ปฐมบท1 รักเจ้า ถนอมนาง1
“ท่านพี่ ข้ากับลูกจะรอท่านอยู่ที่จวนเจ้าค่ะท่านต้องปลอดภัยกลับมานะเจ้าคะ”
“ท่านพ่อ ข้ากับน้องจะช่วยท่านแม่ทำขนมรากบัวรอท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ภาพของสามคนแม่ลูกยืนส่งชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มยังคงถูกสลักลึกอยู่ภายในใจ
ภรรยารอสามีด้วยรักใคร่ ธิดารอคอยบิดาผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเช่นนั้นทุกคราเมื่อบุรุษต้องเดินทางไกล
สามีจากภรรยารักและบุตรสาวทั้งสองครานี้เพื่อเดินทางคุ้มกันครอบครัวหนึ่งซึ่งต้องการโยกย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปต่างเมือง ทว่าท้ายที่สุดเป็นอันต้องยกเลิกกลางทาง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์พายุหิมะรุนแรงตรงซอกเขาหมื่นลี้ทำขบวนสินค้าที่คุ้มกันมาเสียหายทั้งหมด
ภัยพิบัติจากหิมะถล่มเหนือคาดคิดครานี้ ส่งผลให้ผู้คนล้มตายหลายชีวิต เป็นที่น่าสลดหดหู่ยิ่งนัก
หลังจากช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตออกจากกองหิมะได้ ซ่งเสวียนชิงก็พาทุกคนเดินทางตามแผนการที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน นั่นก็คือกลับเมืองหลวง ไม่คิดเดินทางต่อ
“พวกเรามาเกินครึ่งทาง เมืองหลวงจึงนับว่าอยู่ไกลจากที่นี่มาก อาจต้องใช้เวลาเดินทางกลับนานกว่าสองเดือน”
ซ่งเสวียนชิงเปรยกับลูกน้องคนสนิท ร่างสูงสง่าแลดูภูมิฐานเฉกบัณฑิตในอาภรณ์นักรบยืนนิ่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตาหงส์เรียวยาวเปี่ยมเสน่ห์ลุ่มลึกมองไปเบื้องหน้า กล่าวอีกว่า “เจ้าส่งม้าเร็วกลับไปแจ้งฮูหยินของข้าก่อน บอกว่าการเดินทางครั้งนี้อาจต้องใช้เวลานานขึ้นสักหน่อย กำชับนางว่าข้าปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง”
“ขอรับ”
ลูกน้องประสานหมัดรับคำแล้วหมุนตัวจากไป
ซ่งเสวียนชิงละสายตาจากจุดไกลโพ้นอันเป็นทิศทางที่ตั้งของเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนก่อนเดินกลับเข้าเรือนนอน ซึ่งเป็นจุดพักม้าที่ดีที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้
ประตูห้องถูกเปิดออก และปิดลงอย่างมิดชิดชายหนุ่มเข้ามานั่งที่ตั่งยาว ข้างกายเขายามนี้มีเงาร่างอรชรนั่งรออยู่ นางยื่นมือเรียวขาวอ่อนนุ่มมาจับชายเสื้อเขา คล้ายเหนี่ยวรั้งหลักยึดสุดท้ายแห่งชีวิตไว้
ท่าทางของนางอ่อนแอบอบบางน่าสงสารชวนถนอม แววตาฉ่ำน้ำเว้าวอนชวนมอง ทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นนาง ล้วนงดงามหมดจดและยั่วยวนชวนหลงใหล
ซ่งเสวียนชิงหลับตาข่มจิตใจ หากแต่ในห้วงภวังค์กลับไม่อาจสลัดภาพวาบหวิวหวามไหวที่ยังคงติดตรึงจากเหตุการณ์เมื่อคืนได้
แม้เขาจะเมามายด้วยฤทธิ์สุรา ทว่าผิวเนื้อนุ่มหอม ทั้งเนียนขาวอ่อนละมุนในทุกสัมผัสยามลูบไล้ขบเม้มและความรู้สึกสุขสมยามขยับสะโพกเข้าหาร่างงามกลับไม่อาจสลัดความกำซาบออกไปจากร่างกายได้เลย
แค่เห็นนาง ส่วนกลางกายของเขาก็เริ่มแข็งขึง
ยิ่งนึกถึงยามที่ฝ่ามือตัวเองกระชับเอวคอดกิ่วเอาไว้ยิ่งรู้สึกได้ถึงตัวตนนางในคืนนั้น
สตรีผู้หนึ่งอ่อนหวานนุ่มนวลปานน้ำผึ้งยามกลางวัน เหตุใดยามค่ำคืนถึงเร่าร้อนปานนั้น
ดวงตาหงส์ทรงเสน่หซุกซ่อนความรู้สึกคั่งค้างเอาไว้ สลัดภาพร้อนแรงของคนงามยามอยู่ใต้ร่างออกจากใจ
ซ่งเสวียนชิงทอดถอนใจก่อนลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ทอดมองทั่วเรือนร่างอรชรของจูซิ่วนิ่งๆ เนิ่นนานค่อยกล่าว “แม่นางจูคงรู้แล้วกระมังว่าข้ามีภรรยารออยู่ที่จวน”
จูซิ่วเม้มปากหลุบตา เผยเพียงแพขนตายาวงอน แต่มิอาจซ่านแววเว้าวอนในแววตา นางพยักหน้าช้าๆ
“ข้าน้อยทราบเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงหวานล้ำดังขึ้นแผ่วเบาเยี่ยงคนขลาดเขลา น้ำสีใสค่อยๆ เอ่อคลอพอให้คนมองต้องรู้สึกปวดใจ
หญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้นแลดูน่ารักและบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกไร้เดียงสาปานนั้น ดวงตากลมโตดุจกวางน้อยที่จ้องมาทำเอาซ่งเสวียนชิงแทบลืมหายใจ อยากจะบอกให้นางลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังไม่กล้า
“เรื่องเมื่อคืน ข้า...”
เขาไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จะบอกว่าเมื่อคืนเขาแค่นั่งดื่มสุราทอดอารมณ์ตามวิสัยอยู่ดีๆ แต่เป็นนางที่นำน้ำชามาให้ผิดจังหวะกระนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่เมื่อคืน ท่ามกลางแสงเทียนนวลตา ร่างของนางที่เนียนลออภายใต้แสงเทียนนั้น ทำเขาขาดยับยั้งช่างใจอย่างแท้จริง
ซ่งเสวียนชิงถอนหายใจลึกยาว ยากเปล่งวาจา
ดวงตาจูซิ่ววูบไหวมีประกายสั่นระริกข้างใน
“ข้ารู้ว่านายท่านซ่งเป็นสุภาพชนเต็มเปี่ยม มีความรับผิดชอบสูงส่ง แต่เรื่องเมื่อคืน...หาใช่ความผิดของท่านไม่ เป็นข้าเองที่ไม่ระวังจนเผลอไผล ท่านไม่ผิดอะไรเจ้าค่ะ”
นางยึดชายเสื้อของเขา น้ำเสียงออดอ้อนปานนั้น “ขอแค่ท่านไม่ผลักไสข้า ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านตลอดไป ข้าปรารถนาเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ”
ซ่งเสวียนชิงส่ายหน้าเนิบช้า เอ่ยอย่างลำบากใจ “เจ้าควรรู้ไว้ ข้ารักภรรยาของข้ามาก ข้าไม่มีทางรักใครอีก”
ดวงตากลมโตเปล่งประกายคู่นั้นมองเขาไม่วางตา น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมา ซ่งเสวียนชิงเอื้อมมือเช็ดให้เบาๆ
“และฮูหยินของข้า นางไม่เหมือนสตรีอื่น นางไม่มีทางยอมรับอนุให้ข้า”
ดวงตาจูซิ่วเจือความเศร้าหมอง นางกลั้นเสียงสะอื้นกล่าวเสียงเครือ “ข้ายินดีอยู่นอกเรือนไม่มีฐานะก็ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ขออะไร ไม่เรียกร้อง ขอแค่ท่านมาหาข้าบ้างเท่านั้น”
เรียวนิ้วแกร่งที่พวงแก้มเนียนพลันชะงัก ดวงตาหงส์เผยแววตรึกตรอง มองเห็นประกายหวั่นไหวบางเบา
หญิงสาวละมือจากชายเสื้อของเขา ขยับกายเข้าหาก่อนเอื้อมมือขึ้นลูบไล้ท่อนขาแกร่ง
