6 แทบจะเหมือนกับฝุ่น
โชคดีหนึ่งอย่างที่หลายวันมานี้หลังจากเธอเข้ามาสวมบทบาทนี้แล้ว ธนัตก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับเธอนัก ทำให้อมิตายังไม่ต้องแสดงละครอะไรออกไปให้เขาจับโป๊ะ เธอพยายามหาข้อมูลของเจ้าของร่างนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารส่วนตัว หรือบันทึก แต่ก็ไม่พบข้อมูล หรือหลักฐานที่พอจะเป็นประโยชน์อะไรทั้งสิ้น
แม้แต่บัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ นานา ที่วัยรุ่นสมัยนี้เขาฮิตกัน อมิตาก็ไม่มี ช่างเป็นตัวละครที่จืดจางดีจริง ๆ ไม่มีประวัติอะไรเลยเกี่ยวกับอมิตาในโลกอินเทอร์เน็ต ในแชตไลน์ก็ว่างเปล่า รายชื่อผู้ติดต่อในนั้นก็มีแค่ครอบครัว ไอ้หมอนั่น และก็คุณสายหยุด
ผ่านวันครบรอบแต่งงานไปแล้วเกือบสองสัปดาห์ อมิตาไม่ได้มาก่อกวนเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น ซึ่งผิดวิสัยของเธอเป็นที่สุด ร่างสูงรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ในทุก ๆ วัน ตั้งแต่เขาแต่งงานกับเธอ อมิตาจะทำอาหารรอเขากลับบ้าน ถึงแม้ว่าฝีมือการทำอาหารของยายคุณหนูเอาแต่ใจจะห่วยแตกมากแค่ไหน เธอก็ยังพยายามทำ นั่นเป็นความพยายามเรื่องเดียวที่เขานับถือเธอ
ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่าง ผ่านห้องทำงานบนอาคารสูง
“วันนี้ฉันมีงานอีกไหม” ธนัตถามเลขาส่วนตัวของตัวเอง
“ไม่ครับ วันนี้ท่านประธานไม่มีงานอื่นแล้ว”
“งั้นเหรอ” ชายหนุ่มหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นใส่สูทเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“วันนี้จะไปไหนหรือเปล่าครับ ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าที่ฟ้าจะมืด” อธิปถามเจ้านายของตัวเอง เพราะตามปกติ ถ้าฟ้ายังไม่มืด หรือยังไม่ถึงช่วงเวลาดึก เขาจะยังไม่ยอมกลับบ้าน
“ไม่ ฉันจะกลับบ้านเลย”
“แต่นี่เพิ่งจะบ่ายสามเองนะครับ” อธิปดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ฉันต้องอธิบายกับนายทุกเรื่องเลยหรือเปล่า ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่”
สิ่งที่ท่านประธานหนุ่มพูดทำเอาอธิปหน้าเหวอ เลขาหนุ่มคอตกนิ่งเงียบไม่ปริปากพูดสิ่งใดอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าร่างกายของอมิตาจะสามารถรับรู้ความรู้สึกบางอย่างของเจ้าของร่างได้ สิ่งที่เธอรับรู้ได้อย่างหนึ่งในตลอดเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา นั่นก็คือคุณอมิตารักผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ร่างกายและหัวใจของเจ้าของร่างมันทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น
ยิ่งผ่านไปหลายวันที่ไม่ได้พบหน้ากับผู้ที่เป็นสามี หัวใจของร่างนี้ยิ่งรู้สึกปวดหนึบและรวดร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่อมิตาคนปัจจุบันเช่นเธอไม่ชอบเลย เธอรู้อยู่แล้วว่าตามบทบาทในนิยาย ธนัตแทบจะไม่สนใจไยดีอะไรภรรยาของตัวเองเลย เขาแต่งงานกับอมิตาที่เป็นน้องสาวของอดีตเพื่อนสนิท เพราะเหตุผลบางอย่าง
หัวใจของผู้ชายคนนั้นจนกระทั่งจบเรื่องก็ยังมีแต่รสิตาเท่านั้น กระทั่งวันเกิดของเธอในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาก็จะไม่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดกับภรรยา แต่รีบปรี่ออกไปหารสิตาที่โทร. มาร้องไห้ขอความช่วยเหลือ
ช่วงราว ๆ สี่โมงเย็น
หญิงสาวเหม่อลอยจ้องมองบรรยากาศนอกบ้านด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนที่จะเห็นรถของสามีแล่นเข้ามาในตัวบ้าน ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขากลับมาที่บ้านโดยที่ฟ้ายังไม่มืด
