3 เมื่อไหร่คุณลุงจะตื่น
พลอยนารารับลูกสาวจากโรงเรียนแล้วพาแวะทานไอศกรีมของโปรด
“คุณแม่ขา น้องพราวอยากซื้อไอติมไปฝากคุณลุงค่ะ”
“คุณลุงยังกินไอติมไม่ได้ค่ะลูก”
“เหรอคะ แล้วคุณลุงกินอะไรคะ หนูไปเยี่ยมทีไรคุณลุงก็หลับตลอดเลย แม่ขา วันนี้เรารอให้คุณลุงตื่นได้ไหมคะ หนูอยากให้คุณลุงเห็นชุดนักเรียนใหม่”
“คุณลุงไม่สบายค่ะน้องพราว เลยต้องนอนหลับตาอย่างนั้น แต่ที่เราพูดกับคุณลุงท่านได้ยินทุกคำนะคะ”
“จริงเหรอคะแม่”
“จริงสิคะ”
“งั้นวันนี้น้องพราวจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณลงฟังนะคะ แล้วถ้าคุณลุงหายจะชวนมากินไอติมด้วยกัน”
“ได้ค่ะ คุณลุงคงดีใจที่รู้ว่าตอนนี้หนูเข้าโรงเรียนใหม่แล้ว”
“แม่ขา ถ้าคุณลุงไม่ตื่น เราจะได้เจอพ่อไหม”
“ต้องรอเวลาค่ะลูก”
พลอยนาราไม่คิดว่าลูกสาวจะจำที่เธอเคยพูดได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกว่าถ้าคุณลุงตื่น จะให้พาไปหาพ่อเพราะคุณลุงคนนี้เป็นคนเดียวที่จะพาเราไปได้
“นานไหมคะ”
“แม่ก็ไม่แน่ใจค่ะลูก เรามาช่วยกันภาวนาให้คุณลุงหายไวๆดีไหมคะ”
ออกจากร้านไอศกรีมเธอก็พาลูกสาวนั่งรถจักรยานยนต์มายังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หญิงสาวตรงขึ้นไปยังห้องผู้ป่วยวีไอพีอย่างชำนาญ เพราะเธอมาที่นี่นับครั้งแทบไม่ถ้วน
“สวัสดีค่ะพี่เปรม” เธอยกมือไหว้หัวหน้าพยาบาลประจำชั้นอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะป้าเปรม” พิมพ์พิชายกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ นารา น้องพราว สาวน้อยของป้า โตขึ้นเยอะเลยนะคะ”
“น้องพราวตัวสูงไหมคะ”
“สูงจ้ะ นี่ชุดนักเรียนใหม่หรือเปล่า”
“ใช่แล้วค่ะ น้องพราวย้ายโรงเรียนแล้วค่ะ เลยอยากมาอวดคุณลุง”
“ได้สิคะ เดี๋ยวป้าพาเข้าไปนะ”
พยาบาลวัยกลางคนเดินนำสองแม่ลูกไปยังห้องพักผู้ป่วย
“อาการคุณตะวันเป็นยังไงบ้างคะพี่เปรม”
“ก็เหมือนเดิมค่ะน้องนารา”
“ไม่รู้เวรกรรมอะไรนะคะที่ทำให้คุณตะวันต้องมานอนนิ่งแบบนี้”
“นั่นสิคะ คุณตะวันกับคุณพิมพ์ลดาเป็นคนดี ไม่น่าเจอเรื่องแบบนี้เลย”
“นาราได้แต่ภาวนาให้คุณตะวันฟื้นเร็วๆ”
“พี่ก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”
เปรมยุดารู้ว่าหมอตะวันกับภรรยาเป็นผู้มีบุญคุณของพลอยนารา เธอเห็นหญิงสาวตั้งแต่มาฝากครรภ์ที่นี่หลายครั้งโดยมีหมอตะวันเป็นเจ้าของไข้ ขณะนั้นเธอยังทำงานที่แผนกสูติกรรมจึงทำให้ได้เจอกับพลอยนาราอยู่บ่อยๆ
ทุกครั้งที่หญิงสาวมาฝากครรภ์หมอตะวันกับหมอพิมพ์ลดาจะช่วยกันตรวจ ด้วยเหตุผลที่ทุกคนรู้คือ หมอทั้งสองคนสงสารที่เธอท้องตั้งแต่อายุยังน้อย ค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็เรียกเก็บที่หมอตะวัน แม้กระทั่งวันที่เธอคลอด ตอนนั้นหมอนอนไม่ได้สติ แผนกการเงินก็ไม่ได้เรียกเก็บเพราะคำสั่งของหมอยังคงมีผลตราบใดที่ท่านยังมีชีวิต
มีหลายคนเคยคิดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นภรรยาน้อยของหมอตะวัน แต่พิมพ์ลดาภรรยาของหมอดูไม่ได้เดือดร้อนกับข่าวนี้เลย ภาพที่ทั้งสามคนเดินอยู่ในโรงพยาบาลพร้อมกันทำให้เสียงนินทานั้นหายไป
“น้องพราวคะ หนูออกไปรอข้างนอกกับป้าเปรมก่อนได้ไหม แม่มีเรื่องจะคุยคุณลุงใจดีสักหน่อยค่ะ”
“ค่ะแม่ แม่อย่าลืมบอกคุณลุงนะคะว่าน้องพราวโตแล้ว ขึ้นอนุบาล 1 แล้ว”
“ได้สิคะ แม่จะบอกให้ พี่เปรมค่ะ นาราขอฝากน้องพราวสักครู่นะคะ”
“คุยตามสะดวกเลย ไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลน้องพราวให้นะคะ”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่เปรม”
“น้องพราวคะ เราไปหาขนมอร่อย ๆ กินกันนะคะ วันนี้ป้าเปรมมีของอร่อยเยอะแยะเลยค่ะ”
“น้องพราวต้องท้องแตกแน่ ๆ เลยค่ะ” เด็กหญิงพิมพ์พิชาเอามือลูบพุงน้อยๆ ของตัวเองเพราะเมื่อสักครู่เธอพึ่งทานไอศกรีมไปหนึ่งถ้วย
ตอนนี้ในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงพลอยนารากับผู้ป่วยเพียงลำพังเท่านั้น
“คุณตะวันคะ เมื่อไหร่คุณจะตื่น คุณรู้ไหมคะ ลูกสาวคุณน่ารักมาแค่มาก นาราขอโทษนะคะที่ให้น้องพราวไปเรียนโรงเรียนนานาชาติอย่างที่ตั้งใจแต่แรกไม่ได้ ค่าใช้จ่ายมันมากสูงมาก นาราหาเงินมากมายขนาดนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เงินที่พี่ฝากให้นารากับลูกจะใช้อย่างประหยัดนะคะ แต่นาราก็ให้น้องพราวเรียนแผนภาษาอังกฤษนะคะ อย่างน้อยก็คงพอทดแทนกันได้บ้าง คุณตะวันรีบตื่นนะคะ รีบกลับมา น้องพราวโตขึ้นทุกวัน นาราไม่รู้จะตอบคำถามแกยังไงแล้ว” พลอยนาราพูดไปร้องไห้ไป เธอได้แค่เพียงระบายความรู้สึกให้กับเขาฟังเท่านั้น
ทุกครั้งที่มาเยี่ยมก็หวังจะได้รับคำตอบว่าเขาอาหารดีขึ้น แต่ไม่เคยได้ยินคำพูดนั้นเลยสักครั้ง เวลาผ่านมามากกว่าอายุของเด็กหญิงพิมพ์พิชา แต่ชายหนุ่มก็ยังนอนไม่ได้สติเหมือนเดิม
เมื่อได้ระบายความในใจแล้ว หญิงสาวก็เช็ดคราบน้ำตาก่อนจะออกมาหาลูกสาวที่กำลังคุยจ้ออยู่กับพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์
“น้องพราวคะ เรากลับกันเถอะค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยดูแลน้องพราวให้”
“น้องพราวยังไม่อยากกลับเลยค่ะ”
“เอาไว้เดี๋ยวแม่พามาอีกนะคะ”
“ค่ะแม่”
“พี่เปรมคะ นาราขอตัวกลับก่อน ฝากพี่เปรมด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่าลืมโทรบอกนารานะคะ”
“ได้จ้ะ พี่จะบอกนะคะ”
พอสองแม่ลูกออกไปแล้วคำถามก็ตามทันที
“พี่เปรมคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับหมอตะวันเหรอคะ พวกเราสงสัยมานานแล้วค่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้มาก รู้แค่หมอตะวันเป็นผู้มีบุญคุณกับเธอ”
“เหรอคะ ทำไมลูกเธอหน้าเหมือนหมอตะวันจังเลยคะ หรือพ่อของเด็กจะเป็นหมอตะวัน”
“ไม่ใช่หรอก เพราะตอนที่เธอท้องภรรยาหมอตะวันก็รู้”
“แปลกจังนะคะ”
“อย่าไปสนใจเลย เราทำหน้าที่ของเราก็พอ” เปรมยุดารีบตัดบท เพราะไม่อยากให้ลูกน้องเอาผู้ป่วยมานินทา