“ยามนี้ข้าไม่เหลือใครแล้ว ครอบครัวของข้าจมอยู่ใต้กองหิมะ” น้ำเสียงของนางยังคงเว้าวอนอย่างอ่อนหวาน การกระทำยิ่งนุ่มนวลอ่อนโยน เย้ายวนอย่างไม่จงใจ
“ข้าเป็นคนของท่านแล้ว ยินดีติดตามปรนนิบัติท่านอย่างไร้ตัวตน ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ความเงียบค่อยๆ ปกคลุมรอบเรือนกายของพวกเขา
จากก่อนหน้ารู้สึกเต็มไปด้วยความอึดอัดกดทับคนจนแทบหายใจไม่ออก ยามนี้ซ่งเสวียนชิงให้รู้สึกคล้ายถูกคลายปมออกจากใจ
ฝ่ามือใหญ่พลันจับร่างนุ่มขึ้นอุ้มแล้ววางราบบนตั่ง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากล่าวสิ่งใดออกมา”
เรือนกายของนางใต้ร่างสั่นระริก เรียวนิ้วเล็กลอบปลดสายรัดเอวชุดตนออก ทรวงอกอวบอิ่มกลมกลึงค่อยๆ เผยสู่สายตา เปิดเปลือยสัดส่วนระเหิดระหงชวนเสน่หา
“ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่เพราะหลงรักท่านเพียงแรกเห็น ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดในภายหน้า ข้ายอมทั้งสิ้น”
ซ่งเสวียนชิงก้มมองจูซิ่วไม่วางตา สติสัมปชัญญะรับรู้แค่เพียงเรือนกายอ่อนนุ่มของนางแนบชิดติดกับกายเขา
กลิ่นหอมหวนเย้ายวนชวนปรารถนาของจูซิ่วเป็นสิ่งที่ซ่งเสวียนชิงมิอาจปฏิเสธ เพลิงปรารถนาพลันลุกโชนในแววตา ใบหน้าบุรุษโน้มลงช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะประกบกันอย่างเร่าร้อน เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกดึงรั้งทีละชิ้น กระทั่งพวกเขาเปลือยเปล่า ทอดกายซ้อนทับบนตั่งยาว
จูซิ่วครางเสียงหวานแผ่วเมื่อกลีบปากได้รับอิสระ ทว่าปลายถันชูชันกลับถูกครอบครอง อุ้งปากเขาเร่าร้อน ปลายลิ้นยิ่งช่ำชอง สองเต้าหยุ่นนุ่มถูกนาบด้วยฝ่ามืออุ่นจัด
หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นเสียงไว้มิให้ตนเองกรีดร้อง เมื่อชายเหนือร่างหยัดกายขึ้นแล้วแยกโคนขาของนางออก เพื่อเริ่มต้นมอบความทรมานอันแสนสุขสมเนิ่นนาน
ความเหนียมอายยังคงมีในดวงตาแวววาวของสตรี หากแต่หาใช่ความละอายแก่ใจไม่ ยามเรียวขาเนียนเสลาถูกยกพาดบ่ากว้างดวงตาคมกล้ายิ่งนานยิ่งร้อนแรงกว่าเปลวไฟ
ท่วงท่าอันน่าขัดเขินสุดแสนพิเศษระหว่างชายหญิงถูกนำมาใช้ให้กลายเป็นพายุรัญจวนชวนหวามไหว สั่นคลอนหัวใจคนได้อย่างน่าชม
เสียงห้าวลึกแปร่งพร่าดังขึ้นเบาๆ ในลำคอ ชายหนุ่มครางกระเส่าตามลำดับแห่งห้วงอารมณ์
ซ่งเสวียนชิงให้รู้สึกซ่านเสียวลึกล้ำกำซาบถึงกระดูกเมื่อขยับสะโพกหนักขึ้น กระแทกกระทั้นแรงขึ้น เร็ว ระรัว ปิดทุกสำนึกดีชั่ว มีเพียงกระแสเปลวไฟร้อนแรงลามเลียไปทั่วดวงตา ปิดทุกเรื่องราวที่ควรมองเห็น ได้ยินเพียงเสียงหายใจหอบของตนและเสียงครางแว่วหวานของคนใต้ร่าง
ทุกท่วงท่ากามารมณ์อันเร่าร้อนล้วนเร่งเร้าให้เกิดความต้องการใกล้ชิดสนิทสนมไม่สิ้นสุด ยามเนื้อแนบเนื้อสอดประสานตามเพลิงอารมณ์ ยิ่งทำให้ถลำลึกในกลิ่นใหม่อันหอมหวาน พานให้คนหวงแหน ปรารถนาแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของทุกอณูเนื้อนาง
ความละมุนละไมจากผิวกายเนียนละเอียดเย้ายวนชวนให้ลืมสิ้นว่ามีใครรออยู่ที่เมืองหลวง...