อมิตาทำแค่เพียงมองแบบผ่าน ๆ โดยไม่สนใจผู้ชายที่เพิ่งจะกลับถึงบ้าน ลูกแมวจรจัดที่อยู่บนหลังคาของบ้านฝั่งตรงข้ามน่าสนใจกว่าผู้ชายหล่อ ๆ แบบเขาเสียอีก
เขารู้ว่าเธอเห็นเขาแล้ว แต่ยายนั่นเลือกที่จะเมินเฉยเขาไปอย่างนั้นเหรอ ผิดปกตินิสัยของเธอสุด ๆ ถ้าวันไหนเขากลับบ้านเร็ว อมิตาจะรีบวิ่งแจ้นมาเสนอหน้าให้เขาเห็น พูดจาอ่อนหวานเอาใจก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยการทะเลาะกัน
“วันนี้กลับเร็วจังค่ะ” คุณสายหยุดทักทาย
“...” แววตาคมเข้มจับจ้องไปที่ระเบียงห้องนอนของอมิตา ผู้หญิงคนนั้นไม่เหลียวตาลงมามองเขาสักนิด “น่าหงุดหงิดชะมัด”
“ตั้งแต่วันครบรอบ 1 ปี คุณเกรซก็ไม่ค่อยออกจากห้องเลยค่ะ ไม่ได้มาหัดทำอาหารเหมือนเมื่อก่อนด้วย ไม่รู้ว่าวันนั้นคุณสองคนทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”
“ก็ทะเลาะกันเหมือนทุกครั้งแหละครับคุณสาย”
“งั้นเหรอคะ เธออยู่แต่ในห้องมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว วันนี้คุณปลายกลับบ้านเร็ว ไม่ลองชวนเธอทานอาหารเย็นดูล่ะคะ”
“ผมไม่ได้อยากกินสักหน่อย ถ้าคุณสายอยากกินก็ไปชวนเองสิครับ” ธนัตพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงระเบียงแบบไม่วางตา
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่จู่ ๆ อมิตาก็เผลอยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนสดใสไร้พิษสงที่เขาไม่ได้เห็นจากใบหน้าสวยงามของเธอมานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้ว่าเห็นรอยยิ้มแบบนั้น น่าจะเป็นวันแต่งงาน จากนั้นมาเขาก็ไม่ได้เห็นใบหน้าแบบนั้นของผู้ที่เป็นภรรยาอีกเลย
สิ่งบันเทิงใจอย่างเดียวของอมิตาในเวลานี้คือลูกแมวที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม พวกมันน่ารักจนเธออดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่แมวน้อยสีส้มล้มกลิ้งแล้วอีกตัวที่เป็นสีดำวิ่งกระโดดเข้ามางับหู
“น่ารักจังเลย” อมิตาพึมพำ
เธอกำลังเพลิดเพลินกับแก๊งแมวเหมียวจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาในห้อง
“อะไรน่ารักเหรอ บอกพี่บ้างได้ไหม” ธนัตโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหู
“ว้าย!!!” อมิตาตกใจจนตกเก้าอี้หวาย “คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง” อมิตามั่นใจว่าเธอกดล็อกลูกบิดประตูเอาไว้แล้ว
ชายหนุ่มชูลูกกุญแจสำรองให้เธอดู
“ขี้โกงนี่ นี่มันห้องส่วนตัวของฉัน” อมิตานั่งเถียงกับเขาอยู่ที่พื้น เธอไม่ได้คาดหวังว่าไอ้ผู้ชายปากดีคนนี้จะมาช่วยฉุดเธอลุกขึ้นหรอกนะ
“แต่นี่มันบ้านพี่ พี่สามารถเข้าออกห้องได้ทุกห้อง” คนตัวสูงย่อตัวลงเพื่อคุยกับเธอ “แล้วนี่จะนั่งอีกนานไหม พี่ไม่ช่วยอุ้มเกรซขึ้นมาหรอกนะ”
“ได้ยินฉันร้องขอความช่วยเหลือจากคุณสักคำหรือยัง” อมิตาเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนที่จะใช้สองแขนยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น
ผู้ชายคนนั้นก็ยืนขึ้น และส่งมือให้เธอ แต่อมิตาปัดมือเขาทิ้ง และเดินดุ่ม ๆ ไปล้างมือในห้องน้ำ ท่าทางของเธอแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจและรำคาญเขา
ร่างสูงมองตามผู้เป็นภรรยาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่ชอบที่เธอไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ปลายเหมือนเดิม ยิ่งเธอทำเป็นไม่สนใจเขาเหมือนเมื่อก่อน เขายิ่งหงุดหงิด
แผนการแกล้งไม่สนใจเขา ครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผล เขาดันกลายเป็นฝ่ายที่รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจแทน