดอะไร
“พูดขนาดนี้แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอีก” ธาดาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ก่อนจะแนะนำตัวเองในเวลาต่อมา “ผมธาดานะครับ รุ่นน้องเฮียหมอ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คนนี้เพื่อนซินเองค่ะ ชื่อน้ำหวาน”
“หน้าตาหวานสมชื่อเลยนะครับ” ธาดาจ้องมองหญิงสาวตาเป็นมัน น้ำหวานเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ ส่งให้ชายหนุ่มตามมารยาทเท่านั้น ใจจริงอยากเบือนหน้าหนี เธอไม่ชอบสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะคำพูดพวกนั้น วาจาหวาน ๆ ของพวกผู้ชายเจ้าชู้เนี่ยแหละอันตราย เปรียบเหมือนแอปเปิลอาบยาพิษ ที่ดูหวานฉ่ำน่ารับประทาน แต่ภายในกลับแฝงไปด้วยพิษร้ายแรง
“มาทุกคน ชนแก้วกันหน่อยครับ” ธาดาเชิญชวนพลางชูแก้วเหล้าราคาแพงขึ้น ทุกคนในโต๊ะต่างยกแก้วในมือตัวเองขึ้น ยกเว้นซะแต่ธามไท และ สาวสวยนั่งดริ้งที่มีหน้าที่เพียงแค่บริการลูกค้าวีไอพีเท่านั้น
“เฮียเร็วดิ”
“กูขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ธามไทวางแก้วเปล่าในมือบนโต๊ะกระจกอย่างปฏิเสธคำชวนจากรุ่นน้อง แล้วหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนาทั้งสองข้างล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงสีดำท่าทางมาดขรึม
“เฮ้ยเฮีย! นั่งลง ๆ จะรีบกลับไปไหนวะ”
“ไว้เจอกัน” ธามไทพูดสั้น ๆ ขณะเดียวกันเยว่ซินก็ผุดตัวลุกขึ้น เธอรู้ดีว่าคู่หมั้นหนุ่มรีบกลับเพราะอะไร
“งั้นซินกับหวานขอติดรถกลับด้วยค่ะ ยังไงคอนโดหวานก็ทางผ่านคอนโดพี่หมออยู่แล้ว”
“มายังไงก็กลับอย่างนั้น”
“อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยไอ้หมอ”
ธามไทถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะสาวเท้าเดินผ่านเยว่ซินโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไรอีก
ปึก!ทว่าเดินพ้นโต๊ะได้ไม่กี่ก้าว ร่างหนาชนเข้ากับใครบางคน
ธามไทโค้งศีรษะแทนคำขอโทษ แล้วตั้งท่าจะเดินไปแต่…
“ตาบอดหรือไงวะ!”
ธามไทยังเงียบไม่ตอบโต้ชายหนุ่มที่จ้องมองตาขวางอย่างเอาเรื่อง แต่ก็เลือกเลี่ยงปัญหาไม่ใส่ใจ ทว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวยังตามมาขวางอย่างต้องการมีเรื่องกันให้ได้ “เฮ้ย! จะไม่ขอโทษกันหน่อยเหรอวะ”
“พี่หมอ” เยว่ซินเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาธามไทพร้อมกับน้ำหวาน แต่ชายหนุ่มทรงแบดบอยอีกคนที่ยืนอยู่ หน้าตาหล่อเหลาราวกับอปป้าเกาหลี ช่างคุ้นตาเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน
เยว่ซินและชายหนุ่มคนดังกล่าวสบตากันราวกับต่างฝ่ายต่างกำลังทบทวนความจำบางอย่าง พลันทำให้เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหยุดชะงักไปชั่วขณะ แต่เมื่อทั้งคู่คิดอะไรออก…