1.อาชาพยศรัก
อาชาพยศรัก
เมือง เป่ยจง ห่างจากเมืองหลวงแคว้นหลางราวสามร้อยลี้
ภายในเรือนรับรองหลังดังกล่าว มีเสียงหัวเราะผสานกันระหว่างชายหญิงและคำพูดหยาบโลนเย้าหยอกกันตั้งแต่ยามบ่าย กระทั่งผ่านไปหลายชั่วยามจึงมีการยกอาหารหวาน ของว่าง และสุรามาเติมอีกชุดใหญ่ ยามนี้ใกล้รุ่งสาง บรรยากาศจึงอัดแน่นไปด้วยความหวานล้ำของคนทั้งคู่ ราวกับเป็นคืนแรกในการเข้าหอ
ซึ่งฝ่ายสตรี เป็นคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแน่ชัด นางถูกจ้างมาให้ปรนนิบัติคุณชายท่านหนึ่ง เขาปกปิดฐานะที่แท้จริงไว้ ด้วยยามนี้ในเมืองหลวงเกิดการแย่งชิงอำนาจ และอาจมีภัยร้ายถึงเขา
เหลียงม่านฉี จำได้ว่าตอนที่ตนยกอาหารที่นางปรุงขึ้นเป็นพิเศษเข้ามาให้ห้องนี้ครั้งแรก คุณชายรูปงามพิศนางอย่างพึงใจ ราวกับเขาสัมผัสได้ถึงรักแรกพบ
แน่นอน นางเป็นสตรีงามผู้หนึ่ง แม้ไม่ใช่ไซซีล่มเมือง แต่ก็เฉิดฉาย มีเสน่ห์ยวนยั่ว นางรินสุราให้เขาเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงออกคำสั่งให้นางเปลื้องผ้า!
หญิงสาวย่อมขัดเขิน ด้วยหน้าที่นางคือ แม่ครัว ทว่าเขากลับเอ่ยย้ำ “ข้าไม่คิดเอาเปรียบเจ้า เรามาเล่นทายปัญหากัน ใครตอบผิด ต้องเปลื้องผ้าออกทีละชิ้น”
ซึ่งเหลียงม่านฉี ไม่ใช่คนฉลาด นางเก่งแต่เรื่องอาหาร ฝีมือดีเพราะมีอาจารย์แนะนำ นอกจากนั้น ยังได้พบนักพรตท่านหนึ่ง ที่มอบตำรับปรุงอาหารแก่นาง!
การทายปัญหาผ่านไปสักพัก นางกับเขาจึงเหลือเพียงผ้าพื้นบางๆ ปกปิดร่างกาย ยามนั้นชายหนุ่มเริ่มหน้าแดง ดวงตาหวานเชื่อม เพราะเครื่องดื่มที่นางปรุงให้เขาผสมกับสุรา ออกฤทธิ์อย่างหนัก ทั้งจานอาหารที่ทำอย่างพิถีพิถันด้วยสมุนไพรก็ส่งผลให้ความเป็นชายคึกคัก มีกำลังวังชา
จากนั้น เขาก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสุข ด้วยสามารถลุกจากรถเข็น และเดินเหินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้พยุง!
และ บุรุษผู้นี้ ตั้งแต่นางเห็นครั้งแรก เขานั่งอยู่บนรถเข็นที่มีกลไก ซึ่งนางไม่กล้าซักถาม หรือใช้สายตาสำรวจมองตรงๆ เพียงแต่ประเมินได้ว่า หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจนแข้งขาหัก หรือป่วยจากโรงประหลาด คงพิการช่วงล่างนับแต่เกิด
ทว่า จู่ๆ เขากลับเดินเหินได้สะดวก สาเหตุมาจากอาหารที่นางปรุงนั่นเอง ยามนี้ ชายหนุ่มก้าวไปนั่งลงบนตั่งกว้างที่มีฟูกนุ่มๆ แล้วกวักมือเรียกเหลียงม่านฉี
“ตัวเจ้าหอมกลิ่นอาหารอ่อนๆ มาให้ขาลองชิมสักนิดเถิด”
แน่นอน เขาไม่ได้เพียงแค่ชิมอย่างที่ปากกล่าวถึง
มือใหญ่ๆ และนิ้วยาวเรียวเย้าหยอกเต้าอวบสวยนุ่มนิ่มทั้งสองข้าง พื้นที่หวานฉ่ำที่นางหวงแหนก็ถูกเขาใช้นิ้วแทรกลึกเข้าไปยั่วเย้า ยามนี้ติ่งเนื้อนิ่มเหลียงม่านฉีสั่นระริก นางจึงเดี๋ยวขมิบรัดนิ้วเขา เดี๋ยวดูดมันเข้าไปอย่างลืมตัว
แม้จะฝืนกลั้นความซ่านสยิว แต่เหลียงม่านฉีไม่อาจระงับเสียงครางหวานระยับได้
“คุณชาย ผู้น้อยทำสิ่งน่าละอายเข้าแล้ว อื้อ...อ๊ะ...หยุดมือเถิด!”
นางร้องเสียงหลง และชายหนุ่มแทรกนิ้วลึกกว่าเดิม ก่อนเริ่มซอยถี่ๆ จนนางตัวสั่นผวาสลับการครางไม่หยุด หากไม่ละอายผู้อื่น เหลียงม่านฉี คงสบถคำสัปดนที่หยาบคายให้เขาเป็นแน่
“เต้าหู้ขาวๆ ข้าได้ชิมจนหนำใจ ปากเจ้าขาก็จูบไปหลายหน จนบวมเจ่อ คราวนี้คงเหลือเพียงแต่...”
