ตอนที่5[วาบหวาม]
ตะวันเถื่อน
ตอนที่5
[วาบหวาม]
ร่างเล็กนอนคุดคู้อยู่บนเตียงกว้างด้วยพิษไข้เล่นงาน
ส่วนด้านล่างมีร่างสูงใหญ่ของนายหัวตะวัน นอนลงกับพื้นห้องมีแค่ผ้าห่มผืนเดียว ที่ห่อหุ้มกายใหญ่เอาไว้เท่านั้น
เพราะนับดาวปฎิเสธเสียงแข็ง บอกว่านอนคนเดียวได้ แต่ร่างโตก็ยังดื้อดึงจะมานอนเฝ้าให้ได้ เธอจึงปล่อยให้เขาเลือกที่นอนมุมใดมุมหนึ่งของห้องแทน
เมื่อตกดึกอากาศด้านนอกเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ประกอบกับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในห้อง ทำงานนานเข้า จึงทำให้ห้องนอนของนับดาวเย็นลงทุกขณะ
เมื่อได้ทานยาตอนหัวค่ำ จึงทำให้ร่างกายปรับสภาพดีขึ้น ร่างเล็กเลยนอนห่มผ้านวมผืนหนาหลับสบาย
ส่วนร่างโตด้านล่างรู้สึกนอนไม่หลับ เมื่อพื้นห้องแข็งพลิกกายไปมาอยู่หลายครั้ง พร้อมอุณภูมิในห้องที่เย็นลงทำให้รู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ จึงตัดสินใจปีนป่ายขึ้นนอนบนเตียงข้าง ๆ ร่างเล็ก
สองร่างนอนกอดเก่ยก่ายกัน หลับฝันดีกันตลอดคืน เมื่อร่างเล็กนุ่มนิ่มซุกซบเข้าหาไออุ่นร้อน
ร่างโตก็เริ่มหวั่นไหว ลมหายใจอุ่นร้อน การเต้นของหัวใจเริ่มเร็วรัวผิดจังหวะไปหมด เมื่ออกตูมนุ่มนิ่มมือเบียดเสียดเข้าหาอกกว้าง ช่วงล่างเรียวขาอ่อนถูไถไปมาอยู่กลางกายชาย ยามสาวเจ้าขยับตัวทำให้ช่วงล่าง กลางกายของนายหัวตะวันปวดหนึบเข้ามาทุกที
ยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำที่ริมลำธาร อกนุ่มหยุ่นนั้น ไหนจะเรียวปากอิ่มที่นายหัวได้สัมผัสมาแล้วนั้น เขาทั้งดูดทั้งเม้มมันมาหมดแล้วด้วย แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดอยู่อย่างเดียวทำยังไงก็ได้ขอให้ร่างเล็กฟื้น ยิ่งคิดใจก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงจวนเจียน จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ขณะตกอยู่ในภวังค์
กรี๊ดด!!
เสียงเล็กของนับดาวกรี๊ดร้องออกมา เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของนายหัวตะวัน
"บ้าชะมัด!! นี่นายคิดจะทำอะไรฉัน" เสียงเล็กแหวใส่พร้อมยกมือทุบลงที่อกกว้างเต็มแรงรัว ๆ ไปหลายที
"หยุด!!เพ้อเจ้อได้แล้วใครจะเอาเธอ" เสียงแหบพร่าที่ตกอยู่ในห้วงพิศวาส เบ่งเสียงตวาดกลับ พร้อมพลิกกายที่ปวดหนึบที่รอปลดปล่อยกระเถิบหนีห่าง เขาต้องขบกรามกัดฟันเข้าหากันแน่น พร้อมซู้ดปากออกมาเมื่อรู้สึกอึดอัดเต็มทน
"ออกไปเลยนะ! โรคจิต" เสียงเล็กตวาดไล่
"ปากดี! คงหายแล้วสิ เช้าก็ไปทำงานได้แล้วสินะ" เสียงเข้มถากถางเย้ยหยัน
"ฉันคงคิดผิดสินะ! ที่มาแต่งงานกับคนอย่างนาย" เสียงเล็กสั่นเครือ
"ก็อยากได้ฉัน…เป็นผัว…จนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ!" เสียงเย้ยหยันออกมาอีกตามเคย
"ออกไป!! ออกไปเดียวนี้" เสียงเล็กตวาดไล่พร้อมผลักอกกว้าง
"งั้น! เรามาเป็นผัวเมียกันเลยไม่ดีกว่าเหรอ" เสียงใหญ่เย้าต่อ
"ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต ออกไปเลย ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้" ร่างเล็กเสียงสั่นสะท้านด้วยความโมโหโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ
นายหัวเห็นดังนั้นจึงยอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี เมื่อมาหยุดยืนอยู่ในห้องส่วนตัว แล้วก้าวเข้าห้องน้ำเพื่อปลดปล่อย สิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในกายออกไปจนหมดสิ้น
เดินออกมาจากห้องน้ำ อย่างตัวเบาหวิว ก่อนขึ้นเตียงนอนตัวเองเพื่อผ่อนคลาย แต่จิตก็เฝ้ากระหวัดไปถึงร่างบอบบางของห้องตรงข้ามกัน ทำให้มีรอยยิ้มที่มุมปากหยักออกมา
ด้านนับดาวเมื่อร่างโตที่เธอเคยมีความพึงพอใจ มาตั้งแต่เด็กทำให้รู้สึกสั่นไหวไม่น้อย เมื่อตนเองตกอยู่ในอ้อมกอดกำยำอบอุ่นนั่น เนื้อตัวก็เสียวซ่านขึ้นมาดื้อ ๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อภาพเหตุการณ์ตอนหัวค่ำคอยวกเวียนวนเข้ามารบกวนจิตใจ ของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภาพที่ร่างโตส่งปากหยักได้รูปลงมาสัมผัส ทั้งเป่าดูดขบเม้มทำให้ร่างเล็กใจสั่นสะท้านไม่หาย ร่างเล็กหลับตาหยีแล้วยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
ก่อนจะสะลัดความฟุ้งซ่านนั้นทิ้งเสีย เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มส่งแสงมากระทบกับผ้าม่านสีสวยสะอาดตา
ร่างเล็กรีบเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัว แล้วก้าวเดินลงชั้นล่างเพื่อทำกับข้าวกินเอง
"อ้าว! นายหญิงหายแล้วเหรอคะ นายหัวบอกว่าไม่สบาย" เสียงนิดเอ่ยทัก
"ดีขึ้นแล้วไม่เป็นอะไรมากหรอก" นับดาวตอบด้วยรอยยิ้ม
นับดาวเข้าครัวทำกับข้าวตามปกติจนเสร็จก็ได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารเช้า
นายหัวตะวันเดินมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นจัดเสร็จ ทั้งคู่นั่งทานอาหารด้วยกันจนอิ่มจึงลุกเตรียมตัวไปเข้าสวน
เสียงเครื่องยนต์ติดดังอยู่หน้าบ้าน นับดาวที่ล้างจานใกล้เสร็จ ก็รีบเร่งก่อนจะออกมาก้าวขึ้นรถ
ทั้งคู่นั่งรถมาด้วยกันต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครเอ่ยสนทนาอะไรกับใคร จนกระทั้งรถแล่นมาถึงสวน
เมื่อก้าวลงรถนับดาวก็ตรงไปช่วยงาน คนงานตามปกติ
"นายหัวครับเมื่อคืนลมแรงมาก ต้นทุเรียนเราล้มไปหลายต้นเลยครับ" เสียงไอ้ก้องหัวหน้าคนงานสวนทุเรียนกล่าวรายงาน
"อ้าว! เมื่อคืนฉันหลับสนิทไม่รู้นะเนี่ย ว่าเมื่อคืนมีลมพายุเข้า" นายหัวเอ่ยกับลูกน้อง
"ผมดูข่าวทีวีครับนาย ว่าช่วงนี้พายุจะเข้าเขตบ้านเรา" เสียงคนสนิทกล่าว
"งั้นเราต้องเร่งตัดลูกที่แก่จัดให้หมดก่อนพายุจะมา จะได้เสียหายน้อยลงนายช่วยไปเร่งคนงานก็แล้วกัน" เสียงเข้มเอ่ยสั่งก่อนจะเดินไปสำรวจรอบ ๆ สวน
"อ้อ! นายหัวเมื่อคืนฝั่งโน้นน่าจะหนักเอาการอยู่นะครับ" เสียงไอ้ก้องคาดการณ์ ตามแรงของพายุที่โหมกระหน่ำเมื่อคืน
"ฉันก็ไม่อยากจะอะไรกับฝั่งโน้น เท่าไหร่หรอกถ้าเขาไม่มาวุ่นวายกับเราก่อน" นายหัวเอ่ยเสียงเรียบ
ฝั่งโน้นที่พูดถึงก็สวนติดกัน แต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน เพราะเจ้าของฝั่งโน้นเป็นลุงผู้ใหญ่แก่ ๆ ที่เกษียณอายุแล้ว ชื่อผันเรื่องมากและเห็นแก่ตัวสุด ๆ ตั้งแต่นายหัวตะวัน เข้ามาบริหารดูแลที่นี่แทนบิดา
อย่างเช่นน้ำในลำธาร แทนที่ชาวสวนทุกคนจะได้ใช้สอยให้เกิดประโยชน์ แต่ลุงผันกลับให้คนงานของตัวเองทำฝายกั้นเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ประโยชน์คนเดียวในช่วงหน้าแล้ง พอหน้าฝนน้ำในลำธารเออล้น ก็เปิดปล่อยลงให้ไปท่วมพืชผักชาวสวนเสียหายเดือดร้อนกันทุกปี
นายหัวตะวันเดินลัดเลาะมาถึงสวนปาล์ม ที่ไอ้พงษ์เป็นหัวหน้างานคอยดูแลสวนปาล์ม แต่ละโซนของงานเขาได้แบ่งโซนในสวนอย่างชัดเจน แต่ละเขตต่างก็มีหัวหน้างานคอยดูแลคุมและสั่งงานต่อจากเขา
ส่วนคนงานก็ได้แบ่งโซนรับผิดชอบของใครของมันได้อย่างชัดเจน งานในสวนของบดินทร์เดชารักษ์จึงไม่ค่อย มีปัญหาอะไรให้นายหัวตะวันต้องปวดหัวมากนัก
เมื่อร่างโตเดินมาถึงแล้วหยุดยืนมองดูคนงานกลุ่มหนึ่ง กำลังมุงดูอะไรกันอยู่ที่โคนต้นปาล์มใหญ่
"มุงดูอะไรกันนะ" เสียงนายหัวตะโกนถามคนงาน
"อ้าว!! นายหัวมา… พวกเรากำลังช่วยกันจับไอ้หลามครับนายหัว" เสียงไอ้พงษ์หัวหน้าคนงาน หันมาส่งยิ้มให้นายแล้วเอ่ยตอบ
"มันตัวใหญ่ไหม? ระวังกันหน่อย" ว่าจบนายหัวก็เดินเข้าไปใกล้ขึ้น
"ใหญ่เหมือนกันครับนายหัว" ไอ้พงษ์เอ่ยตอบ
ขณะเดียวกันลุงพุฒคนงานที่มีอายุมากกว่า ใครในกลุ่ม ก็ใช้ไม้หน้าสามขนาดยาวกดหัวไอ้หลามเอาไว้ ทุกคนเห็นจึงกรูกันเข้าไปช่วยกันจับ ต่างล้มลุกคลุกคลานกัน ทั้งคนทั้งงูเพราะจุดนี้มีน้ำขัง และมีกบมีปลาคาดว่าไอ้หลามควจะหิวจึงได้เลื้อยออกมาหากินจนกระทั้งคนงานมาเจอเข้า ทุกคนจึงช่วยกันจับเอาไว้ได้
"ตัวใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย" นายหัวตะวันเอ่ยเมื่อเห็นคนงานต่างอุ้มแบกไอ้หลามออกมาจากดงปาล์ม
"ใหญ่แล้วก็หนักมากเลยครับ" ไอ้ก้องร้องบอกขณะยกไอ้หลามขึ้นแบกใส่ไหล่
"เอาไปขังไว้ก่อนเดี๋ยวฉันโทรให้กู้ภัยมาเอาไปปล่อยที่ปลอดภัย" นายหัวสั่งทุกคน
"อ้อ!! เวลาเข้าสวนแต่งตัวกันให้รัดกุมเพื่อความปลอดภัยด้วย ใส่รองเท้าบู๊ทยาวถึงหัวเข่าไปเลย ช่วงนี้หน้าฝนงูเยอะอันตราย" เสียงทุ้มเอ่ยห่วงคนงาน
"เข้าใจครับนายหัว พวกเราจะดูแลตัวเองอย่างดีครับ" ไอ้ก้องเอ่ยรับคำนาย