บท
ตั้งค่า

Chapter 7 : รู้สึก

สนามบินสุวรรณภูมิ

เครื่องบินที่ทั้งคู่โดยสารมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ นลินนิภาเดินลงก่อน หมอตั้มเดินตามหลัง สองคนเดินมารับกระเป๋าที่อยู่ใกล้กัน เมื่อรับกระเป๋าเสร็จหมอตั้มก็เดินออกจากสนามบินโดยไม่ได้สนใจว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่อย่างใด

“พี่ตั้ม ไม่คิดจะชวนฟ้าไปด้วยเลยเหรอคะ?”

นลินนิภาที่สาวเท้าก้าวตามหมอตั้มมาติด ๆ เอ่ยถามขึ้น ชายหนุ่มหยุดกึกหันมามองดวงหน้าสวย เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

“พี่คิดว่าน้องฟ้าคงมีแพลนอยู่แล้วน่ะค่ะเลยไม่คิดที่จะไถ่ถามอะไร”

“ค่ะ..งั้นเชิญพี่ตั้มเลยนะคะ”

หญิงสาวมองค้อนหมอตั้ม เธอรู้สึก ถึงความเปลี่ยนไปของหมอตั้มอย่างเห็นได้ชัด

“ชิ!! เพียงแค่จะแต่งงานกับเราเนี่ยนะ ถึงกับเย็นชาใส่เลยเหรอ? คนบ้า!!..”

นลินนิภาตะโกนไล่หลังรถแท็กซี่ที่หมอตั้มนั่งอยู่เคลื่อนตัวออกไป

“ดึกดื่นป่านนี้แล้วด้วยไม่คิดจะช่วยหาโรงแรมให้บ้างเลย..โทรหามาเอมีก็ได้..ชิ!!”

ร่างบางกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่น ที่พูดภาษาไทยได้ชัดเจน แม้สำเนียงจะไม่ชัดถ้อยชัดคำ  แต่ก็สื่อสารได้ดีทีเดียว

RRR RRRR RRR

“ว่าไงจ๊ะ..เพื่อนสาว?”

ปลายสายทักมาเสียงใสเป็นภาษาญี่ปุ่น

“ฉันอยู่สนามบินในตอนนี้ เธอกับหมอคุโมริอยู่ที่ไหนกันเหรอจ๊ะ?”

“ว้าว!! ดีใจที่สุดเลยจะได้เจอโซระซังแล้ว..ฉันอยู่ที่โรงแรมในตัวเมืองหลวงเลยจ๊ะที่นี่เป็นทั้งห้างสรรพสินค้าโรงแรม และแหล่งช้อปปิ้งเดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นไปให้นะจ๊ะ”

มาเอมีส่งโลเคชั่นมาให้ นลินนิภา หญิงสาวโบกแท็กซี่ไปตามแผนที่

...

โรงแรมหรู

'ก็อกๆๆ'

มือเรียวเคาะประตูห้อง 705 ซึ่งอยู่ชั้น 7

‘แกร๊ก!!’ เสียงประตูเปิดออก

“เฮ้!!!!..พี่ชายดูสิว่าใครมา โซระซัง!! คิดถึงที่สุดเลย”

มาเอมีโผเข้ากอดนลินนิภาอย่างแรงด้วยความคิดถึง

“เข้ามาข้างในก่อนสิ”

คุโมริจิตแพทย์หนุ่มพี่ชายของมาเอมี หน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวขาว ผมดำมันรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองเอ่ยชวนนลินนิภาเข้ามาภายในห้องเป็นภาษาญี่ปุ่น

“ขอบคุณค่ะหมอคุโมริคุง”

“เธอพักอยู่ห้องไหนเหรอ?”

มาเอมีถามนลินนิภาขึ้นด้วยความตื่นเต้น สองพี่น้องเรียกนลินนิภาว่า ‘โซระซัง’ ที่แปลว่า ‘ท้องฟ้า’ นั่นเอง

“ฉันอยู่ชั้น 8 น่ะ ชั้น 7 เต็มแล้ว แต่ฉันมาเที่ยวห้องเธอได้ตลอดนะ คิก ๆ”

“พรุ่งนี้เราไปช็อปปิ้งกันไหม? พวกเราว่างนะ คิก ๆ”

มาเอมีชวนนลินนิภาเพราะอยากเปิดโอกาสให้พี่ชายเธอได้อยู่กับหญิงสาวด้วย”

“ได้สิ แต่ช่วงเย็นฉันจะต้องไปเจอเพื่อนสมัยเด็กของฉันนะ อยู่ทานข้าวกับพวกเธอไม่ได้”

“ได้สิ”

มาเอมียิ้มรับรู้ถึงความเข้าใจ

สองสาวคุยกันตามประสาคนสนิทที่ห่างกันมานาน ฟ้าเองตั้งแต่กลับมาเมืองไทยก็อยู่ดูแลคุณนิคมตลอดแทบจะไม่ได้คุยหรือไปไหนกับใครเลย นาน ๆ ถึงจะตอบข้อความของมาเอมีทีนึง ทำให้สองสาวคิดถึงกันมากคุยกันจนเวลาล่วงเลยไปเกือบเช้า

สองสาวหาวแข่งกันจนมาเอมียอมแพ้

“ห้าวววว!!..ฉันง่วงแล้วไปนอนก่อนนะ”

มาเอมีเดินโซซัดโซเซทิ้งตัวลงบนที่นอนสีขาวที่เป็นเตียงนอนของเธอ

“อ้าว..เอมมี่ ทิ้งกันซะดื้อ ๆ อย่างนี้เลยเหรอ? ชิ”

“นิสัยเอมีจัง เป็นแบบไหน? โซระซังก็น่าจะรู้ดีนะครับ หึ!”

จิตแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ยื่นแก้วที่มีนมอุ่น ๆ ให้กับนลินนิภา หญิงสาวรับนมมาดื่มอย่างคุ้นเคย ยิ้มพร้อมกล่าวคำขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะหมอคุโมริคุง”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าเรียกผมว่าเรียวคุงก็ได้”

“ก็มันไม่ชินปากนี่คะ” นลินนิภาส่งยิ้มกลับไป

“ได้เจอเขารึยัง?”

“ค่ะ”

“แล้วทำไม ผมถึงรู้สึกว่า โซระซังของผมถึงดูมีความกังวลอยู่เลยล่ะ?”

“ฉันบอกรักเขา ตามที่หมอแนะนำ แรก ๆ ทุกอย่างก็ดี ฉันรู้สึกปลดล็อค แต่ไม่คิดว่าภายในเดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันค่ะ”

“เอ๋!!..ก็ดีแล้วนี่ครับ ถึงขั้นได้แต่งงานกับเขา โซระซังไม่ดีใจเหรอ?”

แม้ลึก ๆ จะใจหายแต่ก็ดีใจที่หญิงสาวพูดความจริงออกมา

“ฉันไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงค่ะ ใจหนึ่งก็ดีใจที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา อีกใจหนึ่งก็เสียใจค่ะ เพราะเขาคือคนรักของเพื่อนสนิทอีกคนนึงของฉันที่อยู่เมืองไทยค่ะ”

“เอ…”

“พอเขารู้ว่าจะได้แต่งงานกับฉัน..ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปค่ะ จากที่เป็นผู้ชายอบอุ่น ก็กลับกลายเป็นคนที่นิ่งเฉย เฉยชา และตอนนี้ความรู้สึกกลัว มันก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจของฉันอีกแล้วค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าฉันจะเสียทั้งเพื่อน และคนที่ฉันรักไปอีกครั้ง และกลัวว่าครั้งนี้จะสูญเสียเขาไปตลอดกาลเลยค่ะ”

“ผมเข้าใจคุณนะครับ โซระซัง..แต่อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลยครับ กลับไปพักผ่อนที่ห้องกันเถอะ คุณอุตส่าห์เลิกทานยาได้แล้ว อย่าเพิ่งคิดกังวลไปเกินกว่านี้เลย ไปครับเดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง”

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะหมอ คุณทำให้ฉันดีขึ้นอีกแล้ว”

“ผมถือว่ามันเป็นหน้าที่ครับ ไปครับกลับห้องของคุณกัน”

“ค่ะ”

นลินนิภาลุกขึ้นเดินออกจากห้องพักของ มาเอมีและหมอคุโมริโดยหมอคุโมริเดินไปส่งเธอถึงหน้าห้องพัก

...

เวลา 12.15

เมื่อเข้ามาถึงในห้องเกือบตี 3 ที่ผ่านมาก็ทำให้นลินิภาหลับเป็นตายจนเลยเที่ยงวันเสียงโทรศัพท์เข้าจากคุณหมอคุโมริคุงก็ดังขึ้น

RRR RRRR RRR RRRR

โทรศัพท์ส่งเสียงดังอยู่นาน กว่ามือเรียวจะคว้ามากดรับได้

“ฮัลโล” เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียสุดๆ

“โซระซัง ลุกขึ้นได้แล้ว เที่ยงกว่าแล้วครับ”

“หือ!!..เที่ยงกว่าแล้วเหรอ!!?”

นลินนิภาเด้งตัวขึ้นอัตโนมัติเพราะเพิ่งคิดได้ว่ามีนัดไปช้อปปิ้งกับมาเอมี

“ครับ..อีกหนึ่งชั่วโมงไปหาอะไรทานกันนะ เดี๋ยวผมไปรับที่ห้องของคุณ”

“ค่ะหมอ”

นลินนิภารีบอาบน้ำแต่งหน้าเบา ๆ วันนี้เธอเลือกชุดเดรสสีชมพูอ่อนสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย แขนตุ๊กตาบาง ๆ สีขาว ยกผมหางม้า ดวงตาโตกลมที่รับกับขนตาได้รูป แค่ปัดมาสคาร่านิดหน่อย ทาปากด้วยลิปกอสสีชมพูอ่อน แค่นี้ก็สวยสะดุดตาแล้ว หมอคุโมริเดินขึ้นมารับเธอเหมือนที่พูด ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีครีม แมชกับกางเกงแสล็กสีน้ำตาลอ่อนพับขากางเกงขึ้นเหนือตาตุ่ม และรองเท้าสีน้ำตาลเข้ม ดูยังไงก็หล่อสไตล์หนุ่มญี่ปุ่น

"วันนี้โซระซังสวยมาก ๆ ครับ"

หมอหนุ่มทักขึ้นเป็นภาษาไทย

"วันนี้หมอก็หล่อมาก ๆ เหมือนกันค่ะ" นลินนิภายิ้มหวานชมกลับหมอไป ทำให้จิตแพทย์หนุ่มเขินจนหน้าแดง

เมื่อเดินเข้ามาในลิฟท์พร้อมกัน ทั้งหนุ่มสาวที่เห็นสองคนคือ นลินนิภาและหมอคุโมริ ทุกคนต่างเหลียวหลัง

“เธอ ๆ ดูสองคนนั้นสิ เหมาะสมกันจังเลยนะ”

หญิงสาวคู่หนึ่งที่เดินออกจากลิฟท์ไปสะกิดแขนกันเอ่ยถึงนลินนิภาและหมอคุโมริ

“ใช่ ๆ สมกันอย่างกะกิ่งทองใบหยก”

นลินนิภาได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขันที่ได้ยินแบบนั้น เผลอหัวเราะออกมา

“คิกๆๆ”

“มีอะไรเหรอคับโซระซัง? เห็นหัวเราะออกมา”

“เปล่าค่ะ”

สองคนเดินตรงไปร้านอาหารไทยสไตล์อีสาน ที่มีทั้ง ส้มตำ ยำ ลาบ รวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น ที่มาเอมีส่งโลเคชั่นให้

ฟ้าที่ติดนิสัยคุณหนูเดินเข้าไปนั่งฝั่งด้านในตรงข้ามกับมาเอมี และหมอคุโมรินั่งด้านนอกคู่กับเธอ โดยหมอหนุ่มจะบริการเธอทุกอย่างเป็นแบบนี้ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นแล้ว

“มาแล้วเหรอพี่ชาย โซระซัง นั่งเลย ๆ ฉันยังไม่สั่งอะไรเลยนะ คิก ๆ”

มาเอมีทักทายขึ้นเป็นภาษาญี่ปุ่น

“งั้นสั่งกันเลยจ้า” นลินนิภาตอบกลับพร้อมยกเมนูขึ้นมาจิ้มนิ้วไปที่เมนูอาหารที่ตัวเองอยากกิน

สองสาวเริ่มสั่งอาหารไทยแบบเบรกไม่อยู่ จนหมอคุโมริถึงกับต้องปรามออกมาเป็นภาษาไทย

“สั่งเยอะขนาดนี้จะกินกันหมดได้ยังไง? พอแค่นี้ก่อนนะครับ”

“โธ่..คุณหมอ ฟ้ากินเยอะนะคะหมอก็รู้คิก ๆ ๆ”

นลินนิภายื่นหน้าไปหัวเราะคิกคักกับมาเอมีอย่างมีความสุขและสนุกสนานเพิ่งคิดได้จึงส่งข้อความไปหาปลอบขวัญ

“อุ๊ย!!ฟ้าลืมส่งข้อความถึงเพื่อน แป๊บนะส่งข้อความก่อน”

มือเรียวกดโทรศัพท์หรูฝากข้อความไว้ในแอพแชท

“ขวัญจ๊ะ..ตอนนี้ฟ้าอยู่ในเมืองหลวง..ขวัญว่างโทรหาฟ้าหน่อยนะคะ..อยากเจอมาก ๆ เลยจ้าาาาา”

เป็นเวลาเดียวกันกับหมอตั้มได้นัดลูกค้าไว้ที่ร้านอาหารเดียวกับนลินนิภาและเพื่อน ๆ หมอตั้มที่นั่งคุยงานอยู่ก่อนสักพักแล้วได้เห็นร่างบางระหงที่กำลังย่างกายเข้ามาในร้านอาหารพร้อมกับผู้ชายสองต่อสอง เขาที่เห็นพฤติกรรมทุกอย่างของจิตแพทย์หนุ่มที่ดูแลเทคแคร์เหมือนจะอุ้มนลินนิภาเข้ามาในร้าน ก็ถึงกับสงสัยว่าผู้ชายสไตล์ญี่ปุ่นคนนั้นเป็นอะไรกับ ว่าที่ภรรยาของเขากันแน่? หมอหนุ่มไม่มีสมาธิคุยงานอีกต่อไป เขาขอให้ ลูกค้าย้ายโต๊ะ ตามนลินนิภาไป โดยให้เหตุผลว่า โต๊ะฝั่งที่เขานั่งมีเสียงดังเกินไป เขาไม่มีสมาธิในการฟังที่ลูกค้าพูด ลูกค้าเข้าใจ จึงทำตามที่หมอตั้มแนะนำ ย้ายโต๊ะไปติดกับโต๊ะของนลินนิภา หม้อตั้มใช้เมนูปิดบังหน้าตา แล้วนั่งหันหลังติดกับนลินนิภาและหมอคุโมริ เมื่อเห็นผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยหมอตั้มก็รู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างจิตแพทย์หนุ่มกับนลินิภาก็ทำให้เขารู้สึกขัดหู พาลให้หงุดหงิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

“ทุกอย่างก็เป็นแบบนี้แหละครับคุณหมอ..คุณหมอครับ..หมอทะเล..หมอทะเลครับ ฟังอยู่รึเปล่าครับเนี่ย?”

ลูกค้าที่มาเจอหมอตั้มเรียกหมอหนุ่มอยู่นานหลายครั้งแต่หมอหนุ่มก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาสักที จนลูกค้าต้องเคาะโต๊ะเรียกเบา ๆ

‘ป๊อก ๆ ป๊อก ๆ’

“หมอทะเลครับ”

“คะ..ครับ!!”

หมอตั้มได้สติคืนกลับมา วันนี้มีแต่เรื่องว้าวุ่นใจทำให้เขาไม่มีสมาธิเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะครับ?”

“พอดีผมมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษคุณเอ๋ด้วยนะครับ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูอาการน้องให้นะครับ ผมทำงานที่โรงบาลวันสุดท้ายพอดี กระดูกน้องอาจจะแค่เคลื่อนก็ได้ครับ เท่าที่ฟังอาการมา น่าจะไม่ได้ร้ายแรงอะไร”

“โอ้โห้..ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริง ๆ นี่แค่ผมบอกอาการไปหมอทะเลก็วิเคราะห์ได้หมดเลย ไม่ผิดหวังเลยครับที่เพื่อนผมแนะนำให้มาเจอหมอทะเล”

“ก็เกินไปครับ ยังไม่ได้รักษาเลยอวยกันมากเกินไปแล้วครับ”

“ไม่หรอกครับ งั้นทานอาหารกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นหมด”

“ครับ”

หมอตั้มตักต้มแซ่บเข้าปากทำเป็นซดน้ำร้อน ๆ แอบฟังว่าที่เจ้าสาวของเขาและชายหนุ่มอยู่ด้านหลังคุยกันแต่น่าเสียดาย ที่โต๊ะข้างหลังของเขาสื่อสารกันเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เขาไม่เข้าใจว่าทั้งสามคนคุยอะไรกัน แต่จู่ ๆ จิตแพทย์หนุ่มก็พูดภาษาไทยออกมา แม้สำเนียงจะไม่ชัดเป๊ะ แต่ก็พอจะจับใจความได้

“โซระซังของผม กินเยอะแบบนี้ไม้ดีต่อกระเพาะอาหารนะครับ ยิ่งรสชาติเผ็ดแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ควรกินมาก เรียวคุงเป็นห่วงนะครับ”

“หืม!!..ไปฝึกคำแบบนี้มาจากไหนคะเนี่ย? คำพูดนี้น่ารักจัง ค่ะคิก ๆ”

“น่ารัก ก็รักเลยสิครับ ผมอนุญาต ผมพูดจริง ๆ นะครับ ฟ้าจังของผม”

“หึ!!..ฟ้าจังของผม น้องฟ้าเป็นของกูคนเดียวต่างหากไอ้บ้านี่”

หมอตั้มสถบออกมาเบา ๆ พึมพำกับตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel