ตอน 1
ส้มตำปูปลาร้าพริกสิบเม็ดที่ใฝ่ฝัน วันนี้แล้วสินะที่จะได้กิน กลิ่นโชยหอมเตะจมูกกระตุ้นต่อมอยากกมลฉัตร ปิยะฉาย อยู่บ้านไม่ได้ดีดตัวจากเปลยวน ทั้งที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอนไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ความอยากไม่เคยปรานีใคร น้ำลายไหลเต็มปากราวกับคนท้องอยากกินของเปรี้ยว ความสามารถในการนอนอยู่เฉยๆ จึงเป็นศูนย์ กระเพาะเรียกร้องลั่นโครมๆ ใครจะอยู่นิ่งไหว ป้ายขาลงจากเปลยวนพุ่งไปหยิบกุญแจมอเตอร์ไซด์ ยามาฮ่า ออลนิวฟีโน่ สีชมพูหวานเจ็บตับ ขัดกับบุคลิกคนป้ายขาขึ้นนั่งคร่อมบนเบาะหนังสีดำ
“ฉัตรจะไปไหนแดดร้อนเปรี้ยงๆ ไหนว่าจะพักผ่อนไง” กานดา ปิยะฉาย ยืนกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน เห็นลูกสาวรีบร้อนคว้ากุญแจป้ายขาขึ้นนางพิ้งแปลกใจ เอ่ยถามคนเหนื่อยต้องการพักผ่อนดันจะออกไปตากแดดตากลม
“อยากกินส้มตำค่ะแม่ เปรี้ยวปาก ร้อนแค่นี้สบายมาก อย่าลืมสิคะฉัตรเพิ่งกลับจากดูไบ ร้อนกว่านี้หลายเท่านะคะ” หญิงสาวยิ้มหวาน ถือหมวกกันน็อกเตรียมสวมลงศีรษะ
“พักบ้างเถอะฉัตร กลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแม่ออกไปซื้อให้ ไอ้ส้มตำปูปลาร้าปริกสิบเม็ดน่ะ เห็นแล้วแสบไส้แทน”
“แซ่บนะแม่” ส้มตำเจ้าอร่อยหน้าปากซอยร้านง่ายๆ เพิงหมาแหงน ไม่ต้องอะไรมาก ของร่อยไม่ต้องหรูลูกค้าล้นร้าน ไม่ไปตอนนี้จะได้กินตอนไหน แต่ละวันลูกค้าเข้าแถวยาวไปถึงดาวอังคาร
“มามาแม่จะไปซื้อให้” คนเป็นแม่เป็นห่วงอยากให้ลูกพักจึงขันอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ฉัตรไปเอง” ฉัตรอยากไปหาของกินอย่างอื่นด้วย การกลับมาบ้านได้โอบกอดแม่กับยาย นับว่าเป็นสิ่งวิเศษสำหรับหญิงสาวที่เดินตามรอยบิดาแล้ว ถึงแม้โหยหาอ้อมกอดความรักจากครอบครัว ในเวลาทำงานเธอสามารถเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเต็มที่กับงานโดยไม่ได้พะวงต่อสิ่งใด หญิงสาวแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกเป็นคนละเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม
“เอาแบบนั้นนะ ไม่เหนื่อยหรือไง พักผ่อนดีไหม” แม่แสดงความเป็น ห่วงลูก
“ถ้าได้กินส้มตำปูปลาร้าร้านป้าจุ๋ม หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะแม่” นึกถึงทำปากซี๊ด หลับตาได้อารมณ์ความแซบเข้าเส้น “ไปนะแม่” พุ่งตรงไปยังเพิงร้านส้มตำป้าจุ๋ม สายตาบ่งบอกว่าหิวมาก จนมารดาไม่อาจทัดทาน
“แม่กานหล่อนคุยกับใคร” หญิงชราผมสีดอกเลา สายตาฝ้าฟาง ก้าวเดินด้วยท่วงท่าสโลว์ไลฟ์มายังหน้าบ้าน
“ฉัตรไงแม่”
“ฉัตรไหน”
“หลานรักของแม่ไง”
หลายวันมานี้นางนิตยา มารดาของกานดา มีอาการแปลกๆ ตั้งคำถามประโยคซ้ำๆ พอบอกไปแล้ว ไม่ถึงสามนาที วกกลับมาถามใหม่ กมลฉัตรกลับมาร่วมชั่วโมง หญิงชราถามว่าใครมาร่วมห้าครั้งเข้าไปนอนเอนหลังพักผ่อน
“หลาน...อ๋อ หลานสาวฉันนะหรือ ว่าแต่มันกลับมาจากทำงานตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่เห็น” หลานคนนี้กลับมาทำไมไม่มาบอกกล่าวยาย เจอตัวจะตีให้ก้นลายเหมือนตอนเด็กๆ
“กลับแล้วแม่” กานดารู้ดีกว่าตัวเองตอบแม่ไปหลายครั้ง พอแม่ถามเต็มใจตอบอีกที
“นั่นยายฉัตรจะไปทำงานอีกหรือ”
“ไม่หรอกแม่ ฉัตรมันไปซื้อส้มตำ”
“อ้อๆ เข้าใจแล้ว แม่จะเข้าไปเอนหลังหน่อยนะ” อีกแล้วหรือแม่
“ฉันพาไปนะแม่” กานดาเชื่อว่าคงเป็นเพราะวัยชราของแม่ จึงทำให้ขี้หลงขี้ลืม ตามประสาคนวัยนี้ อีกไม่นานนางก็คงเข้าสู่วัยนี้ จึงคิดว่าปรนนิบัติท่านในฐานะลูกอย่างสุดกำลัง คือสิ่งที่ดีสุด สิ่งที่สำคัญคนเป็นแม่ ห่วงลูกสาวที่เพิ่งพานางพิ้งบึ่งออกไปซื้อส้มตำของโปรดโน่นแหละ
ยี่สิบนาทีเสียงนางพิ้งครางกระหึ่มผ่านประตูบ้านเข้ามา ตามมาด้วยเสียงผิวปากคนที่ให้นางพิ้งพาไปซื้อส้มตำป้าจุ๋มเจ้าโปรด
“คุณค่าที่เราคู่ควร” ยกถุงส้มตำขึ้นมอง แววตาเปี่ยมไปด้วยความกระหายอยากจัดการกินซะให้หมดเกลี้ยง “ป้าจุ๋มน๊า จะรัดให้มันติดรอบคัดเลือกนักกีฬาโอลิมปิกเลยหรือไง” โอดครวญกับการรัดถุงส้มตำ แน่นหนาราวกับความลับของชาติ ไม่อาจเปิดเผย ถ้าส่งชิงโอลิมปิกป้าจุ๋มก็น่าจะเข้ารอบได้อย่างสบาย “นี่ถ้าไม่อยากจริง ไม่มีวันทนนะเนี่ย” ส้มตำในถุงยั่วยวนน้ำลายหกเรี่ยราดเป็นปี๊บๆ
“แกะไม่ได้ก็ไปหยิบมีดในครัวมาตัดสิฉัตร” แม่มาเห็นเข้าอดไม่ได้แนะให้ใช้การตัดซะ
“ความคิดดีมากแม่” การจะได้กินส้มตำร้านป้าจุ๋มไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกว่าพี่ตูนวิ่งจากกรุงเทพไปเบตงซะอีก มันต้องอดทน นอกกจากอดทนซิ่งนางพิ้งไปปากซอย ไปถึงใช่ว่าสั่งกินได้เลยต่อคิวยาวเหยียด ไปเที่ยงได้กินบ่าย ไปบ่ายอย่าหวังได้กินหมดรอล้างจานอย่างเดียว
กมลฉัตรไม่ชอบส้มตำที่ใช้การขูด มันไม่คูล สไตล์การสับแล้วค่อยๆ ซอยคือได้อารมณ์มาก นั่นคือต้องเป็นร้านป้าจุ๋มนี่แหละสุดยอดปรารถนา
สายตากมลฉัตรจ้องอยู่ตรงจานส้มตำที่ทำสำเร็จด้วยการใช้มีดตัดปากถุงแล้วบรรจงเทอย่างตั้งใจ กลิ่นปลาร้ากรุ่นโชยเข้าจมูก วิญญาณหญิงสาวล่องลอย หยิบส้อมตั้งใจจ้วงความปรารถนาของตัวเองเข้าปาก
ตื้ด ตื้ด ตื้ด
ความแซบกำลังเข้าปาก โทรศัพท์บ้าดันมาดังขัด ยิ่งกว่ายมทูตเรียกวิญญาณ หญิงสาวซังกระตายมาก อ่า...เส้นมะละกอจะถึงปากอยู่เชียว
“รับก่อนสิฉัตรเผื่อเขามีธุระ ส้มตำกินตอนไหนก็ได้แม่ไม่แย่งกินหรอกเผ็ดซะขนาดนั้น”
“แม่ห้ามจกของหนูนะ”
“โวะ เผ็ดจะตายใครจะกินลง”
กมลฉัตรวางส้อมลงอย่างเสียดาย หยิบโทรศัพท์ พอเห็นเบอร์ใบหน้าเปื้อนความอยากส้มตำ ได้แต่พ่นลมหายใจออกจากปากฟู่ใหญ่
“ค่ะบอส” กรอกเสียงทักทายปลายสายซังกะตาย ไม่มีเรื่องรับรองสายนี้ไม่โทร.
“สิบนาทีเข้ามาพบผมที่สำนักงาน”
“มีเรื่องด่วนหรือคะบอส” มองจานส้มตำแว๊บๆ แทบอยากสิงส้มตำ
“สิบนาทีรับรองรู้ แค่นี้ล่ะ” บอสวางสายหน้าตาเฉย นี่คือเกมบังคับไม่ใช่การขอร้อง กมลฉัตรทราบดี
“บอสก็รู้ว่าการจราจรบ้านเรา สิบนาทียังออกจากปากซอยไม่ได้เลย”
“เหลือเก้าแล้วนะ”
“เข้าใจค่ะ” กรอกตาเอือมสุดๆ ตัดสายอาลัยส้มตำ ไก่ย่าง ขนมจีน ข้าวเหนียวร้อนๆ “แม่” มองมารดาแทบอยากร้องไห้
“ว่าไงฉัตร” สีหน้ากมลฉัตรเสียดายส้มตำน่าดู
“ฉัตรฝากส้มตำด้วยนะแม่” น้ำเสียงสุดกลั้นสั่งเสียให้มารดาดูแลส้มตำจานนั้นแทบขาดใจ ดวงตาคลอเบ้า
“กินก่อนจะรีบไปไหน” เวลากินไม่ได้กินเวลานอนไม่ได้นอน เตือนก็ไม่เคยฟัง รั้นเป็นอย่างไรละ
“เจ้านายเรียกตัวค่ะ คิดว่ามีเรื่องด่วน” บอสไม่เคยรบกวนเวลาพักผ่อนของลูกน้อง ถ้าไม่มีเรื่องด่วนคอขาดบาดตาย โดยเฉพาะเรื่องงาน มักถูกวางแผนการไว้ล่วงหน้า ใครทำหน้าที่อะไร จุดไหน ถูกเตรียมไว้ทั้งหมด นี่คงเป็นภาวะฉุกเฉิน