บท
ตั้งค่า

ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด 1

รถยนต์คันหรูจอดสนิทอยู่ริมข้างทาง เจ้าของรถนั่งฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมาไม่ขาดสาย ร่างบางสั่นเทิ้มจากแรงสะอื้นด้วยความเสียใจและเจ็บปวด แก้มเนียนสองข้างอาบไปด้วยน้ำตา ไม่สนใจสิ่งรอบข้างรวมทั้งรถราที่แล่นอยู่บนท้องถนนในช่วงเวลาเที่ยงวันเลยสักนิด ในสมองมีแต่ภาพของบุริศร์และนุ่นที่เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยกัน

เมื่อคืนเขายอมทิ้งนัดทานอาหารเย็นกับเธอ เพื่อพาผู้หญิงคนนั้นไปหาหมอ เขาเลือกที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมากกว่าอยู่กับเธอ วันนี้เขาก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธเธอ เพื่อออกไปทานอาหารกลางวันกับผู้หญิงคนนั้น

“คุณแม่ทำน้ำเงี้ยว ท่านก็เลยให้รักเอามาฝาก พี่ตามอยู่ทานด้วยกันก่อนซิคะ”

“พี่นัดกับนุ่นไว้แล้ว พี่คงอยู่ทานด้วยไม่ได้”

สุดที่รักปล่อยโฮออกมาปานใจจะขาด หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งดวง เมื่อหวนคิดถึงคำพูดใจร้ายที่ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

เจ็บ จนไม่รู้จะเจ็บยังไง

เสียใจ จนไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน

ทำไม...ทำไมเขาไม่คิดจะรักษาความรู้สึกของเธอบ้าง ทำไมเขาไม่คิดจะแคร์เธอบ้าง ไม่คิดสนใจเธอบ้าง ว่าเธอจะรู้สึกยังไง ทำไมเขาถึงได้ทำร้ายจิตใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หรือคนที่ผิดคือเธอ ที่คาดหวังในตัวเขามากเกินไป คิดว่าเขาต้องดูแลเอาใจใส่ สนใจ และรักเธอเหมือนดั่งเธอรักเขา เมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง ก็มานั่งร้องไห้เสียใจอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูกระจกด้านข้าง เรียกให้คนที่นั่งซบหน้าอยู่ที่พวงมาลัยเงยหน้าขึ้นมอง และรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างรถ กดเลื่อนกระจกลง

“เป็นอะไรหรือเปล่ารัก รถเสียเหรอ ทำไมมาจอดอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยผสมความร้อนใจเอ่ยถามขึ้น โดยเฉพาะสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นไร เจไดมีอะไรหรือเปล่า” รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว

“พอดีเราขับรถผ่านมาทางนี้ เห็นเหมือนรถรักจอดอยู่ ก็เลยลงมาดู และก็ใช่จริงๆ ด้วย” สุดที่รักยิ้มออกมา พลางต่อว่าตัวเองคิดในใจว่าเธอทำอะไรลงไป ทำให้คนอื่นเป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ

“รักเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเหมือน...”

“อ๋อ! พอดีเราขับรถมาแล้วรู้สึกเคืองตา เหมือนมีอะไรเข้าตาก็เลยจอดรถดูน่ะ สงสัยจะขยี้ตาแรงไปหน่อยตาเลยแดง”

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะ” ถามย้ำออกมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจและเป็นห่วง ความรู้สึกที่มีให้สุดที่รักมากกว่าคำว่าเพื่อน ที่ต้องเก็บไว้ไม่สามารถเอ่ยบอกออกไปให้หญิงสาวรับรู้ ว่าตัวเองนั้นรู้สึกเช่นไร พูดไปก็คงไม่มีประโยชน์เพราะหญิงสาวมีคู่หมั้นอยู่แล้ว

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” เอ่ยย้ำให้อีกคนหายเป็นกังวล

"โอเค เราจะได้สบายใจ"

“เจไดไปเถอะ ขอบใจนะที่ลงมาดู เราเลยทำให้เจไดเสียเวลาไปด้วยเลย”

“ไม่เป็นไร งั้นเราไปก่อนนะ ขับรถดีๆ นะรัก”

“ค่ะ เจไดก็เหมือนกันนะ ขับรถดีๆ” เจไดยกมือขึ้นโบกลา หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินกลับไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหลัง

สุดที่รักจึงขับรถออกสู่ถนนอีกครั้ง พลางคิดในใจหากเป็นบุริศร์เห็นรถเธอจอดอยู่แบบนี้ เขาจะลงมาดูเธอเหมือนเจไดไหม หรือความจริงเขาอาจจะจำรถเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อกลับมาถึงบ้านสุดที่รักก็เดินตรงไปยังห้องครัว เพื่อนำน้ำเงี้ยวที่เธอนำไปฝากบุริศร์เข้ามาเก็บ ได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้มารดาอยู่ในห้องครัวเลยเถิด แต่ดูเหมือนคำภาวนาของเธอจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย

“กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมกลับมาเร็วจัง แล้วนั่น...พี่ตามไม่อยู่เหรอลูก ถึงได้เอาน้ำเงี้ยวกลับมาด้วย”

สุดที่รักยิ้มเฝื่อน เดินมานั่งลงเก้าอี้ข้างมารดา ที่กำลังเตรียมอาหารเพื่อทำมื้อเย็นช่วยป้าขวัญใจ แม่บ้านใหญ่รวมทั้งเป็นแม่นมของสุดที่รักและพี่ชาย

“พี่ตามออกไปคุยงานกับลูกค้าและทานข้าวข้างนอกค่ะ” นางดวงฤทัยยิ้มให้บุตรสาว วางมือจากงานที่ทำ ยื่นมือมาลูบศีรษะเล็ก เพราะจับความเศร้าและความผิดหวังในน้ำเสียงของบุตรสาวได้

“ไม่เป็นไรลูก แล้วนี่หนูทานอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวแม่ให้ป้าขวัญทำให้”

“ทานไหมคะคุณหนู เดี๋ยวป้าจัดการให้ แป๊บเดียวค่ะ” ป้าขวัญใจที่นั่งอยู่ ก็รีบเอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

“ไม่เป็นไรค่ะป้าขวัญ รักไม่หิวค่ะ...คุณแม่คะ คุณพ่ออยู่ไหมคะ”

“อยู่ลูก อยู่ในห้องทำงาน หนูมีอะไรหรือเปล่า”

“หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อและก็คุณแม่ค่ะ” ดวงฤทัยพยักหน้ารับ ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel