ขอบคุณองค์ชาย
“ลูกคนนี้ จะรักก็ไม่ได้จะเกลียดก็ไม่อาจทำ”
ฮ่องเต้พูดเปรยๆ ต่อหน้าขันทีข้างกายฝานกงกงที่อมยิ้ม
“รักไม่ให้ใครรู้ เกลียดยามที่มีคนเห็นเช่นนั้นถึงจะทำให้องค์ชาย...ไม่เป็นที่เกลียดชังยิ่งไปกว่านี้”ฮ่องเต้ถอนหายใจยาวเหยียด
เย็นมากแล้ว หว่านหนิงทำความสะอาดตำหนักร้อยดาวยังไม่ถึงครึ่งของส่วนที่เหลือ ตำหนักใหญ่กว้างขวางแทบจะไร้ประโยชน์เมื่อผู้ครอบครองเป็นคนที่ไร้ซึ่งอำนาจเช่นองค์ชายห้าลี่หยางตำหนักจึงถูกปล่อยปะเช่นเดียวกับผู้ครอบครอง
“พระชายา เหนื่อยมากแล้วให้เสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ยจัดการให้ ระหว่างนี้ไปแช่น้ำรอองค์ชายกลับมาจะดีกว่า”
โอ้หากจะเป็นอย่างนั้นคงจะดีไม่น้อย แต่ตอนนี้ไม่อาจทำได้ ในเมื่ออาหารเย็นก็ไม่มี ความคิดสะดุดลงเมื่อฝานกงกงเดินนำบวนของเหล่าขันทีและนางกำนัลเข้ามาเป็นแถวยาวเหยียด
“จงหว่านหนิงชายาองค์ชายห้า รับราชโองการรรร”
หว่านหนิงรีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เดินมาคุกเข่าตรงหน้าขันทีข้างกายฮ่องเต้ฝานกงกง
“ด้วย ฝ่าบาททรงตระหนักเรื่องการใช้ชีวิตในตำหนักร้อยดาว และเห็นว่าเจ้าจะต้องทำอาหารเองลำบากเดินทางระหว่างห้องเครื่องให้เกิดความวุ่นวายจึงได้พระราชทานเครื่องครัวและ มีบัญชาให้จัดห้องสำหรับทำเครื่องเสวยที่นี่เป็นกรณีพิเศษ ทุกเช้าบัญชาให้ห้องเครื่องนำวัตถุดิบเช่นเดียวกับที่ทำเครื่องเสวยแบ่งมาให้ตำหนักร้อยดาว จงหว่านหนิงรับราชโองการรรร”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หว่านหนิงก้มศีรษะจรดพื้น อย่างไรถึงเรียกว่ามีโชคเช่นนี้ใช่หรือไม่
เอื้อมมือรับราชโองการมาถือไว้ เครื่องครัวและวัตถุดิบมากมายถูกลำเลียงเข้ามาวางในตำหนักร้อยดาว
“ต่อไปพระชายาก็ไม่ต้องลำบากไปหาของกินที่ห้องเครื่องอีกแล้ว”
ฝานกงกงเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวของหว่านหนิงดี
“หว่านหนิง ขอบคุณกงกงที่เมตตา”ย่อกายลงน้อยๆ ฝานกงกงประสานมือรับการเคารพ
“หากจะขอบคุณข้าน้อย พระชายานำคำขอบคุณไปกล่าวกับองค์ชายจะดีกว่า”
ยิ้มจริงใจที่หว่านหนิงไม่คิดว่าจะได้พบเจอที่นี่
เครื่องเสวยเย็นที่เป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งหว่านหนิงอิงไถและกุ้ยอิง สำเร็จลุล่วงง่ายดาย เครื่องเสวยวางอยู่เต็มโต๊ะที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม
ลี่หยาง เดินถือหมวกเข้ามาในตำหนัก ภายในสะอาดสะอ้าน แจกันมีดอกไม้ ฝุ่นจับเกรอะกรังหายไป หน้าต่างถูกเปิดอ้าออกรับลมเสียงกระดิ่งลมแว่วมาเบาๆ กลิ่นพิสุทธิ์จนเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆรู้สึกสดชื่นอย่างที่สุด
“องค์ชาย เครื่องเสวยพร้อมแล้ว”
หว่านหนิงในชุดเสื้อผ้ามอมแมม ยังไม่ทันอาบน้ำชำระร่างกายแต่ทว่าใบหน้ามอมแมมกับน่ามองไปอีกแบบ หากเป็นผู้อื่นคงเผลอยิ้ม แต่ลี่หยางหาเหมือนคนอื่นไม่ คิ้วดกขมวดเข้ากัน
ก้าวขาเข้าไปข้างในใบหน้ายังเรียบเฉย โต๊ะเสวยถูกจัดเตรียมพร้อมไว้แล้วเขานั่งลงบนเก้าอี้ ยกถ้วยข้าวร้อนๆ ขึ้นมาพุ้ยใส่ปากไม่มีคำชมแม้ว่ารสชาติอาหารจะถูกปากเหมือนเมื่อกลางวันไม่มีผิด
“ของในห้องเครื่องมีจำกัด”
เหมือนจะบอกว่าไม่ควรหยิบมาโดยพล เป็นการตำหนิกลายๆอย่างนั้นหรือ
“ฝ่าบาท มีบัญชาให้ข้าทำเครื่องเสวยสำหรับองค์ชายที่นี่ได้ และยังแบ่งวัตถุดิบเช่นเดียวกับที่ทำเครื่องเสวยมาในทุกวัน”หว่านหนิงอธิบาย
“คงเกรงว่า.. พระชายาจะไปวุ่นวายในห้องเครื่องเช่นเมื่อกลางวัน”หว่านหนิงยิ้ม นอกจากไม่ชมแล้วยังว่ากล่าวได้อีก
“ท่านยอมอด แต่ข้าไม่”
พูดตามที่คิดไม่ได้โกรธเคืองคำว่ากล่าวนั้น คิดว่าคงจบเพียงเท่านั้นแต่..
“ยิ่งมากคนก็ยิ่งวุ่นวายเดิมทีข้าอยู่เพียงลำพัง ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นอย่างนี้ฮองเฮาจะคิดว่าเจ้ามากเรื่อง”
จะบอกว่าให้ระวังตัวอย่างนั้นหรือ หว่านหนิงนิ่งไม่ต่อความก็ในเมื่อรู้สึกเหมือนคำพูดนั้นต้องการตักเตือนด้วยความจริงใจ
ลี่หยางกินได้มากกว่าทุกวัน หว่าหนิง ช่วยกุ้ยอิงกับอิงไถเก็บโต๊ะเสวย
จากนั้นหว่านหนิงเตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบ ใส่ในถังไม้น้ำอุ่นกำลังพอดี ตั้งใจถอดเสื้อผ้าให้ ตามแบบของภรรยาที่ดี
“เจ้าก็ไปอาบน้ำเสียเถิด เหนื่อยมาทั้งวัน”
ถอดเสื้อรุ่มร่ามออกเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวซีดแต่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม หว่านหนิงหลุบตามองพื้นแล้วรีบออกจากห้องน้ำไป ใจเต้นโครมคราม อีกคนหย่อนตัวลงไปในน้ำจนมิดหัวนอนนิ่งอยู่ใต้น้ำปล่อยความคิดมากมายวิ่งวน รู้สึกประหลาดกับหว่านหนิง เหมือนกับกำแพงความโดดเดี่ยวทั้งหมดถูกทลายลงไป
แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองจำต้องพูดมากกว่าที่ผ่านมา