บทที่ 1 องค์หญิงพญามาร
บทที่ 1 องค์หญิงพญามาร
แดนปีศาจเมื่อหลายหมื่นปีก่อน พญามารได้ถือกำเนิดบุตรสาวที่ออกมาร่างกายแข็งแรงมีนิสัยซนและดื้อรั้น ถึงเป็นบุตรสาวของพญามารแต่ทว่านางกลับมีใบหน้าที่งดงาม และเป็นที่รักของเหล่ามาร เมื่อนางถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจนางจึงมีนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเอง เพราะรู้ว่าหากทำผิดก็ไม่มีผู้ใดกล้าลงโทษนางได้ นางซุกซนและดื้อรั้นจนตอนนี้นางมีอายุได้2000ปี (2000ปีของปีศาจเท่ากับ 20ปีของมนุษย์) สิ่งที่นางชอบที่สุดคือได้แอบหนีมาเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์
หมู่บ้านเฉินเย่าว์
ผู้คนมากมายพากันเดินซื้อของบางคนก็นำของมาขาย ชายฉกรรจ์พากันนั่งดื่มสุราอย่างคึกครื้น
"ซินหนี่ว์ เรากลับไปยังแดนปีศาจกันเถอะ ถ้าหากพญามารหาท่านไม่พบข้ากลัวว่าข้าอาจจะโดนลงโทษไปด้วย" นกเวทย์ที่เป็นดั่งสหายของซินหนี่ว์มาตั้งแต่เด็กได้เอ่ยขึ้น
"เจ้ามากับข้าจะกลัวอันใดเล่า อีกอย่างท่านพ่อไม่กล้าทำอะไรข้าหรอกน่า เราไม่ได้มาโลกมนุษย์แค่ครั้งสองครั้งนะ ทำเป็นกลัวไปได้" นางยังคงวิ่งเล่นอยู่บนถนนอย่างอารมณ์ดี แตกต่างกับสาวใช้ของนาง
"ก็เพราะทุกครั้งมีท่านหานโจวช่วยเหลือไว้ ถ้าหากไม่มีท่านหานโจวข้าเองไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง" นกเวทย์หรือฉู่ลี่หยางได้นึกถึงเวลาที่พญามารกำลังจะทำโทษก็นึกกลัวขึ้นมา
"เจ้าเลิกบ่นข้าเสียที เดี๋ยวครั้งหน้าข้าไม่เอาเจ้ามากับข้าแน่นอน ข้าจะแอบมาเพียงผู้เดียว"
"ท่านนี่เอาแต่ใจตนเองจังเลยนะเจ้าคะ"
"มาๆ รีบเดินตามข้ามาตอนนี้ข้าได้กลิ่นของอร่อยอยู่ด้านหน้า เจ้าก็รู้ว่าบนโลกมนุษย์มักมีของอร่อยๆ กว่าเผ่ามารของข้านี่" พูดจบซินหนี่ว์รีบวิ่งไปหาอาหารที่กำลังอยู่บนเตาย่างเชิญชวนนางด้วยกลิ่นหอมโชยชวน
เมื่อฉู่ลี่หยางเดินตามก็เห็นอาหารที่ซินหนี่ว์อยากกินนางก็หน้าซีดทันที เพราะอาหารที่ถูกมนุษย์ย่างขายอยู่นั้นคือนกย่าง แล้วนางที่เป็นนกเวทย์เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังซะเหลือเกิน
“ท่านคงไม่ได้อยากกินสิ่งนี้หรอกใช่มั้ย “ ฉู่ลี่หยางได้ดึงเสื้อของซินหนี่ว์ถามเพื่อยืนยัน
“ใช่! ข้าจะกินสิ่งนี้แหละ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเนื้อของนกย่างนั้นอร่อยมากแค่ไหนเนื้อขาวๆ ที่ถูกย่างด้วยไฟอ่อนๆ ช่างหอมน่ากินยิ่งนัก” ซินหนี่ว์พูดจบก็รีบใช้ปลายเสื้อของตนเช็ดน้ำลายที่ปาก
“งั้นข้าจะไม่ห้ามหากว่าท่านจะลงมาที่โลกมนุษย์บ่อยๆ เพราะที่แดนปีศาจนั้นคงมีเพียงข้าที่เป็นนกให้ท่านจับได้ง่ายดาย แต่หากวันใดท่านโดนพญามารสั่งไม่ให้ออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ข้าคงไม่ถูกท่านจับกินหรอกใช่มั้ยเจ้าคะ”
“ฮ่า ฮ่าเจ้านี่คิดมากเสียจริง ผู้ใดจะกล้ากินสหายของตนเองเล่า เอานี่ข้าซื้อให้เจ้าด้วยลองชิมดูว่าเนื้อของตระกูลเจ้าจะอร่อยเพียงใด” ซินหนี่ว์ล้วงเงินให้กับพ่อค้าและยื่นนกที่อยู่ในไม้เสียบให้ฉู่ลี่หยางได้ชิม
“ผู้ใดจะกล้ากินเจ้าคะ ท่านเอาไปเถอะแค่ข้าเห็นก็รู้สึกขนลุกแล้วเจ้าค่ะ “ ฉู่ลี่หยางได้ยื่นคืนให้ซินหนี่ว์ นางก็จับมากัดกินอย่างแสนอร่อยและได้เดินไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังขึ้นมา
“เจ้าคนสกปรก ออกไปจากหน้าร้านของข้านะ เดี๋ยวจะทำให้ผู้คนรังเกียจและไม่กล้ามาซื้อของ ของข้า” หญิงชราเริ่มด่าทอชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางหิวโซ
“ข้าแค่ขอข้าวปั้นสักก้อน ได้โปรดเมตตาให้ข้าเถอะ” ชายยื่นมือออกมาขอทำให้หญิงชราโมโหที่บอกไม่ฟัง เขาจึงเอาไม้ฟาดที่มือของเขาจนเป็นรอยบวมแดง แต่เขาก็ไม่ร้องออกมาแม้แต่น้อย
“เจ้านี่พูดไม่ฟัง ข้าไม่ให้ข้าบอกแล้วอย่างไรว่านี่มันเป็นของที่ข้าขาย หากเจ้าต้องการเจ้าต้องไปหาอัฐมาซื้อมิเช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะให้ ” นางตวาดแถมใช้ไม้ไล่ตีจนชายคนนั้นรีบหนีออกไปด้วยความหิวโหย ซินหนี่ว์นางมองดูอยู่ก็เกิดรู้สึกสงสารจึงได้เดินไปซื้อข้าวปั้นที่ร้านของผู้เฒ๋านำไปให้ชายผู้นั้น
“ท่านป้าข้าขอซื้อข้าวปั้นก้อนนั้นหนึ่งก้อน” เมื่อนางเห็นซินหนี่ว์ก็รีบยิมอย่างเบิกบานและขายให้ซินนี่ว์ทันที
“นี่จ้ะข้าวปั้นของเจ้า ” นางยื่นข้าวปั้นที่ห่อในกระดาษมองให้นาง ซินหนี่ว์จ่ายเงินก่อนจะเดินตามชายผู้นั้นไป ก็พบว่าชายผู้นั้นกำลังจะถูกชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านกำลังถูกรังแกซ้ำอีก
“โอ๊ย! ข้าบอกว่าข้าเหม็นกลิ่นกายเข้า ออกไปไกลๆ และอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า มิเช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าอีก กล้าดีอย่างไรมาขโมยไก่ของข้าไปกิน ” ชายฉกรรจ์ใบหน้าเหี้ยมโหดทุบตีเขาจนนอนกองอยู่ที่พื้น ชาวบ้านที่อยู่ระแวกนั้นต่างก็สงสารแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยสักนิด
“ข้าว่าชีวิตของเขาก็น่าเวทนา เสียภรรยาที่แต่งงานกันได้ไม่นานเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต้องมาเสียครอบครัวไปอีกทำให้เขาต้องกลายเป็นชายเสียสติทั้งๆ ที่เป็นคนดีข้าละสงสารจริงๆ” สตรีนางหนึ่งได้พูดคุยกันทำให้ซินหนี่ว์ที่ยืนฟังอยู่ก็เกิดสงสารเขามากกว่าเดิม
“ซินหนี่ว์เรารีบไปเถอะเจ้าคะข้าเห็นท่านเดินตามชายผู้นี้มาสักระยะแล้ว ทำไมต้องตามด้วย” ฉู่ลี่หยางได้เอ่ยถาม
“ข้าสงสาร ไม่รู้ล่ะถึงรู้ว่าการเข้าาแทรกแทรงชะตากรรมชีวิตของใคร แต่เมื่อข้าเห็นคนที่กำลังถูกกระทำเช่นนี้ข้าจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร เอานี่เจ้าถือข้าวปั้นไว้ก่อน” ซินหนี่ว์ยื่นข้าวปั้นมาให้ฉู่ลี่หยางถือเอาไว้ ฉู่ลี่หยางรู้ได้ทันทีว่าองค์หญิงของตนกำลังเข้าไปช่วยเหลือชายผู้น่าสงสารนั้น
“ซินหนี่ว์อย่า…” แต่ไม่ทันแล้ว ซินหนี่ว์นางมิได้ใช้พลังเพียงแต่ใช้วิชาป้องกันตัวอย่างที่มนุษย์ใช้กันเท่านั้นดึงตัวของชายฉกรรจ์ที่กำลังต้อยเขาอยู่ออกอย่างง่ายดาย ทำให้เขาโมโหและหันมาต่อว่านาง
“ผู้ใดมันช่างกล้ามาขัดขวางข้า ไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้านั้นเป็นผู้ใด”
"ข้าเป็นผู้ใดไม่เกี่ยวกับท่าน แต่ที่ท่านทำเช่นนี้กับชายที่ไร้ทางสู้เช่นนี้กล้าเรียกตนเองว่าเป็นบุรุษหรือ " ซินหนี่ว์เดินไปหาชายคนนั้นพร้อมพยุงเขาลุกขึ้นมา ทำให้ชายฉกรรจ์เป็นใบหน้าที่งดงามของซินหนี่ว์คิดว่านางต้องรู้จักกับชายผู้นี้เป็นแน่เขามองนางอย่างหยาดเยิ้มก่อนจะใช้มือลูบที่ปากตนเองและเดินเข้ามาสำรวจดูรูปร่างของนางแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ฮ่า ฮ่า เจ้าเองก็หน้าใบงดงามไม่เบาหากเจ้าอยากให้ข้าหยุดทำร้ายเจ้านี่ละก็เจ้าเองก็ใช้ร่างกายของเจ้าจ่ายค่าไก่ของข้ามาส่ะ "