บทที่ 4 คนที่รออยู่ที่บ้าน
“จะมาปรึกษาหมอเรื่องอะไรคะ?” หมอเฌอร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อร่างสูงเดินเข้ามานั่งในห้องพบแพทย์ที่ซึ่งเป็นห้องทำงานของเธอ
“ทำไมอยู่ๆ ใจถึงเต้นแรง?” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ตลกละ! ว่าที่หมอหัวใจมาถามเรื่องใจเต้นแรงกับจิตแพทย์เนี่ยนะ?” ไม่วายที่หมอเฌอร์ต้องยกมือขึ้นมาเท้าคางมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจรับฟัง
“ช่างเหอะ!” แล้วคุณหมอหนุ่มก็บอกปัดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“นายมีปัญหาสินะ ไปตกหลุมรักสาวที่ไหนมาล่ะ?”
“ตกหลุมรักก็บ้าแล้ว ใครจะไปรักเด็กมีปัญหาคนนั้นลง!”
“เด็กมีปัญหา?”
“นี่...อยากรับเด็กไปเลี้ยงไหม?” หมอลิปดาไม่คิดจะตอบถามของหมอเฌอร์ แต่กลับตั้งคำถามใหม่ขึ้นมาแทน
“เด็กที่ไหน? นี่นายไปทำผู้หญิงท้องมาเหรอ?” ไม่วายที่หมอเฌอร์จะกวนประสาทคนหน้าเครียด
“เฌอร์...อย่ากวนตีน”
“โอเคๆ ก็บอกมาสักทีสิว่าเด็กที่นายกำลังพูดถึงนี่คือเด็กที่ไหน”
“จริงใจ”
“หืม?”
แล้วหมอลิปดาก็เริ่มเล่าเหตุการณ์วุ่นวายที่สุดแสนใจกวนใจเขาให้หมอเฌอร์ฟัง ซึ่งแน่นอนว่าเขาเล่าอย่างละเอียด นาทีต่อนาที ยกเว้น...ภาพสุดท้ายที่ยังวิ่งวนอยู่ในสมองของเขา
“ฮ่ะๆๆๆ” เสียงหัวเราะของคุณหมอคนสวยดังลั่นห้อง
“...” แล้วหมอลิปดาก็ส่งหน้านิ่งกลับไป
“นายซวยแล้วล่ะ อยู่ๆก็ต้องมารับเลี้ยงเด็กสาว...แถมยังหน้าตาน่ารักโคตรๆอีกต่างหาก”
“ช่วยฉันหน่อยสิ เอาไปเลี้ยงที ยัยเด็กนั่นโตแล้ว...ไม่มีบ้านเด็กกำพร้าที่ไหนรับเลี้ยงแน่ๆ เอาไปทำงานบ้านให้เธอก็ได้ เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวฉันจัดการให้”
“จะบ้าเหรอ? จริงใจไม่อยากอยู่กับฉันนี่ เธออยากอยู่กับนายนะ หรือคนบนฟ้า...เขาอยากจะส่งเด็กสาววัยเอ๊าะมาช่วยฟื้นฟูหัวใจพังๆ ของนาย ฮ่ะๆ” หมอเฌอร์ยังคงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“เธอติดอะไรวะ? บ้านก็ตั้งใหญ่โต แบ่งให้จริงใจสักห้องสิ บอกแล้วไงว่าเรื่องเงินฉันจะจัดการเอง”
“ฉันไม่ได้ติด...แต่ก็บอกไปแล้วไงว่าจริงใจเธออยากอยู่กับนาย ฉันไม่ได้ช่วยชีวิตเธอสักหน่อย จริงใจไม่ได้ยกฉันเป็นผู้มีพระคุณหนึ่งเดียวในโลกนี่”
“ช่วยชีวิตบ้าบออะไรวะ! ฉันก็แค่เอาเข้าเครื่องเอกซเรย์ ที่จริงหมอในห้องแล็ปทำด้วยซ้ำ! ถ้าแค่วินิจฉัยโรคก็เท่ากับช่วยชีวิต...งั้นพวก Extern Intern ไม่ได้แต้มบุญกันจนไม่เกิดชาติหน้าแล้วหรือไง!”
“รู้ตัวไหมว่าเดี๋ยวนี้นายพูดมาก” หมอเฌอร์จ้องหน้าหมอลิปดานิ่ง
“สรุปคือไม่คิดจะช่วย?” คุณหมอคนหล่อเลิกคิ้วถามกลับ
“ช่วยไม่ได้หรอก...จริงใจน่ะ น่าจะเกิดมาเพื่อนายเลยล่ะ ถามจริงว่านายไม่สงสัยตัวเองเลยหรือไงว่าทำไมนายถึงยอมเอาเด็กคนนั้นกลับบ้าน ทั้งๆที่นายจะทิ้งเธอไว้ที่สถานีตำรวจก็ได้” หมอเฌอร์เริ่มวิเคราะห์หัวใจของเพื่อน
“ทำไมต้องสงสัย ฉันก็แค่ตัดความรำคาญ”
“ตัดความรำคาญเหรอ? คนอย่างนายเนี่ยนะ จะตัดความรำคาญด้วยการพาเด็กสาวขาวๆ อวบๆ หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเข้าบ้าน...ขนาดฉันเป็นเพื่อนนายมาสิบปี...ยังไม่เคยได้ไปเหยียบคอนโดนายเลยลิป!”
“เธอจะพูดอะไรก็พูดมาเลย ไม่ต้องมาอ้อมค้อม”
“นายชอบจริงใจน่ะสิ ที่ถามว่าทำไมใจถึงเต้นแรง...หึ! นายก็แค่ชอบจริงใจเข้าแล้วน่ะสิ”
“ไร้สาระ...บางทีมันอาจจะเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือฉันอาจจะเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบตันเพราะสูบบุหรี่หนักกับดื่มเยอะก็ได้...” หมอลิปดาเฉไฉทันควัน
“งั้นก็แล้วแต่...แต่เชื่อฉันเถอะว่านายทิ้งเธอไม่ลงหรอก จริงใจน่ะ”
“คุยกับเธอแล้วเสียอารมณ์เป็นบ้า!” ในตอนที่หมอลิปดาเตรียมจะลุกจากเก้าอี้ มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา หมอหนุ่มรีบดรับสายในทันทีเพราะมันคือสายของพยาบาลในวอร์ดที่เขาขึ้นเวร
“ครับ”
“หมอลิปคะ...มีเคสต้องผ่าตัดค่ะ หมอเราไม่พอเลยค่ะวันนี้ลากันหลายคน”
“เดี๋ยวผมจะรีบไปครับ” หมอลิปดาวางสายก่อนจะตรงไปที่ประตูห้อง แต่ไม่วายที่หมอเฌอร์จะปั่นประสาทเขาก่อนที่ต้องลา
“นี่! มีสมาธิหน่อยนะหมอ...!”
หนึ่งวันทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อหมอลิปดาไม่ได้สนใจจะจ้องมองนาฬิกา เพราะแพทย์ในวอร์ดไม่พอ เขาเลยต้องเข้าออกห้องผ่าตัดเป็นว่าเล่น จนแทบไม่เหลือแรงจะขับรถกลับบ้านด้วยซ้ำ
“คืนนี้หมอจะค้างที่นี่เหรอครับ?” เสียงของแพทย์คนหนึ่งเอ่ยถาม ขณะที่เห็นหมอลิปดากำลังจะทิ้งตัวลงนอนในห้องพักแพทย์
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ทำท่าจะหลับตา แต่เสียงของแพทย์คนเดิมกลับทำให้เขาหลับไม่ลง
“ดีเหมือนกันนะครับ หมอลิปไม่มีแฟน ไม่มีใครรออยู่ที่บ้านให้ต้องเป็นห่วง...วันไหนเหนื่อยมากๆ ก็ทิ้งตัวนอนที่นี่ได้เลย ดูอย่างผมสิ...ถึงจะดึกจะเช้ายังไงก็ต้องกลับ...เพราะดันมีเมียที่รออยู่...”
จริงสิ...เขาลืมนึกถึงเธอไปเลย...ยัยเด็กหน้ามึนคนนั้นป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เมื่อเช้าเขาออกมาทำงานในตอนที่เธอยังไม่ตื่น แถมที่ห้องก็ไม่มีอะไรให้กินเลยนอกจากเบียร์
พรึ่บ!
