**บทที่ 6**
“อะไรครับแม่ ปลุกมาแต่เช้า” เรสโวยวาย เมื่อถูกผู้เป็นมารดาปลุกให้ตื่นจากที่นอน เขานอนไปไม่กี่ชั่วโมง
“ตื่นได้แล้ว มากินข้าวเร็วเข้า แม่ทำกับข้าวของโปรดลูกๆ ไว้เยอะเลย”
“แม่ครับ ผมไม่หิว ได้กลับมานอนบ้านทั้งทีอยากตื่นสายๆ บ้าง” เรสโอดครวญอยู่ในใจ ชีวิตที่บ้านก็เป็นเช่นนี้ ตื่นเช้า ทั้งที่ไม่มีอะไรทำ ตื่นขึ้นมากินข้าวแล้วกลับไปนอนต่อ ตื่นแล้วใครมันจะนอนหลับครับว่าไหม แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ จำต้องเดินโง่ๆ เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน เดินลงไปด้านล่างที่ มีพ่อกับพี่สาวนั่งทานข้าวรออยู่ก่อนแล้ว
“ตื่นสายนะคะ คุณชายเรส”
ดูเอาเถอะครับพี่สาวผม ชอบพูดจาประชดผมเป็นประจำ ชื่อของยัยพี่สาวตัวแสบนี้คือ กรีน ชื่อโหลใช่ไหม ผมก็ว่างั้น แต่ยอมรับว่าพี่สาวเป็นคนสวย สวยยันเล็บขบเชื่อดิ แต่เห็นสวยๆ แบบนี้ ไว้ใจไม่ได้เลย ปากนี้สุดยอด เมื่อกี้ที่พูดกับผมคืออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่จะมีความเกรงใจ ถ้าอยู่กันลำพังเมื่อไหร่ เจ้แกจะปล่อยหมาออกจากปากมาวิ่งเล่นกับผมทันที แต่ผมชินแล้ว และผมก็รักพี่สาวมาก เหมือนที่พี่สาวก็รักผมมากเช่นกัน
“ขอโทษครับคุณกรีน ที่ให้รอนาน”
“แกสองคนเลิกพูด มากินข้าว”
นี่ก็พ่อผม หน้านิ่ง แต่ใจดี ถ้าใครไม่รู้จัก จะหาว่าพ่อหน้าโหด แต่เชื่อเถอะ พ่อสามารถอยู่ในโหมดคิตตี้ได้ ที่บ้านของผมเลี้ยงลูกไม่มีกรอบใครชอบอะไรก็ทำ ขอแค่ลูกเป็นคนดี และตัวเองมีความสุขก็พอ ครอบครัวผมอบอุ่นที่สุด ถึงแม้ผมจะไม่ได้กลับมานอนที่บ้านบ่อยนักแต่ก็หาเวลามา เดือนละสองสามครั้ง ให้พ่อกับแม่หายคิดถึง
เมื่อผมทานข้าวเสร็จ จึงเดินขึ้นห้อง ร่างกายต้องการพักผ่อน ท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ดูแล้วเหมือนแผนที่วางเอาไว้จะล้ม
“ว่าไงไอ้แดงน้องรัก วันนี้ไม่ไปไหนหรอ”
เห็นไหมครับ พี่ผมเริ่มปล่อยหมาออกมาเดินเล่นแล้ว “ไม่ไป จะนอน”
“ตีหรี่ดึกหรือไงถึงไม่หลับไม่นอน ระวังเป็นเอดส์ตายก่อนนะ”
“โห้เจ๊เขียว ทุกวันนี้เขามีถุงยาง ไม่ใช่ยุคเจ้าพ่อเหา ไปอยู่ที่ไหนมา หรือเข้าเลขสามแล้วยังซิงอยู่”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูซิง ไอ้แดง”
ผมรู้สึกเจ็บแสบกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก เหมือนชื่อหมาที่ยายผมเคยเลี้ยงเลย ผมจ้องหน้าพี่สาวแล้วถอนหายใจอย่างรำคาญ เมื่อไหร่มันจะออกจากห้องผมไปสักที กูจะนอน!!
“จะยังไงก็ช่างมึงเถอะอิเจ้ ถอยไป กระผมจะนอน ปิดประตูให้ด้วยนะ” ผมไม่สนใจว่าพี่สาวจะพูดอะไรต่อ ล้มตัวลงนอน พร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมโปง ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงปิดประตู ผมจึงค่อยๆ หลับตาลง
“เป็นไงแก ห้องใหม่โอเคไหม”
“ก็โอเค ดีกว่าห้องเก่า” คริสมองไปรอบบริเวณห้องใหม่ที่พึ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไป คอนโดใจกลางเมืองกรุง ห้องชั้นบนสุดชั้นนี้มีเพียงสองห้อง กว่าจะได้ห้องนี้มาเลือดตาแทบกระเด็น ต้องแย่งชิงกับหลายคน ดีหน่อยว่าใบบัวรู้จักกับเจ้าของคนเก่า ทุกอย่างเลยง่ายขึ้น ห้องนี้ไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มมาก เจ้าของเดิมซื้อห้องทิ้งเอาไว้ นานๆ จะมาอยู่ที แค่ต่อเติมอะไรนิดหน่อยก็โอเคแล้ว
“กว้างโคตรๆ อ่ะ”
“ฝันแล้วบัวละ ยังไม่เห็นมาเลย”
“มันมาไม่ได้ ดูร้าน ฉันลืมบอกแก เอาไว้ห้องแกแต่งเสร็จมันจะมาดื่มที่ห้องแกครั้งเดียวเลยมันฝากบอกมา”
คริสกำลังทำความสะอาดห้องใหม่อีกครั้ง ของเริ่มทยอยเอาเข้าห้องมาแล้ว 70% เหลือแค่เฟอร์นิเจอร์อีกไม่มาก ภายในอาทิตย์นี้ก็สามารถเข้ามาอยู่ได้ ของทุกอย่างเริ่มถูกจัดวางเข้าที่ ทอฝันขันอาสามาช่วยจัดของในวันนี้
“นี่แก แล้วตรงนี้ละ”
ทอฝันตะโกนมาจากระเบียงห้อง คริสจึงเดินออกไป ระเบียบยาวใหญ่กว้างจนสามารถจอดรถยนต์ได้ถึงสามคัน นี้เป็นสาเหตุที่เลือกห้องนี้เพราะระเบียบของที่นี่ เพราะชอบปลูกต้นไม้ ตรงหนี้จะจัดสวนย่อมเล็กๆ คงดีไม่น้อย พึ่งสังเกตว่าเราสามารถมองเห็นระเบียงห้องข้างๆ ได้ด้วย แต่ดูเหมือนระเบียบห้องข้างๆ จะว่างเปล่าไม่มีอะไร สงสัยอาจจะไม่มีคนพัก
“ห้องใหญ่ขนาดนี้เป็นฉันคงกลัวอ่ะ มีตั้งสามห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องครัวก็อลังการงานสร้างมาก มิน่าแพงหูฉี่”
“เลิกบ่นได้แล้วจ้ะ แค่นี้เองขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอก เพราะฉันโกนจนเกลี้ยงแล้วไงฮ่าา”
“จ้าๆ แม่คนรวย ไม่หวงเงินแล้วเหรอจ๊ะ”
จะว่าไปแต่ก่อนฉันเป็นคนที่หวงเงินมาก หรือจะเรียกว่าขี้เหนียวก็ว่าได้ จะทำไงได้ใครใช้ให้ฉันเกิดมาจน พอมีเงินหน่อยก็ยังติดนิสัยประหยัดกินประหยัดใช้กลัวตัวเองกลับไปยืนอยู่จุดเดิม
ยิ่งตอนมีแฟนฉันยิ่งต้องประหยัด ทั้งที่ฉันเริ่มมีเงินเข้ามามากมาย แต่ก็ยังใช้ชีวิตไม่ต่างกับตอนแรก อยู่ๆ ก็อยากได้รางวัลให้กับตัวเองขึ้นมาซะงั้น ห้องเก่ามันเต็มไปด้วยความทรงจำเก่าๆ ของฉันและแฟนเก่า เลยตัดสินใจหาที่อยู่ใหม่
“พักก่อน ไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไร ใกล้จะเสร็จแล้ว”
คริสมองทอฝันที่กำลังเขม้นขะมักจัดกระถางต้นไม้น้อยใหญ่อย่างสนใจ เธอก็ชอบต้นไม้เหมือนกับฉัน เราสองคนจัดของอยู่หลายชั่วโมงจนแล้วเสร็จ
“เอ่อ คริส ฉันได้รับการ์ดเชิญงานแต่งแฟนเก่าแกอ่ะ”
“อืมแล้ว...” ฉันที่ก้มหน้ากดเลื่อนโทรศัพท์เล่น ไม่ได้สนใจมากนัก ถามว่ารู้สึกไหม มันก็มีบ้างแต่มันเป็นความรู้สึกเจ็บลึกๆ ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แค่ได้ยินเรื่องของเขา น้ำตาก็ไหลออกมา แต่ตอนนี้ฉันเริ่มชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียว เริ่มยอมรับความจริงได้มากแล้ว
“แกโอเคไหม ขอโทษที่พูดเรื่องนี้ วันที่เขาเอาการ์ดเชิญมาให้ เขาบอกให้ชวนแกไปด้วย” ทอฝันพูดเสียงเบาในท้ายประโยค
“แปลกนะ ทั้งที่เป็นคนอื่นไปแล้ว ยังอยากชวนฉันไปงานแต่งอีก ใครมันจะไปวะ” ฉันพูดออกมาพร้อมหัวเราะในลำคอ นึกสมเพชตัวเอง แล้วจะทำอะไรได้ กว่าจะผ่านมันมาได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