การเดินทางกลับเมืองหลวงครั้งนี้ ซ่งเสวียนชิงค่อนข้างใจเย็น
เขาใช้เวลาเดินทางยามกลางวันพอเย็นย่ำก็หาที่พัก ค้างแรมในโรงเตี๊ยม แยกห้องชัดเจน
เมื่อทุกห้องดับเทียน ซ่งเสวียนชิงก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง แล้วเข้าหาใครบางคนอีกห้องหนึ่ง
หลังจากปิดประตูลงกลอน เงาร่างอ้อนแอ้นอรชรพลันปรากฎแก่สายตา
จูซิ่วยืนรออยู่ที่หน้าเตียงนอน นางค่อยๆ ปลดผ้า เผยเนื้อเนียนเปลือยเปล่าล้อสายตา
ซ่งเสวียนยิ้มอย่างพึงพอใจ
ชั่วครู่ เรือนร่างอ่อนนุ่มหอมกรุ่นก็ถูกกดลงบนเตียง เนินเนื้อทรวงอกระริกไหว ยอดถันชูชันคล้ายเบ่งบานล่อใจ จูซิ่วแอ่นอกท่วงท่ายั่วยวนในกิริยาออดอ้อนและเว้าวอน เรียวนิ้วยกขึ้นลูบคลำแผกอกกำยำ นางกัดปากคล้ายยั่วเย้าก่อนเผยอออกแล้วครางเบาๆ และเป็นฝ่ายจุมพิตเขาก่อนเพื่อเปิดทางเริงสวรรค์
ซ่งเสวียนชิงก้มหน้ารับสัมผัสเย้ายวน ไล้เลียดูดดื่ม ขบเม้มอย่างให้ความร่วมมือ
ทุกการเล้าโลมกลืนกินสามัญสำนึกจนสิ้น
บุรุษคร่อมทับ ดึงสตรีเข้าสู่อ้อมแขน โอบกอดแน่น ผสานลมหายใจร้อนผ่าว ริมฝีปากแนบชิดไม่ห่าง
เสียงครางค่อยๆ ดังขึ้นเมื่อฝ่ามือหนาลากไล้ลูบคลำจากเนินเนื้อกลมกลึงถึงเอวคอดจนลงต่ำมาถึงกลางกายสาว
เรียวขาขาวถูกจับแยกออกกว้าง กายแกร่งค่อยๆ แทรกกลาง บางอย่างที่บีบรัดตัวตนทำให้คนแทบลืมหายใจ กล้ามเนื้อขมวดเกร็ง ชายหนุ่มขบกรามขยับสะโพกเนิบช้า เรียกเสียงอาทุ้มต่ำห้าวลึกเสียดทะลุทุกห้วงอารมณ์
ทุกการโยกโยนบังเกิดความเสียวซ่านเกินต้านทาน
อา...ดีเหลือเกิน
จูซิ่วชอบความรู้สึกนี้ นางชอบอยู่ใต้ร่างเขา
กิเลสตัณหาล้วนโอชา กามารมณ์เป็นสิ่งยากยั้งใจ
สองกายแนบชิดสนิทสนม คลอเคลียครวญคราง กระทำต่อกันทุกอย่างไม่ต่างจากสามีภรรยาร่วมผูกผม
จากแผนการเดิมที่คิดจะลอบเลี้ยงดูนอกจวน บัดนี้จำต้องเปลี่ยนไป