ตัวแทนรักเสนาบดีร้าย

113.0K · จบแล้ว
ฮูหยินซี
78
บท
27.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลี่ลี่จวินไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะถูกสามีหักหลังโดยการคบชู้กับน้องสาวของตัวเอง ทรยศต่อความรักครั้งนี้ยังไม่พอ คนทั้งคู่ยังพยายามฆ่าเธอด้วยการผลักตกตึก สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องตายด้วยน้ำมือคนทั้งคู่ ราวสวรรค์แกล้ง ตายแล้วก็ไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่เหมือนคนอื่น แต่กลับทะลุมิติไปเข้าร่างของหวังลี่จวินคุณหนูช้ำรักจนตัวตาย เริ่มลมหายใจเฮือกใหม่ก็ต้องแต่งงานกับเสนาบดีผู้เย็นชา เขายังใช้นางเป็นตัวแทนภรรยาเก่าที่จากไป จะมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม

นิยายจีนโบราณนิยายรักท่านอ๋องจีนโบราณแต่งงานก่อนรักนิยายย้อนยุคพาลูกกหนี

บทนำ

บทนำ

การล่มสลายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก ทำให้แผ่นดินอยู่ในสภาวะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราชวงศ์จิ้นย้ายฐานที่มั่นทางการปกครองและเมืองหลวงลงไปทางใต้ สถาปนาราชวงศ์จิ้นตะวันออก(ค.ศ.317-420) ในขณะที่สถานการณ์ทางตอนเหนือวุ่นวายหนัก แผ่นดินที่แตกออกเป็นแว่นแคว้นที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยจากชนเผ่าต่าง ๆ ผลัดกันรุกผลัดกันรับผลัดกันแพ้ชนะ ผ่านการล้มล้างแล้วก่อตั้งใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า สู่การหลอมรวมทางชนชาติครั้งใหญ่ของแผ่นดิน มีทั้งหมดห้าชนเผ่าได้แก่ ซยงหนู เซียนเปย์ เจี๋ย ตี เซียง และสิบหกแคว้น

ในช่วงรัชสมัยนี้การปกครองของจิ้นอันตี้ฮ่องเต้ เมืองหลวงคือเมืองเจี้ยนคัง สถานการณ์ทางการเมืองต่างก็ค่อนข้างสงบ มิค่อยมีสงครามเฉกเช่นแต่ก่อน อาจจะมีการรุกรานกลับบ้างระหว่างแคว้นเป็นการแย่งเมืองเล็ก ๆ ตามชายแดนแต่ว่าก็ไม่ถึงกับยกทัพใหญ่มาห้ำหั่นกัน

ณ จวนเจ้ากรมพิธีการมีอยู่ห้องหนึ่งที่ปิดประตูหน้าต่างเสียจนแทบจะไม่ให้ลมเข้า ภายในห้องเงียบสงัดจนคล้ายจะได้ยินเสียมลมหายใจของหญิงสาวผู้โดดเดี่ยว

สตรีงดงามนางหนึ่งกำลังก้าวขาขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ นางเงยหน้าขึ้นไปมองเชือกเส้นหนึ่งที่ทำเป็นบ่วงห้อยลงมาจากขื่อ บ่วงนี้นางทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง หมายมั่นว่ามันจะสามารถทำให้นางสมหวังในการปลิดชีพของตนในครั้งนี้ได้

‘เหตุใดท่านจึงได้ทำกับข้าถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาทั้งหมดท่านเพียงแค่หลอกลวงข้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเองอย่างนั้นหรือ’

นางคิดน้อยอกน้อยใจอยู่ในใจนึกโทษตัวเองที่โง่งมในความรัก หลงรักผิดคนจนหาทางออกมิได้จึงอยากจบชีวิตเพื่อหลีกลี้หนีปัญหาที่พบเจอ

ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนหวังลี่จวินได้พบรักกับบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง คนทั้งคู่พบกันที่ศาลาชมดาวบนภูเขาทางเหนือของเมืองเจี้ยนคัง เขาเป็นผู้นำชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งซึ่งเข้ามาทำกิจการค้าขายที่เมืองเจี้ยนคังแห่งนี้ ตอนนั้นนางพึงใจเขาแล้ว แต่มิได้สนทนาสานต่อความสัมพันธ์กันจึงห่างหายกันไป และเมื่อได้พบกันอีกคราก็งานเทศกาลโคมไฟ นางตกหลุมรักเขาในทันที ตัวเขาเองก็เช่นกัน

ทั้งสองไปมาหาสู่กันจนสนิทสนมรักใคร่จนกระทั่งเขาขอตัวกลับไปที่บ้านเกิดเมื่อสามเดือนก่อน และแล้วในตอนนั้นเขาก็จากนางไปโดยไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ เลย ไม่มีแม้คำอำลาที่บ่งบอกให้นางมีความหวังสักเสี้ยวความคิด

ประจวบเมื่อสามเดือนก่อนนั่นเอง ก็มีโจรกลุ่มหนึ่งมาจับตัวหวังลี่จวินไป ตอนนั้นนางกำลังเลือกซื้อผ้าไหมอยู่ที่ท้ายตลาดในเมืองเจี้ยงคัง

โจรพวกนี้กระทำการอุกอาจยิ่ง พวกมันฉุดนางขึ้นม้าไปจากท้ายตลาด ลัดเลาะไปถึงกลางตลาดที่มีผู้คนอยู่มากมาย

