หมาป่าสีคราม
คืนวันพระจันทร์เต็มดวงแสงนวลของมันสาดส่องกระทบกับแก้วเหล้าหรูสีอำพัน นิ้วมือเรียวยาวค่อย ๆ หยิบยกมันขึ้นมา ตามด้วยริมฝีปากสีชมพูอ่อนเรื่อที่ประทับลงบนรอยแก้วนั่น หน้าขาวซีดกับดวงตาแดงก่ำและร่องรอยบอบช้ำ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันผ่านความชอกช้ำมาจากการร้องไห้อย่างหนัก ร่างใหญ่กระดกเหล้าเข้าปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บนโซฟามุมประจำ ในบาร์ที่ถูกตกแต่งสไตล์โมเดิร์น บนดาดฟ้าของตึกสูงกว่า 28 ชั้น
“ขออีกแก้ว”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่บริกรก็ดูแลใส่ใจเขาอย่างดี เพราะชายขี้เมาคนนี้คือลูกค้า VIP เขามาดื่มที่นี่ทุกวันนับตั้งแต่วันที่ “รินรดา” ภรรยาสุดที่รักจากไปเพราะอุบัติเหตุรถชน และในคืนนี้ก็เป็นวันครบรอบแต่งงานของเขาและเธอ
“ได้แล้วครับ”
บริกรนำแก้วกลับมาวางอีกครั้ง ร่างใหญ่รีบคว้ามากระดกจนหมด ก่อนจะยกมันขึ้นแล้วเขย่า เพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาต้องการสิ่งนี้เพิ่มอีก บริกรหนุ่มก็ยังคงเดินมาบริการเขาอีกเช่นเคย
…กรึบ…
เสียงประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก พร้อมหญิงสาวร่างบางที่แทรกตัวเข้ามา เธอมาในชุดเดรสสีสการ์เล็ตเว้าช่วงเอวที่เผยให้เห็นสัดส่วนได้เป็นอย่างดี เธอย่างเท้าเข้ามาในบาร์แห่งนี้ ด้วยหน้าตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเครื่องสำอางที่ไหลเลอะลงมาเพราะหยาดน้ำตา
แต่นั่นกลับทำให้ “คราม” ชายขี้เมาต้องหยุดสายตาอยู่ที่หญิงสาวผู้มาเยือนใหม่ เขาลอบมองทุกอากัปกิริยาของเธอตั้งแต่ย่างกรายเข้ามา ร่างเล็กเดินโซซัดโซเซตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ด้านหน้าและค่อย ๆ ย้ายสะโพกขึ้นนั่งบนเก้าอี้บาร์ตัวสูง ก่อนจะยกแขนขึ้นเพื่อกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์
“ขอวิสกี้แก้วหนึ่งค่ะ”
เธอเอ่ยกล่าวกับบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะโน้มตัวลงไปข้างหน้า หยาดน้ำใสค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาหม่นอีกครั้ง ทำให้หน้าของเธอยิ่งดูเลอะเทอะมากขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวปาดน้ำตาลวก ๆ อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นออกไป
“ห้องน้ำไปทางไหนคะ ? ”
บาร์เทนเดอร์ผายมือชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามโต๊ะที่ครามนั่งอยู่ เธอมองตามปลายนิ้วของเขา ก่อนจะเดินไปตามทางที่ชายหนุ่มชี้บอก ด้วยท่าทางไม่มั่นคงมากนัก
ซู่สสสสส์ ~~~
