บทที่7
เพียงประตูของหอประมูลที่เปิดกว้าง ชายร่างใหญ่lองคนเดินย่ำเข้ามาหาเป่าฮู่ ด้วยเสียงที่แหบพร่า กล่าวถามถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ ด้วยความปกติและตามหน้าที่ของคนทั้งสอง
“คาราวะคุณชาย เชิญท่านเข้าด้านใน”
ผู้จัดการร้านที่มองจากที่ไกลมาพร้อมกระซิบผ่านอุปกรณ์ประดิษฐ์ของทางร้านประมูล ถึงการเชิญแขกคนนี้ขึ้นมาด้านบน ด้วยความสนใจที่ได้เห็นแต่แรกพบ
ชายหนุ่มที่ดูองอาจ ต่างจากคุณชายตระกูลใหญ่ทั่วไป แต่ใต้อาภรณ์นั้น กลับทำให้เถ้าแก่หนุ่ม เต้าอิงเฉิง ผู้นี้สนใจ ด้วยพรสวรรค์ที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิด ดวงตาพลังธาตุ
แม้จะเป็นคุณสมบัติที่พิเศษ แต่การเป็นลูกของคนใหญ่คนโตที่มากความสามารถ แต่กลับไม่อาจเปิดเผยความสามารถนั้นออกมาได้ จึงไม่ได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วงนี้ถูกบิดาส่งมาฝึกงานที่เมืองหู่ทำให้ตัวเต้าอิงเฉิง ต้องปกปิดตัวตนเองไว้
“คาราวะคุณชาย”
คำกล่าวเชื้อเชิญที่ดังออกมาจาก เต้าอิงเฉิง เป่าฮู่ก็รับฟังและคาราวะตอบ ด้วยมารยาทที่ดี
“ไม่ต้องเกรงใจข้ามากหรอก เถ้าแก่ ข้าต่างหากที่ต้องคาราวะท่าน ด้วยวันนี้มีเรื่องจำเป็นต้องมาพึ่ง หอประมูลของท่าน เอ่อ....”
เป่าฮู่แสร้งทำเป็นลังเลใจทั้งที่ ตัวของมันเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่เพื่อให้แนบเนียนจึงพยายามเล่นละครฉากหนึ่งออกไป แต่ทางด้านเต้าอิงเฉิงก็ไม่ธรรมดาเพียงดวงตานั้นจ้องลึกลงไปก็พอจะเห็นกลิ่นอายลางๆได้
“อื่มเชิญคุณชายกล่าวออกมาถึงสิ่งที่คุณชายกำลังเป็นกังวล หากทางเราช่วยได้นั่นย่อมต้องช่วยอยู่แล้ว เพราะอย่างไรเสียการที่คนๆหนึ่งมาที่นี่ ไม่ซื่อก็ขายคุณชายท่านมาด้วยประสงค์ใด?”
บัดนี้เป่าฮู่ เจอมวยถูกคู่เสียแล้ว การที่ถูกคนอื่นจับได้ไล่ทันนี้เป็นอะไรที่ไม่สนุกเอาเสียเลย และเพียงไม่นาน เป่าฮู่ก็นำเอาก้อนผลึกอสูรสีฟ้าก้อนหนึ่งออกมา
“เอ่อ ทางหอประมูลพอจะช่วยนำสิ่งนี้ไปขึ้นรางวัลที่จวนเจ้าเมืองแทนข้าได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกค้าคนแรกของวันกล่าวแบบนี้ เต้าอิงเฉิงก็ไปไม่เป็น เพราะชายคนนี้ไม่ได้มาซื่อหรือขาย แต่กลับมาจ้างวาน หอประมูลให้ออกหน้าให้
ข่าวที่ลือกันจนหนาหูในเมืองหู่ นั่นย่อมหนีไมพ้นหูตาของเต้าอิงเฉิง แต่กับคนบ้าประเภทใดกันที่มาจ้างหอประมูลศักดิ์สิทธิ์ทำเรื่องแบบนี้
แต่เต้าอิงเฉิงกับคิดเรื่องสนุกขึ้นมา เพราะก้อนผลึกอสูรก้อนนี้สมบูรณ์มากและยังเป็น อสูรเสือดาวเวหาที่น่าเกรงขามของภูเขาเมืองหู่
หากเต้าอิงเฉิงไม่ได้ต้องกามันคงคิดที่จะนำไปขึ้นรางวันเช่นกัน เมื่อคิดจนถี่ถ้วน เต้าอิงเฉิงเองก็ต้องการหาก้อนอสูรระดับนี้อยู่พอดี
เพื่อน้องสาวของตัวเต้าอิงเฉิงเองที่ใฝ่ฝันจะได้อสูรประเภทนี้ไว้สักตัว ด้วยนางเองก็ยังอายุไม่มากนัก เพียงเท่านั้นเต้าอิงเฉิงก็กล่าวว่า
“คุณชายคงกลัวสถานะที่มีรั่วไหล ได้ดังนั้น ในเมื่อให้ข้าเป็นคนกลาง เอาแบบนี้ ข้าจะขอเสนอซื้อก้อนผลึกอสูรนี้ไว้เอง โดยราคาจะอยู่ที่ เม็ดโอสถทะลวงใจระดับ 8 และกล่องปริศนา 1 กล่อง”
เมื่อคำกล่าวที่แปลกพิสดารออกไป ในยุคสมัย 100 ปีก่อนยังไม่มีคำกล่าวเรื่องกล่องปริศนา ทำให้สีหน้าของเป่าฮู่เปลี่ยนไป โดยเป่าฮู่แสร้งทำเป็นเก็บอาการไว้ แต่นั่นก็ไม่พ้นสายตาพลังธาตุของเต้าอิงเฉิง
“ตัวโอสถท่านคงไม่มีสิ่งใดขัดข้อง แต่ว่ากล่องปริศนานั้นเป็นของที่ พวกเราแดนศักดิ์จัดทำขึ้นโดยความตั้งใจแก่ศิษย์และเหล่าชาวยุทธ์ในยุทธภพ
ตั้งแต่ 100 ปีก่อนหน้า อันเป็นยุคแรกเริ่ม ด้วยการกำราบนิกายเสวียนอู่ลงและนำตำราให้ตำรานั้นออกมาบรรจุลงในกล่องปริศนา เพื่อให้เหล่าชาวยุทธ์ที่มีวาสนาได้ศึกษากัน แต่ว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนาหรือโชคชะตาจริงๆ”
เพียงกล่าวถึงสิ่งนี้ ในใจของเป่าฮู่ลุกโชนไปด้วยเพลิงที่เผาไหม้ จนเต่าอักขระต้องใช้พลังของมันอำพรางสิ่งเหล่านั้นไว้เพราะทั้งสองเชื่อมวิญญาณต่อกัน
แต่ภายใต้ความสงสัยของเต้าอิงเฉิงกลับคิดว่าชายหนุ่มอาจไม่พอใจที่จะได้ของมาเพียงเท่านี้ เพราะในกล่องปริศนามีทั้งของดีและไม่ดี แต่ว่าเมื่อจิตใจของเป่าฮู่สงบลง เต้าอิงเฉิงก็กล่าวขึ้นมาทันที
“เอ่อ หากข้าทำให้คุณชายไม่พอใจ ข้ายินดีเพิ่มจำนวนกล่องปริศนาให้แก่ท่าน เป็นจำนวน 2 กล่อง จากเดิม 1 กล่องหวังวาคุณชายคงพอใจ”
หลังจากประมวลความคิดสำเร็จและระงับโทสะลงได้ เป้าหมายของเป่าฮู่กลับเพิ่มขึ้นมาอีก 1 อย่างนั่นคือ ตามหากล่องปริศนา และนำตำราทั้งหลายกลับมาให้ได้มากที่สุด
“เอ่อ. เถ้าแก่ กล่องปริศนานี้ หากจะขอซื้อนั้นราคาตกอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่ต่อกล่อง?”
นี่เป็นสิ่งที่เต้าอิงเฉิงสนใจเช่นกัน ชายหนุ่มที่เงียบขึมกลับสนใจเสี่ยโชคแบบนี้
“เรียนคุณชายตามตรง กล่องปริศนา ราคานั้นไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเกินไป 1 กล่องตกอยู่ที่ 10 ก้อนผลึกลมปราณระดับสูง”
เมื่อได้ฟังทำให้เป่าฮู่ตกใจเช่นกันเงินจำนวนมากนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นภาพว่ากำไรที่แดนศักดิ์สิทธิ์นำเอามรดกตกทอดนับ 100 ปีมาขายทิ้งในราคาเท่านี้นับว่าความผิดนี้ไม่น่าให้อภัย
“ข้าขอบใจเถ้าแก่มากที่ช่วยชี้แจงข้า เอาหละข้ายินดีแลกเปลี่ยน และนี่คือก้อนผลึกอสูรของท่าน”