เมื่อท่านเสนาบดีกรมยุติธรรมจากสำนักตรวจการ ‘เจียงจื่อหยาง’ ได้รับทราบข่าวจึงได้ไล่ตามจับโจรพวกนั้นไปถึงชายแดนทางเหนือและช่วยหวังลี่จวินเอาไว้ได้

เขาพาตัวนางกลับมาส่งที่จวน แต่ทว่าเนื่องจากชื่อเสียงของนางป่นปี้ไปแล้ว ชาวบ้านต่างพากันนินทาหนาหูว่านางถูกพวกโจรจับตัวไปคงไม่แคล้วตกเป็นของพวกมันไปเสียแล้วเป็นแน่ บิดาของนางจึงได้ขอให้เจียงจื่อหยางรับนางไว้ในจวน

ท่านเสนาบดีเจียงจื่อหยางเองก็ตอบตกลง เพียงแต่ว่าเขาบอกให้เจ้ากรมพิธีการหวังรออีกสักสามเดือนให้เขากลับมาจากไปราชการที่แคว้นผิงเฉิงเสียก่อน

ฝ่ายหวังลี่จวินนั้น เมื่อนางกลับมาถึงจวนก็รู้สึกทั้งช้ำรักและทั้งอับอายยิ่งนัก ชาวเมืองนำเรื่องของนางไปนินทาเสียจนนางไม่อยากออกจากจวนไปพบปะผู้คน บรรดาคุณหนูจวนต่าง ๆ ที่เคยเป็นสหายกับนางก็รังเกียจและไม่ยอมคบหานางอีกต่อไป นางทนรับความอับอายนี้มิไหวจึงได้ตัดสินใจกระทำการเช่นในวันนี้

หวังลี่จวินเคลื่อนศีรษะเล็กของตนเองเข้ากับบ่วงนั้นช้า ๆ น้ำตาของนางไหลเป็นทางอาบสองแก้มหยดลงไปถึงพื้นเบื้องล่างราวสายน้ำ

“ต่อให้ชาติภพนี้ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว แต่ข้าก็จะไม่ยอมมอบหัวใจให้ชายใดอีก” นางลั่นวาจาออกมาเบา ๆ ราวกับจะบอกให้ชายในดวงใจรับรู้ และนี่ก็คือเป็นประโยคสุดท้ายของชีวิตบุตรสาวคนเดียวของจวนตระกูลหวังแห่งนี้

จากนั้นก็เกิดเสียงเก้าอี้ล้มลงกับพื้นดัง ‘ตึง!’ หวังลี่จวินที่ห้อยคออยู่กลางห้องก็ดิ้นกระตุกครั้งหนึ่งก่อนที่จะแน่นิ่งไร้ลมหายใจไปในที่สุด

แต่ทว่าฉับพลันนางก็ดิ้นทุรนทุรายขึ้นมาอีกครั้ง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อต่อสู้กับเชือกที่กำลังรัดคออยู่แน่น เท้าทั้งสองแตะถีบไปสะเปะสะปะและมือก็พยายามดึงเชือกประคองไม่ให้มันรัดแน่นมากไปกว่าเดิม

นางคว้าเชือกด้านบนห่วงเอาไว้และพยายามปีนขึ้นไปเพื่อเอาตัวรอด แต่ก็เหมือนกับว่าสวรรค์จะเข้าข้าง เชือกนั้นกลับขาดสะบั้นจนร่างผอมบางจากการตรอมใจของนางตกลงมากระแทกกับพื้นทันที นางบาดเจ็บที่สะโพกเล็กน้อยแต่ก็ยังดีที่ไม่ตาย

หวังลี่จวินหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน กว่าจะดิ้นรนให้รอดตายได้ไม่ง่ายเลย

“เอ๋...แต่ว่าเมื่อกี้นี้เราโดนผลักตกตึกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงโดนรัดคอได้ล่ะ” หลี่ลี่จวินบ่นพึมพำคนเดียวเบา ๆ มือก็จับบริเวณรอยช้ำบนลำคอที่ถูกเชือกรัดแล้วคลึงเบา ๆ

พอคิดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ จึงได้มองสำรวจไปรอบๆ ตัว ว่าตอนนี้ตัวเธอเองอยู่ที่ไหน แต่ภายในห้องก็มีเพียงแสงสลัว ๆ จากเทียนไขแค่สองสามเล่มเท่านั้น จึงได้เดินไปหยิบเทียนไขที่กำลังจุดสว่างอยู่ใกล้ ๆ หัวเตียงนั้นมาถือแล้วเดินส่องสำรวจไปรอบๆ ห้อง

ภายในห้องดูแปลกตาไม่เหมือนกับห้องนอนของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งรูปแบบของห้องและสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ นั้นดูเหมือนเป็นของโบราณไปเสียหมด มองไปแล้วก็รู้สึกน่ากลัวพิลึก จากนั้นจึงหยิบเทียนไขนั้นมาใกล้ตัวแล้วก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่

“คิดไว้ไม่มีผิด นี่เราย้อนเวลากลับมาอยู่ในยุคโบราณจริง ๆ ด้วย” เธอพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นปนกังวล

“ถ้าอย่างนั้นก็พ้นจากชีวิตที่แสนรันทดในชาตินั้นแล้วล่ะสิหลี่ลี่จวิน ว่าแต่เธอมาเข้าร่างใครเข้าล่ะนี่ เจ้าของร่างคงต้องเป็นทุกข์มากแน่ ๆ ถึงได้ฆ่าตัวตายแบบนี้” หลี่ลี่จวินหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีจากโลกยุคศตวรรษที่ยี่สิบห้าพูดกับตนเอง