และในทันทีทันใด คุณหมอหนุ่มก็เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน ก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินและมือถือเดินออกไปจากห้องพักอย่างรวดเร็ว
“เอ้า! หมอไม่นอนแล้วเหรอครับ?” สร้างความแปลกใจให้กับเพื่อนหมออีกคนไม่น้อย
คุณหมอหนุ่มรีบกลับมาที่คอนโดอย่างรวดเร็ว ในมือถือถุงอาหารมากมาย และเมื่อเขาได้เปิดเข้าไปด้านในห้อง ภาพแรกที่เขาได้เห็นคือภาพของเด็กสาวที่กำลังนั่งดูการ์ตูนและหัวเราะชอบใจ บนโต๊ะหน้าโซฟาก็เกลื่อนกลาดไปด้วยซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นับด้วยตาเปล่าก็ไม่ต่ำกว่าเจ็ดซอง
“คุณหมอ? กลับมาแล้วเหรอคะ?” พอเด็กหน้ามึนคนนั้นเห็นร่างสูงเดินเข้ามาหยุดที่ตรงหน้า เธอถึงจะหยุดหัวเราะและละสายตาจากโทรทัศน์มาสนใจเขา
“ทำอะไรของเธอ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา จ้องมองหน้าเด็กสาวด้วยดวงตาที่มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
“ดูการ์ตูนค่ะ” เธอฉีกยิ้มตอบอย่างใสซื่อ
“แล้วพวกนี้คืออะไร?” คุณหมอหนุ่มชี้ไปยังกองซองบะหมี่
“อ๋อ...หนูหิวค่ะ แล้วที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้กินเลย มีแต่บะหมี่พวกนี้แหละ หนูก็เลยกินจนหมดเลยค่ะ ตอนนี้ก็อิ่มแปล้” เด็กสาวยังคงยิ้ม
“นี่เธอกินมันทั้งหมดโดยไม่ได้ต้มน่ะเหรอ?” เขาขมวดคิ้วถาม เริ่มแสดงความไม่พอใจออกมา
“ค่ะ! หนูต้มไม่เป็น...ก็เลยกินแบบดิบๆ อร่อยดีนะคะ”
“เก็บกวาดให้หมด! แล้วถ้าคืนนี้ฉันได้ยินเธอร้องโอดโอยเพราะปวดท้อง ฉันเอาเธอตายแน่!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ โยนถุงอาหารในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะเข้าไปในห้องนอน แสยะยิ้มโมโหออกมา...คนที่รออยู่ที่บ้านงั้นเหรอ? ให้ตายเถอะ! เขาอุตส่าห์รีบกลับมาแถมยังแวะซื้อของกินมาให้ตั้งมากมาย เพราะคิดว่าเธอคงหิวและตั้งหน้าตั้งตารอเขา...แต่ที่ไหนได้...นอกจากเธอจะอิ่มเพราะบะหมี่พวกนั้นแล้ว ยังดูเหมือนว่าเธอจะสนใจการดูการ์ตูนมากกว่าเขาเสียอีก...
“ยัยเด็กประสาท!” แล้วเขาก็ทำได้เพียงสบถออกมาเท่านั้น ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ต เตรียมตัวจะอาบน้ำนอน วันนี้เขาเหนื่อยเต็มทน
“คุณหมอ...” แต่อยู่ๆ เสียงเล็กๆ ก็ดังขึ้นที่ด้านหลังเขา คุณหมอหนุ่มหันกลับไปมองด้วยความตกใจ เขารีบคว้าเสื้อขึ้นมาปิดแผงอกของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว
“เข้ามาทำไม?! จะเข้าห้องนอนของคุณอื่นเธอก็ต้องเคาะประตูด้วยสิ! มารยาทน่ะ! มีไหม?!” เขาตะคอกรัว จนเด็กสาวหน้าชาจนตึง
“คุณหมอโกรธหนูเหรอคะ?” เด็กสาวเอ่ยถามน้ำเสียงสั่น
“ถามบ้าอะไรของเธอ! ออกไป! ฉันจะอาบน้ำ!”
“หนูขอโทษนะคะ ต่อไปหนูจะเชื่อฟังคุณหมอทุกอย่าง...แต่คุณหมออย่าทิ้งหนูไปเลยนะคะ หนูจะไม่กินของของคุณหมออีกแล้วค่ะ...” เด็กสาวก้มหน้ารับผิด เธอเข้าใจว่าเขาโกรธที่เธอกินของของเขาโดยไม่ขออนุญาต
“หน้าฉันเหมือนคนหวงกินขนาดนั้นเลยหรือไง?” แล้วพอเห็นเด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เสียงที่เคยแข็งก็อ่อนลงในทันที...บางทีเขาอาจเป็นไบโพล่าเพราะเธอ!
“แล้ว...คุณหมอโกรธหนูเรื่องอะไรเหรอคะ? เพราะหนูดูทีวีเหรอคะ? หรือเพราะหนูเอาเท้าขึ้นบนโซฟาเหรอคะ?” เด็กสาวพยายามหาเหตุผล
“พอ!” คุณหมอจอมเหวี่ยงจ้องมองเด็กสาวนิ่ง เขาจะกล้าบอกเธอไหมล่ะ? ว่าที่จริงแล้วเขาโกรธเพราะคาดหวังว่าพอกลับมาแล้วจะได้เห็นว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขากลับมา! แต่ก็ต้องผิดหวังและแพ้ให้กับการ์ตูนในโทรทัศน์
“...” เด็กสาวเม้มปากแน่น รอคำตอบจากเขา
“ต่อไปห้ามกินบะหมี่ดิบๆ อีก! มันไม่ดีต่อสุขภาพ เธอจะปวดท้องเพราะกินมัน! ออกไปรอฉันข้างนอก! ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วเราจะออกไปซื้อของกันที่ซูเปอร์” ว่าแล้วเขาก็เดินไปเข้าห้องน้ำทันที...