เขาถอนนิ้วออก จากนั้นจึงทำในสิ่งที่เหลียงม่านฉี หวีดร้องเสียงหลง
“ท่านจะทำแบบนี้กับสตรีไม่ได้...!”
ลิ้น ยามนั้นลิ้นสากๆ และอุ่นจัดของเขา ละเลียดเลียสลับการจูบ แล้วดูดส่วนหวานฉ่ำเบื้องล่าง จนเกิดเสียงชวนให้ขัดเขินติดต่อกันหลายหน
“โอ้ อะ อี๊ คุณชาย หากไม่หยุดมือ ผู้น้อยคงมิอาจทนไหว อื้อ!” เหลียงม่านฉี ย่อมรู้ หากอีกฝ่ายรุกเร้าหนักๆ นางคงต้องปลดปล่อยความหวานล้ำระรอกใหญ่เป็นแน่
จากนั้น ชายหนุ่มจึงหยุดเล้าโลมนางด้วยริมฝีปาก เขายังต้องการให้สตรีนางนี้ ช่วยคลายเหงาอีกสักพักใหญ่
พอการหายใจของเหลียงม่านฉีกลับคืนสู่ปกติ นางจึงเห็นดวงตาเรียวของเขาเกิดประกายวิบวับ บุรุษผู้นี้ ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้อย่างแนบเนียน
เมื่ออยู่ด้วยกันบนตั่งกว้าง บุรุษที่รูปร่างงดงามก็โถมร่างทาบทับ
เหลียงม่านฉี การที่เขาอยู่ด้านบน นางกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัด นี่คงเป็นท่าทางพื้นฐาน เมื่อชายหญิงต้องการแนบชิดกัน กระนั้นเหลียงม่านฉี ย่อมต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ นางเป็นสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าก็จริง ทว่าไม่อยากให้ใครข่มเหงง่ายๆ ซึ่งหาใช่การเล่นตัว เพียงแต่อยากให้เขารู้ว่า นางมีความรู้สึก นึกคิด มีหัวใจ
“อ๊ะ คุณชาย ทะ ท่านมั่นใจหรือว่า จะทำเช่นนี้ กับแม่ครัว...ที่เปิดเหลาอาหารเถื่อน!” นางเอ่ยถาม น้ำเสียงทั้งออดอ้อน หากเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลอง ตั้งแต่ถูกขายเข้าไปในสำนักนางโลม นี่คงเป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดบุรุษด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนหน้านั้น นางมักบ่ายเบี่ยง สร้างปัญหาไม่หยุด กระทั่งแม่เล้าทนไม่ไหว เลยจับนางโยนเข้าโรงครัว
“อาหารของเจ้า ประหนึ่งมียาพิษ หลายวันที่ผ่านมา เจ้าปรุงให้ข้ากิน รู้หรือไม่ หมอเทวดาทั่วทั้งใต้หล้า ยังไม่อาจมีฝีมือเทียบเคียงเจ้า ลูกท้อป่าที่เคลือบน้ำตาลข้ากินเล่นแทนอาหารมื้อหลักยังได้เลย แม้แต่ตัวเดียวอันเดียวของวัวที่นำมาผัดเป็นกลับแกล้มเหล้า พร้อมน้ำแกงรสเผ็ดร้อน ทำให้ร่างกายข้าผะผ่าวร้อนอยู่ข้างใน โดยเฉพาะขาที่สาม มันไม่อาจนอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราได้อีก”
เหลียงม่านฉี สะเทิ้นอายอย่างหนัก แน่นอนนางเล่นแร่แปรธาตุ ทั้งพลิกตำรับลับปรุงอาหารให้เขากิน ด้วยหวังว่าจะได้ค่าจ้างสมน้ำสมเนื้อเพราะต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่ เมื่อรู้ว่าต้องปรุงอาหารให้คุณชายรูปงาม เหลียงม่านฉี ก็อดเก็บซ่อนความปรารถนาของตนเอาไว้ไม่ได้ นางไม่ได้วางยาเสน่ห์ เพียงแต่ใช้สมุนไพรที่จะทำให้บุรุษถวิลหาความงดงามของเต้าหู้ และกลีบเนื้อหวานฉ่ำของสตรี
“ผู้น้อยรู้เพียงแต่ว่า หากคนกินอาหารพึงใจในรสชาติ สิ่งนั้นก็ประเสริฐแล้ว”
“มิได้ ข้าไม่ใช่เพียงแค่อิ่ม หากซ่านสยิว ทั้งโหยหารสมือเจ้าเหลือเกิน ยิ่งเมื่อรู้ว่า คนงามเป็นผู้ปรุงทุกสิ่งอย่างให้ข้ากิน ชีวิตนี้ นับว่าข้าตายตาหลับ”
เหลียงม่านฉี ร้อนรุ่มในร่มผ้า นางหุบยิ้มไม่ได้ ยามที่ดวงตาเขาทอแสงแห่งไฟราคะมาถึงนาง ความซ่านใจพลันบังเกิดอย่างรุนแรง นางต้องการเขา อยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตบุรุษผู้นี้ ดังนั้นกล่าวได้ว่า เขาไม่ได้ข่มเหงน้ำใจแม่ครัวเถื่อนแม้แต่น้อย