เสียงน้ำไหลแรงจากก๊อก มันถูกเปิดทิ้งไว้เพื่อกลบเสียงสะอื้นของใครบางคนที่กำลังยืนร้องไห้อย่างหนักอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เธอโน้มตัวลงไปใกล้กับอ่างน้ำ ก่อนจะใช้มือขาวเนียนกวักน้ำที่กำลังไหลแรงขึ้นมาลูบใบหน้า เพื่อชำระล้างคราบเครื่องสำอางและคราบน้ำตาออกรัวเร็วจนเนื้อตัวเปียกชุ่มตั้งแต่ลำคอลามไปจนถึงเนินอก ทำให้เนื้อผ้าลู่แนบไปกับผิว เผยเต้าอกอวบอิ่มลอยเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาจนพอได้สติ สาวเจ้าก็เดินโยกกายออกมาด้วยท่าทีโอนเอนเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ครามเงยหน้าขึ้นมาเพื่อขอเหล้าเพิ่มจากบริกร เมื่อสายตาของเขาได้ปะทะกับร่างงามระหงอีกครั้ง สติที่ลดลงเพราะน้ำเมาก็กลับมาปกติอีกครั้ง เพียงเพราะใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าที่ช่างละม้ายคล้ายกับอดีตภรรยาของเขาที่จากไป ครามไม่อาจละสายตาจากร่างงามได้อีกเลยจนเธอเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
ชายหนุ่มยกมือขึ้นไล้คางพลางคิดอะไรบางอย่างได้ ก็ตัดสินใจลุกไปหาเธอพร้อมกับแก้วเหล้าสีอำพันในมือ
“สวัสดีครับ” ร่างใหญ่ย้ายกายขึ้นไปนั่งข้างสาวสวยแปลกหน้า ก่อนจะชูแก้วขึ้นมาเพื่อขอเริ่มการสนทนากับเธอ
“สวัสดีค่ะ” ร่างบางตอบรับ ก่อนจะคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นมาชน เพื่อเป็นการตอบกลับการทักทาย
“ไม่ทราบว่า… คุณคนสวยชื่ออะไรหรือครับ” เสียงที่แหบพร่าแต่มีเสน่ห์เริ่มหยอดคำหวาน จนทำเอาคนฟังแอบยิ้มเล็กน้อย ซึ่งรอยยิ้มนั้นทำเอาเขาชะงักงันและเผลอยิ้มตาม ยิ้มที่ไม่ได้ฉายบนหน้าคมสันมานานสักพักแล้ว เป็นยิ้มอย่างมีความสุขโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
“ดาวเหนือ จะเรียกดาวหรือเหนืออย่างเดียวก็ได้ค่ะ แล้ว…”
“ครามครับ เรียกผมว่าคราม” เมื่อหญิงสาวยังไม่ทันได้ถามจบประโยค ร่างสูงก็ตอบสวนกลับมา
สายตาที่เขาใช้มองเธอ ใครดูก็รู้ว่าหมาป่าสีครามจ้องอยากจะขย้ำดาวเหนือดวงนี้มากเพียงไหน ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้หลบลี้สายตา ปล่อยให้เขาแทะโลมอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมจ้องเขากลับอย่างท้าทาย
“น่าแปลกนะครับ ที่คนสวย ๆ อย่างคุณดาวต้องเดินเข้าบาร์มาคนเดียวแบบนี้…ทั้งน้ำตา”
ร่างใหญ่เอื้อมมือมาจับไรผมของเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้บนใบหน้า ซึ่งเจ้าของดวงหน้าหวานก็ไม่ได้ปัดมือของเขาออกแต่อย่างใด และนั่นยิ่งทำให้หมาป่าครามกระหยิ่มยิ้มย่องลำพองใจ
“คุณครามนี่ปากหวานจังนะคะ ปากหวานขนาดนี้อย่างอื่นจะหวานเท่านี้มั้ย ?”
เธอพูดออกไปสองแง่สองง่ามบวกกับสายตาที่ดูคล้ายว่ากำลังให้ท่า ทำเอาคนฟังรู้สึกเสียวกระสันขึ้นมา มือเรียวยังคงไล้ใบหน้าของเธอก่อนจะค่อย ๆ เอานิ้วชี้ลูบไปที่ปากของเธอ แต่ร้ายกว่านั้นร่างบางกลับเผยอปากแล้วอ้าเพื่ออมนิ้วนั้น จนทำให้บางสิ่งในร่างกายของเขาถูกปลุกตื่นดุนดันกางเกงยีนส์ออกมาจนนูนเด่น
“คุณดาวเองก็ปากหวานเหมือนกันนะครับ”
เขาอ้าปากเลียนิ้วชี้ที่เพิ่งถอดถอนออกมาจากโพรงปากหยุ่นของเธอ เพื่อที่จะชิมรสหวานผ่านนิ้วนั้น ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะความงุ่นง่านที่เธอมี เธอค่อย ๆ เอามือเรียวบางขึ้นลูบที่แผงอกแกร่งของเขา กล้ามอกที่ขึ้นเป็นมัดไม่อาจสะกัดกลั้นเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ภายในของเขาได้
เธอแสร้งกระแอมขำ แต่มือเรียวก็ยังไม่หยุด ยังคงลูบวนต่อจนเลื้อยต่ำมาถึงหน้าท้อง ก้อนซิกแพคที่แน่นแข็งเป็นลอนทำให้มือของเธอสั่นไหวไปด้วยความอยากล้วงจับเข้าไปใต้เสื้อเกะกะ แต่ก็ต้องหยุดความต้องการเอาไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะชักมือกลับมาเพื่อเป็นการเล่นเชิง
“แล้วสรุปคุณดาวเป็นอะไรมาหรือครับ ?” เขาคว้ามือของเธอขึ้นมาก่อนจะบรรจงจุมพิตเบา ๆ ลงไปที่หลังมือของเธอ
“คงเป็นเพราะโดนผู้ชายสารเลวนอกใจไปมีคนใหม่มั้งคะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“น่าเสียดายแทนผู้ชายคนนั้นนะครับ ถ้าผมมีคนสวย ๆ แบบคุณดาวเหนืออยู่ข้างกาย คงไม่มีทางไปมองผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน”
ครามเมื่อได้ฟังคำตอบที่ทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ดี เขาก็เขยิบเข้าใกล้ ตามด้วยมือหนาลูบไล้ไปที่ขาอ่อนขาวเนียน
“แล้วคุณครามล่ะ มาทำอะไรที่นี่คนเดียวเหรอคะ ?”
ร่างเล็กได้โอกาสถามต่อจากนั้นก็ฉวยมือของเขาที่กำลังลูบบนขาอ่อนของเธอขึ้นมา ก่อนจะอ้าปากและค่อย ๆ บรรจงดูดลงที่นิ้วกลางของเขา
“ผมว่าเราไปต่อกันที่อื่นดีมั้ยครับ ?”
เขาปล่อยให้เธอดูดเลียนิ้วของตัวเอง พร้อมจินตนาการไปถึงตอนที่เธอกำลังดูดท่อนสวรรค์ของเขา ยิ่งคิดท่อนเนื้อก็ยิ่งแข็งเปล่งจนปวดหนึบอยู่ใต้เนื้อผ้า
“แล้วคุณครามมีสถานที่ดี ๆ แนะนำมั้ยล่ะคะ ?” เธอปล่อยนิ้วออกจากปากก่อนจะตอบคำถาม พลางส่งสายตาเย้ายวนจนทำให้อีกฝ่ายร้อนเร่าจากทั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และความเสียวกระสันที่เธอกำลังมอบให้
“เรียกครามเฉย ๆ เถอะครับ ผมอยากใกล้ชิดกับดาวมากกว่านี้”
ร่างใหญ่ลุกขึ้นก่อนจะโน้มตัวไปพูดกระซิบใกล้ ๆ เสียงแหบพร่าของเขาทำให้เธอสยิวจนเผลอยกแขนเรียวขึ้นไปคล้องคอเขา
“งั้นไปกันเลยมั้ยคะ คราม..!!” เธอปล่อยวงแขนออกจากคอของเขาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าใบยาวที่พกติดตัวมาด้วย
“ดาวพร้อมแล้วใช่มั้ยละครับ” ชายหนุ่มตั้งแขนขึ้นเพื่อเชื้อเชิญให้เธอออกเดินทางไปกับเขา
“พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมอีกค่ะ” เธอสอดแขนเข้าเพื่อเป็นการตอบรับการเชื้อชวน พร้อมส่งสายตายั่วยวนไม่หยุด
“จ่ายของโต๊ะนี้ด้วย”
ร่างสูงยื่นบัตรวิสดอมที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินควงแขนกันออกไปจากบาร์ เพราะฤทธิ์ของสุราทำให้ทั้งสองใช้เวลาเดินทางกว่า
สิบนาที ทั้ง ๆ ที่โรงแรมอยู่ห่างออกไปเพียงแค่สองซอย ก่อนจะพาร่างโอนเอนเดินไปจนถึงโรงแรมหรูที่อยู่ใจกลางสุขุมวิท