ตอนที่ 3 | ทานอาหารร่วมกัน
@ห้องอาหาร
“แววไปตามตาธามมาทีสิ ทำไมยังไม่รีบเข้ามาสักที” ไพรินเอ่ยสั่งกับสาวใช้ เพราะเห็นว่าลูกชายหายไปนานตั้งแต่อยู่ในห้องรับแขก กระทั่งทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องอาหาร แต่ยังขาดลูกชายคนเดียว
“หนูไปตามให้เองค่ะ” เยว่ซินยกมือขึ้นเสนอตัว ทว่าไม่ทันได้ลุกออกจากเก้าอี้ ร่างสูงก็เดินเข้ามาพอดิบพอดีราวกับมีญาณทิพย์
“ไม่ต้องไปตามแล้วล่ะ ตาธามไทมาแล้ว” ดาวิกาแม่ของเยว่ซินกล่าวบอก ทุกคนต่างเบนสายตามองไปที่ธามไท
ธามไทเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งข้างผู้เป็นแม่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับเยว่ซิน
“ทำไมถึงมาช้าตาธาม” วิทสุทธิ์ถามถึงเหตุผล ขณะเดียวกันสาวใช้ตักข้าวใส่จานให้เจ้านายอย่างรู้หน้าที่
“ขอโทษครับ” ธามไทตอบเพียงสั้น ๆ โดยไม่เอ่ยถึงเหตุผล ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรำคาญ เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างไม่คาดสายตา ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องอาหาร ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา
“พี่ธามหล่อดูดีไม่เปลี่ยนเหมือนคุณน้ากับคุณอาเลยนะคะ” คำป้อยอเอาใจของเยว่ซิน พลอยทำให้วิทสุทธิ์และไพรินยิ่งเอ็นดู ต่างจากธามไทที่ไม่ชอบการประจบประแจงของเยว่ซินเอาซะเลย
“ปากหวานนะเรา” ไพรินเอ่ย เยว่ซินฉีกยิ้มกว้างสดใสแล้วหันไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อที่ทานข้าวอยู่เงียบ ๆ
“ตักปลาให้น้องหน่อยสิตาธาม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้า หนูไม่อยากให้พี่ธามลำบาก”
“แค่นี้ไม่ลำบากหรอกจ้ะ อีกหน่อยหมั้นกันไปก็ต้องดูแลกันอยู่แล้ว”
ธามไทเคี้ยวอาหารในปากช้าลงทันที เมื่อผู้เป็นแม่เอ่ยถึงเรื่องหมั้นหมาย เขาวางช้อนและส้อมบนจานข้าวแล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อิ่มแล้วเหรอ ทานไปนิดเดียวเองนะ”
“ครับ”
ธามไทหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงยกมือไหว้ลาแขกผู้ใหญ่ ก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องอาหาร เยว่ซินที่เห็นอย่างนั้นเธอก็วางช้อนและส้อมบนจานข้าวเช่นเดียวกันแล้วเอ่ยขอตัว...
“ซินอิ่มแล้วเหมือนกันค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” จบประโยคเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเดินตามร่างสูงออกไป ดาวิกาหวังรั้งลูกสาวเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน
….
เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของหมอหนุ่มเดินออกจากบ้านแวบ ๆ เธอจึงสปีดตัววิ่งทั้งที่ใส่ส้นสูงถึงห้านิ้วตามออกไปอ้าแขนขวางหน้าคนตัวสูงเอาไว้ “เดี๋ยวค่ะ”
“หลีกไป”
“แล้วจะไปไหนคะ?” พูดปนเสียงหอบเหนื่อย ด้วยไขมันในตัวที่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งเธอยังไม่ชอบออกกำลังกาย วิ่งนิดเดียวก็รู้สึกเหนื่อย
“จิ๊!” ธามไทส่งเสียงในปากอย่างรำคาญ ก่อนจะสาวเท้าเดินเบี่ยงไปด้านข้าง ทว่าเด็กอ้วนก็ยังเดินมาขวางไว้อย่างไม่ยอมให้เขาเดินผ่านไปง่าย ๆ
“บอกให้หลีกไปไง”
“งั้นก็ตอบมาก่อนว่าไปไหน?”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานเธอ”
“จำเป็นสิ พี่เป็นคู่หมั้นซิน ซินมีสิทธิ์ที่จะรู้ แล้วอย่าคิดว่าจะหนีซินไปไหนอีกนะ เพราะคราวนี้ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่” เธอยักคิ้วขึ้นสองสามทีอย่างท้าทาย แววตาคู่สวยฉายถึงความแน่วแน่อย่างที่ปากพูดชัดเจน ยิ่งสร้างอารมณ์หงุดหงิดให้แก่หมอหนุ่มอีกเท่าตัว
เขาเกลียดความหน้าด้านของเธอที่สุด
“แล้วแต่เธอ”
พรั่ก!
“อ๊ะ!” เยว่ซินเซถลาไปด้านข้างเกือบล้มพลางเปล่งเสียงด้วยความตกใจ เมื่อถูกคนตัวสูงกว่าผลักไส ถึงไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้เธอเสียหลักได้เหมือนกัน เพราะเรี่ยวแรงเขาที่ค่อนข้างมากกว่า
บรืนนนนน!!
ไม่ทันได้เดินตามไปเอาเรื่อง ทว่ารถปอร์เช่คันหรูสีดำขับออกไปอย่างรวดเร็วซะก่อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เธอถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วยกโทรศัพท์เครื่องหรูในมือขึ้นมากดจิ้มรายชื่อบนหน้าจอสี่เหลี่ยม เพื่อต่อสายหาใครบางคน
@ผับ V
เยว่ซินเดินทอดน่องเข้ามาในผับตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ แต่กว่าจะถึงก็เดินเบียดเสียดผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งชายและหญิงที่ต่างกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะดนตรีแดนซ์อยู่กลางผับ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ส่งผลให้หัวใจเต้นโครมครามตามไปด้วย อีกทั้งแสงสีภายในผับยังทำให้ตาลาย จนบางครั้งต้องยกมือขึ้นบังแสง
“โทษนะแกที่มาช้า” ขึ้นนั่งบนเก้าอี้บาร์ที่ค่อนข้างสูงพอสมควร แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นการสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเนอร์สุดหล่อ
“ฉันเองก็เพิ่งมาถึงก่อนแกแป๊บเดียวเองแหละ แล้วเป็นไงไปทานข้าวกับคุณคู่หมั้นสุดหล่อของแก” น้ำหวานถามพลางเลื่อนแก้วไวน์ให้กับบาร์เทนเนอร์เติมเครื่องดื่ม
“ก็โอเค แต่พี่ธามนะแก หล่อม๊าก~” ครั้นพูดขึ้นความหล่อของคู่หมั้นหนุ่ม ตาก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด
“แหม~ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูเลยนะยะ”
“ก็มีความสุขหนิ ถึงแม้ว่าพี่เขาจะเย็นชากับฉันเหมือนเดิมก็ตาม”
“ฉันนับถือความอดทนของแกจริง ๆ เลยยัยหมูยิ้ม เป็นฉันนะ หาผู้ใหม่ไปนานแล้ว”
“นั่นสิเนอะ แต่ทำไงได้ล่ะ คนมันรักไปแล้วหนิ แล้วฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจด้วย ถึงพี่ธามจะดูไม่ชอบฉันก็เถอะ ตอนเด็ก ๆ นะ เมื่อไหร่ที่ฉันถูกแกล้ง พี่ธามก็มักเข้ามาช่วยเหลือฉันทุกครั้ง” มีความสุขทุกครั้ง ที่นึกถึงเรื่องราวที่น่าประทับใจ
น้ำหวานรับฟังจบก็เพียงพยักหน้าหงึก ๆ อย่างน้อยผู้ชายคนนั้น ก็สร้างความทรงจำดี ๆ ให้กับเพื่อนของเธอ
“มาชน” เยว่ซินยื่นแก้วไปหาน้ำหวานเพื่อชนแก้วกัน ทั้งสองนั่งดื่มซิว ๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ก็พากันไปเต้นกลางผับ
#อีกด้าน
“ทำใจเถอะไอ้ธามยังไงมึงก็ต้องหมั้นอยู่ดี” ภายในห้อง วีไอพี ชาญเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายของธามไทกล่าวขึ้น หลังจากกระดกดื่มเหล้าราคาแพง ซึ่งชาญเป็นหมอแผนกอายุรกรรมในโรงพยาบาลที่ธามไทเป็นเจ้าของ และ เพื่อนอีกคน ดนัย หมอแผนกกุมารเวชกรรม ใจดี รักเด็ก
“ตอนนี้น้องเยว่ซินออกจะน่ารัก ถึงดูตัวจะใหญ๋ไปนิดก็เถอะ แต่ก็น่ารักดูดีกว่าเมื่อก่อน จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะ ที่รักเดียวใจเดียวเหมือนน้องเขา”
“งั้นเฮียก็หมั้นแทนเฮียธามไปเลยดิ”
“น้องมันชอบไอ้ธามไม่ได้ชอบกูโว้ย!”
“งั้นก็แปลว่า ถ้าคู่หมั้นเฮียธามชอบเฮีย ก็เอาใช่ปะ?” ธาดาหมอรุ่นน้องของธามไท เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันที่สหรัฐอเมริกา เลิกคิ้วขึ้นถามพลางเหยียดยิ้มมุมปากอย่างทีเล่นทีจริง
“ไม่ใช่สเปคกูว่ะ”
“นั่นไง ใครมันจะไปอยากอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รักไปทั้งชีวิตวะ”
ธามไทนั่งจิบเหล้าในมือฟังบทสนทนาของเพื่อนเงียบ ๆ ก่อนที่จะถูกถาม…
“ถามจริงนะไอ้ธามมึงไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอวะ น้องเยว่ซินตามติดตามตื๊อมึงมาตั้งแต่เด็ก ๆ”
“ไม่” ธามไทตอบสั้น ๆ ทันทีอย่างไม่ลังเล เพราะคำตอบและความรู้สึกเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ถ้าไม่อยากหมั้น มึงก็หาเมียไปให้พ่อแม่มึงเลยสิวะ” ชาญว่าอย่างขำ ๆ
“เรื่องนั้นน่าจะยากกว่าว่ะ มึงก็รู้ดีมันเกลียดคนโกหก อีกอย่างกูไม่เคยเห็นมันสนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน นอกจาก…”
“อมไว้ จะได้ไม่พูดมาก” ดนัยพูดไม่ทันจบกลับถูกชาญยัดน้ำแข็งก้อนใส่ปาก เป็นการปิดปากทำให้ดนัยฉุกคิดได้ทันที ว่าไม่ควรพูดออกไป ทั้งสามต่างหันไปมองธามไทที่เอาแต่นั่งเงียบ เพื่อดูปฏิกิริยา แต่เจ้าของใบหน้าหล่อกลับไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย