บท
ตั้งค่า

น้ำหยดลงหิน 1

น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจของคนจะไม่หวั่นไหว....

ประโยคนี้คงคุ้นหูกันอยู่บ่อยๆ และคงเป็นประโยคที่ใช้หลอกตัวเองอยู่ทุกวี่วันมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นประโยคที่ใช้ปลุกความฮึกเหิมให้ตัวเองแทบทุกวัน นับจากวันหมั้นจนถึงวันนี้ แต่ก็ไม่รู้หินที่ว่านั้นจะกร่อนลงเมื่อใด หรือน้ำที่หยดลงจนหยดสุดท้ายจนหมดไป หินก้อนนั้นก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นเดิม

ร้านอาหารชื่อดังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนชั้นบนสุดของร้าน บรรยากาศเปิดโล่งรับลมเย็นที่พัดผ่านในยามค่ำคืน มีนักดนตรีบรรเลงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ประดับประดาตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีแดงสด ชวนให้บรรยากาศโรแมนติก เหมาะสำหรับคู่รักที่จะมาเติมความหวานดินเนอร์ในค่ำคืนสุดพิเศษ

เช่นเดียวกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ร่างผอมเพรียวสะโอดสะองมีส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนตาภายใต้ชุดเดรสสีขาวน่ารัก ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบาแลดูเป็นธรรมชาติ ผมดำยาวถูกรวบรัดขึ้นไปครึ่งศีรษะมีโบสีขาวน่ารักเข้ากับชุดติดประดับไว้ ยิ่งทำให้หญิงสาวดูเป็นสาวหวานน่ารักน่าทะนุถนอม

ทว่าตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชะเง้อคอมองทางเดินเพื่อมองหาคนที่นัดกับไว้

นาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเล็กที่พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญ ในวันที่เธอสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ด้วยเกียรตินิยมถูกยกขึ้นดูเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าคนที่นัดไว้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

มือถือเครื่องหรูยกขึ้นมาหมายจะโทรหาคู่หมั้น แต่คิดไปคิดมาก็ต้องตัดใจไม่โทรหา แต่เลือกที่จะเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์เพื่อดูว่า คู่หมั้นของตนนั้นได้เปิดอ่านไลน์ที่ส่งไปให้หรือไม่ และสิ่งที่เห็นคือ บุริศร์เปิดอ่านแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป นั่นก็แสดงว่าชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอนัดให้เขามาทานอาหารเย็นด้วยกันในค่ำคืนนี้

“สงสัยเคลียร์งานยังไม่เสร็จล่ะมั้ง” นั่นคือข้ออ้างที่ดีที่สุด ที่จะไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่มากไปกว่านี้

“คุณผู้หญิงจะให้เสิร์ฟอาหารเลยไหมครับ” เสียงบริกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อถึงเวลาที่สุดที่รักแจ้งไว้ ให้นำอาหารมาเสิร์ฟ

“ยังค่ะ ฉันขอน้ำส้มสักแก้วก่อนนะคะ”

“ได้ครับ” สุดที่รักมองตามหลังบริกรที่เดินออกไป พร้อมกับลมหายใจที่ถูกถอนออกมาเบาๆ เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมืออีกครั้ง

สามทุ่ม...เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมง

บนชั้น 50 ของโรงแรมสุดหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกจัดสรรเป็นห้องทำงานของผู้บริหาร และหนึ่งในห้องนั้นคือห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุดอย่างบุริศร์ บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เครื่องคอมพิวเตอร์ราคาแพงสมกับประสิทธิภาพในการทำงานถูกเปิดตั้งแต่เก้านาฬิกาจนถึงเวลานี้

ชายหนุ่มเจ้าของห้องยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่เวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ตาม ทว่าชายหนุ่มกลับนั่งอยู่ที่เดิม ทั้งที่เลยเวลานัดรับประทานอาหารเย็นกับคู่หมั้นมาแล้ว

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงฝ่าความเงียบขึ้นมา ทำให้บุริศร์เหลือบสายตามองเจ้าโทรศัพท์เครื่องบางที่วางอยู่ฝั่งซ้ายมือ เห็นชื่อของบุคคลที่โทรเข้ามาก็รีบคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย

“ว่าไงนุ่น...เป็นอะไรมากหรือเปล่า...ได้ๆ เดี๋ยวเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้” สิ้นเสียงพูด จอคอมพิวเตอร์ที่ถูกเปิดไว้มาร่วมสิบชั่วโมงก็ถูกปิดลงด้วยความเร็วอย่างไม่รีรอ แม้ก่อนหน้านั้นไฟล์งานจะถูกเปิดขึ้นมากกว่าสามไฟล์ก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจ ร่างสูงรีบคว้ากุญแจรถในลิ้นชัก ออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว

รถสปอร์ตหรูแบรนด์ดังจากสหราชอาณาจักรสีขาวพุ่งทะยานสู่ถนนเส้นหลัก ฝ่าความมืดไปยังจุดหมายปลายทางด้วยความเร็วสูง พอๆ กับความร้อนใจของผู้ขับ และในเวลาไม่นานรถยนต์ก็จอดสนิทหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง

เจ้าของรถรีบลงจากรถและเดินเข้าไปด้านในคอนโดอย่างคุ้นเคย เหมือนมาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง และเพียงไม่กี่นาทีผ่านไป ร่างสูงก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับมีหญิงสาวเดินเคียงข้างออกมา

โดยมีชายหนุ่มประคองร่างบางไว้ไม่ห่าง สีหน้าฉายแววกังวลและเป็นห่วงออกมาชัดเจน ก่อนทั้งคู่จะเข้าไปในรถยนต์และขับออกไป

โทรศัพท์มือถือที่สั่นขึ้นติดๆ กันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เป็นการบอกว่าโทรศัพท์ที่ชายหนุ่มกำลังถืออยู่มีสายเรียกข้า ทว่าบุริศร์เพียงแค่เหลือบมองดูเท่านั้น ไม่ได้กดรับสายแต่อย่างใด ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นเคย ทำเหมือนคนที่โทรเข้ามาไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย เท่ากับหญิงสาวที่นั่งใบหน้าอิดโรยอยู่ข้างกาย

และเสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ก็ดังขึ้นมาแทนที่สายเรียกเข้า ทว่าครั้งนี้บุริศร์ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนก่อนหน้า กดเปิดเข้าไปอ่านในทันใด

“พี่ตามงานยุ่งเหรอคะ ลืมที่รักนัดทานข้าวไว้หรือเปล่า”

“งั้นไว้เราค่อยไปกันวันหลังก็ได้เนาะ ตั้งใจทำงานนะคะ อย่าหักโหมมากพักผ่อนบ้างนะ ถ้าอย่างนั้นรักไม่กวนแล้วนะคะ พี่ตามจะได้ทำงาน”

“รักรักพี่ตามนะคะ”

บุริศร์กวาดสายตามองข้อความที่คู่หมั้นสาวส่งมาด้วยสายตาเฉยชา ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มของความดีใจประดับบนใบหน้าแม้แต่นิด ทว่าแวบหนึ่งของเสี้ยววินาทีสายตาของชายหนุ่มกลับฉายแววความรู้สึกผิดออกมา ในขณะที่สายตาจ้องมองอยู่กับประโยคสุดท้ายอยู่นานสองนาน

“ตามมีธุระเหรอ ถ้าตามมีธุระไปเลยก็ได้ เดี๋ยวเรากลับเอง” บุริศร์รีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง และเก็บเข้าใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม หันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย

“ไม่เป็นไรหรอก”

“คุณนลินนิภาเชิญพบคุณหมอค่ะ” เสียงเรียกของพยาบาลดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หยุดการสนทนา เจ้าของชื่อรีบลุกยืนขึ้นโดยมีบุริศร์ประคองเดินเข้าห้องตรวจไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel