ตอนที่2 การมาของอ๋องน้อยเหลียน
หลังจากไทฮองไทเฮาเสด็จมาหาหนิงเฉิงฮ่องเต้วันนั้น วันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว ถึงเขาจะไม่ไปเยี่ยมนางแต่เมื่อหมอหลวงกลับมาจากตำหนักคุนหนิง เขาก็ให้เหล่าหมอหลวงมารายงานอาการป่วยของสวี่ฮองเฮาในทันที
หมอหลวงทุกคนที่มารายงานก็จะบอกคล้ายๆกันว่านางมีร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมบวกกับสภาพอากาศในเมืองหลวงมีอากาศเย็น ไม่เหมือนแคว้นเหลียนที่ตลอดทั้งปีมีเพียงหน้าร้อนและหน้าฝนเท่านั้น สวี่ฮองเฮาจึงอาจปรับตัวไม่ค่อยได้ ยิ่งช่วงนี้หน้าหนาวใกล้มาเยือนอากาศเริ่มเย็นลงยิ่งทำให้ร่างกายสวี่ฮองเฮาแย่ลงไปกว่าเดิม
เมื่อหนิงเฉิงฮ่องเต้ได้ยินหมอหลวงรายงาน เขาก็กำชับให้เหล่าหมอหลวงคอยดูแลนางให้ดี หากอาการของนางแย่ลงหรือมีสิ่งใดผิดปกติก็ให้มารายงานเขาได้ทันที ความจริงไม่ใช่ว่าเขาไม่เป็นห่วงสวี่ฮองเฮาเพียงแต่เมื่อเห็นว่านางมีพฤติกรรมน่าสงสัยก็ทำให้เขาเริ่มระแคะระคายไม่อาจทำดีกับนางได้ เพราะเขากลัวว่าหากทำดีกับนางแล้วตัวเขาเองเผลอมีใจให้สวี่ฮองเฮาแต่กลับมารู้ภายหลังว่านางมีแผนการร้าย เขาเองจะต้องเป็นผู้ลงโทษคนที่เขารักอีก เขาจึงได้สร้างกำแพงในใจมากั้นระหว่างเขาและสวี่ฮองเฮาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ฝ่าบาท องครักษ์เฟิ่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เกากงกงเข้ามารายงานหนิงเฉิงฮ่องเต้
“ให้เขาเข้ามาเถอะ” หนิงเฉิงฮ่องเต้ที่กำลังอ่านฎีกาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ถึงจะได้ยินเกากงกงรายงานก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ได้แต่เอ่ยปากตอบ
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทหารที่ประตูเมืองรายงานว่าอ๋องน้อยเหลียนเดินทางมายังเมืองหลวง เพิ่งผ่านด้านประตูเมืองเข้ามาเมื่อเช้าพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งจางหยงองครักษ์คนสนิทของหนิงเฉิงฮ่องเต้เข้ามาถึงก็รีบรายงาน
หนิงเฉิงฮ่องเต้เมื่อได้ยินก็ตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะตวาดลั่นเมื่อได้ยินเฟิ่งจางหยงเอ่ยถึงการมาเยือนของอ๋องน้อยเหลียนที่ไม่ได้บอกกล่าวมาก่อนล่วงหน้า
“พวกเจ้ายังอยากมีชีวิตกันอยู่หรือไม่ เขามาถึงเมืองหลวงแล้วเพิ่งรู้ตัวกันอย่างนั้นหรือ หน่วยทหารสอดแนมตายกันหมดแล้วหรือไร” หนิงเฉิงฮ่องเต้กล่าวเสียงดังน้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ
เฟิ่งจางหยงรู้ดีว่าตอนนี้หนิงเฉิงฮ่องเต้ทรงระแวงเหลียนอ๋องอยู่ไม่น้อย และในยามนี้อ๋องน้อยเหลียนยังเดินทางมาถึงเมืองหลวงโดนไม่บอกกล่าวล่วงหน้ายิ่งเพิ่มความระแวงให้กับหนิงเฉิงฮ่องเต้เป็นอันมาก
“ฝ่าบาทอย่างทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ อ๋องน้อยเหลียนมากับองครักษ์เพียงแค่สองสามนายเท่านั้น และแต่งตัวมาราวกับชาวบ้านธรรมดา ทหารสอดแนมเหล่านั้นจะไม่รู้ก็ไม่แปลก และยังมีสตรีนางหนึ่งมาด้วย กระหม่อมให้คนตรวจดูแล้วไม่มีผู้ติดตามมาเพิ่ม และยังสั่งให้คนคอยจับตามองอ๋องน้อยเหลียนและพวกพ้องของเขาไว้หากว่ามีความเคลื่อนไหวอันใด องครักษ์ลับจะเร่งมารายงานโดยทันที”
หนิงเฉิงฮ่องเต้หันมามองหน้าเฟิ่งจางหยงสหายคนสนิท ตอนแรกเขายังมีโทสะไม่หายแต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฟิ่งจางหยงจึงผ่อนคลายลง ถึงอย่างไรเฟิ่งจางหยงก็เป็นคนรอบคอบและเชื่อถือได้ เพราะความระแวงในตัวเหลียนอ๋องทำให้เขาใส่อารมณ์กับเฟิ่งจางหยงอย่างลืมตัว ถึงตอนนี้เขากับเฟิ่งจางหยงจะมีฐานะเป็นเจ้าแผ่นดินกับข้าราชบริพาร แต่ในสายตาของหนิงเฉิงฮ่องเต้เฟิ่งจางหยงไม่ได้เป็นเพียงขุนนางคนหนึ่งของเขา แต่ยังเป็นสหายคนสนิทที่อยู่เคียงข้างและผ่านความเป็นความตายมากับเขาอีกด้วย
‘ถึงอย่างไรข้าเองก็ไม่ควรลืมรักษาจิตใจของผู้เป็นสหายไม่เช่นนั้นแล้วจางหยงก็คงจะปฏิบัติต่อข้าดังเช่นขุนนางคนหนึ่งกับเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจเท่านั้น’ เขาคิดในใจก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ในเมื่อเจ้าจัดการแล้วเราก็วางใจ” หนิงเฉิงฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นลง
“ฝ่าบาท ท่านอย่าได้กังวลเรื่องอ๋องน้อยเหลียนเลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่พระองค์ทรงกังวลมีมากพอแล้ว หากพระองค์เชื่อใจกระหม่อม กระหม่อมจะดูอ๋องน้อยเหลียนไว้ไม่ให้คาดสายตา ไม่ให้เขาก่อเรื่องได้เป็นแน่”
“จางหยงไม่ว่าเราและเจ้าจะอยู่ในฐานะใด เจ้าคือสหายที่เราไว้ใจที่สุดเสมอ”หนิงเฉิงฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้สหายของเขา
เฟิ่งจางหยงเห็นสีหน้าและรอยยิ้มของหนิงเฉิงฮ่องเต้ก็รับรู้ได้ทันทีว่าหนิงเฉิงฮ่องเต้คงเหนื่อยล้ากับราชกิจเป็นอย่างมาก เขาพึ่งจะครองราชย์ได้ไม่นานมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ทั้งเรื่องภายในท้องพระโรงที่ตัวหนิงเฉิงฮ่องเต้ไม่ได้มีฐานอำนาจมากนัก และยังจะแคว้นข้างๆที่มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ข่าวเรื่องการก่อกบฏแพร่กระจายออกไป ไม่เพียงแคว้นรอบด้านแม้กระทั่งแคว้นที่อยู่ในอำนาจการปกครองที่ถูกเหล่าท่านอ๋องทั้งหลายดูแลอยู่ก็มีความกระด้างกระเดื่องอยู่ไม่น้อย แต่ยังโชคดีที่ข่าวการปราบกบฏด้วยตนเองของหนิงเฉิงฮ่องเต้ก็ได้แพร่ออกไปเช่นกัน จึงทำให้เหล่าท่านอ๋องกลัวเกรงอยู่บ้างหากคิดจะกบฏขึ้นมาจริง ๆ
เพราะอ๋องที่ครองแคว้นในแต่ละแคว้นล้วนรู้กันดีถึงความสัมพันธ์ของเฉิงหนิงเฉิงกับเฉิงหนิงอันพี่น้องทั้งสองที่รักใคร่กัน ในราชวงศ์ที่ผ่านมามีแต่พี่น้องแย่งชิงบัลลังก์ มีเพียงสองคนพี่น้องนี้เท่านั้นที่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้
เมื่อเฉิงหนิงเฉิงได้รับรายงานจากแม่ทัพเฟิ่งพ่อของเฟิ่งจางหยง ว่าองค์รัชทายาทเฉิงหนิงอันก่อกบฏจับตัวฮ่องเต้ไว้เป็นตัวประกัน และไม่มีใครรู้ว่าฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อได้รับรายงานถึงในใจเฉิงหนิงเฉิงจะไม่อยากเชื่อ แต่เฉิงหนิงเฉิงรู้ดีว่าแม่ทัพเฟิ่งไม่มีทางส่งรายงานนี้มาหากไม่ตรวจสอบแล้วเป็นอย่างดี เพราะแม่ทัพเฟิ่งย่อมรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของเฉิงหนิงเฉิงกับเฉิงหนิงอันอยู่แล้ว
การปราบกบฏในครั้งนี้มีแต่คนคาดว่าองค์รัชทายาทเฉิงหนิงอันหากถูกจับได้ ก็คงจะเพียงแค่ถูกเนรเทศ เพราะพวกเขาล้วนคิดว่าเฉิงหนิงเฉิงคงไม่อาจตัดใจสังประหารผู้เป็นพี่ชายได้ แต่ทุกคนกลับต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าเฉิงหนิงเฉิงสังหารผู้เป็นพี่ชายด้วยมือตนเองต่อหน้าเหล่าทหาร แม้แต่พี่ชายที่เขาเทิดทูนเขายังกล้าสังหารอย่างไม่ปรานีนับประสาอะไรกับเหล่าท่านอ๋องทั้งหลายที่ไร้ความผูกพัน
นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นทำให้ทุกคนมองหนิงเฉิงฮ่องเต้ใหม่ ภาพที่จดจำในสายตาเหล่าขุนนางและผู้ที่เคยพบเจอว่าเขาเป็นเพียงองค์ชายแสนสำราญจิตใจอ่อนโยน และมักให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ใกล้ตัวจนบางครั้งทำให้เขาขาดความเด็ดขาด บัดนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นเพราะสถานการณ์บังคับหรือเพราะนี้อาจเป็นตัวตนที่ซ่อนอยู่ของเขา แต่มันทำให้ผู้ที่คิดจะช่วงชิงบัลลังก์หรือคิดจะตั้งแคว้นของตนให้เป็นแคว้นอิสระไม่ขึ้นต่อเขาก็ต้องคิดไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง
หลังจากเฟิ่งจางหยงกลับไปไม่ถึงครึ่งวัน เฟิ่งจางหยงก็กลับมารายงานหนิงเฉิงฮ่องเต้ว่าอ๋องน้อยเหลียนส่งเทียบมาขอเข้าเฝ้าหนิงเฉิงฮ่องเต้และสวี่ฮองเฮาในวันพรุ่งนี้ หนิงเฉิงฮ่องเต้จึงได้อนุญาตให้เขาเข้าวังมาได้ เขาเองก็อยากรู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้อ๋องน้อยเหลียนเดินทางมาในครั้งนี้