บทที่ 1 ตระกูลโจว
บทที่ 1 ตระกูลโจว
รัชศกหลิงไท่ปีที่ 25
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ รอสักครู่บ่าวจะนำของว่างมาให้ท่านนะเจ้าคะ"
สายลมต้นฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามาปะทะกับแก้มขาวผ่องของโจวหว่านหรูจนนางรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งใบหน้า กลีบดอกเหมยปลิดปลิวตามสายลมมาตกลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมของมันทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างช้า ๆ ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ปรโลกเย็นเยียบถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
โจวหว่านหรูถอนหายใจพลางยกยิ้มออกมาคราหนึ่ง นางจำได้ว่านางเผาตนเองไปพร้อมกับตำหนักบูรพา เพลิงไหม้ลุกโหมทุกอย่างจนไม่เหลือซาก รอบ ๆ ตัวนางค่อย ๆ ดำมืด ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนราวกับร่างกายจะแหลกสลายนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน
โจวหว่านหรูหันมองซ้ายขวาด้วยความมึนงงสับสน นางยื่นมือไปหยิบกลีบดอกเหมยขึ้นมามองดู ก่อนจะค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้นางถึงกับตื่นตระหนก
นี่มัน!!!
จวนตระกูลโจวของนางมิใช่หรือ?
โจวหว่านหรูลนลานมองไปโดยรอบอีกครา เพื่อต้องการแน่ใจว่าตนไม่ได้เลอะเลือน
ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมสระบัว บนโต๊ะมีตำราการต่อสู้ที่นางชอบอ่านเป็นประจำก่อนหลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวง ยามนี้หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ดอกเหมยบานสะพรั่งชูช่อท้าสายลมหนาวคล้ายกับช่วงเวลานั้น
ช่วงเวลาที่ท่านพ่อและท่านแม่เพิ่งจะพานางเดินทางกลับมาจากชายแดน!!!
ยามนั้นนางมีอายุเพียงสิบสามปี
นี่มันเรื่องใดกัน?
"คุณหนู ของว่างมาแล้วเจ้าค่ะ หิมะเริ่มตกหนักแล้ว บ่าวเตรียมร่มและเตาอุ่นมือมาให้คุณหนูด้วย อีกสักครู่เรากลับเข้าเรือนใหญ่กันเถิดเจ้าค่ะ ที่เมืองหลวงอากาศหนาวกว่าชายแดนมากนัก บ่าวเกรงว่าคุณหนูจะไม่สบายเอาได้"
โจวหว่านหรูค่อย ๆ หันไปมองสตรีน้อยตรงหน้า ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นปิดปากตน
เย่หยวน!!!
ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาในความคิดของโจวหว่านหรู นางรู้สึกว่ารอบตัวหมุนเคว้ง รู้สึกเวียนหัวร่างกายซวนเซจนเกินจะควบคุม
"คุณหนู!!!!"
เสียงเรียกของเย่หยวนทำให้นางมีสติ โจวหว่านหรูรีบเอ่ยถามเย่หยวนทันที
"เย่หยวน เจ้าไม่ได้หนีไปตามที่ข้าบอกหรือ หรือว่าเจ้าถูกกบฎฆ่าตายแล้วเดินทางมาปรโลกพร้อมกับข้า!!! เย่หยวน เจ้าตอบข้ามาสิ!!!"
เย่หยวนที่ถูกโจวหว่านหรูโผเข้ามาจับร่างตนแล้วเขย่าก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบเอ่ยอย่างขลาดกลัว
"คุณหนู ท่านเอ่ยวาจาใดกัน กบฎอันใดเจ้าคะ นี่คือจวนตระกูลโจวไม่ใช่ปรโลกนะเจ้าคะ เราเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง คุณหนูท่านเอ่ยวาจาแปลกประหลาดเช่นนี้บ่าวกลัวแล้วนะเจ้าคะ"
เย่หยวนลนลานพลางจ้องมองโจวหว่านหรูด้วยความขลาดกลัว โจวหว่านหรูพยายามตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"เดินทางกลับเมืองหลวงหรือ?"
"เจ้าค่ะ คุณหนู ท่านนอนหลับมากไปจนฝันแล้วล่ะเจ้าค่ะ โอ๊ะ หรือว่าท่านไม่สบายเจ้าคะ"
"เย่หยวน เจ้าช่วยตบข้าที"
"คุณหนู!!"
"ตบข้า"
"บ่าวไม่กล้า"
โจวหว่านหรูที่เห็นท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นของเย่หยวนก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นางตัดสินใจยกมือขึ้นตบหน้าตนเองอย่างเต็มแรง ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้าทำให้นางฉุกคิดขึ้นมาได้
"คุณหนู!!!!"
เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนสิ่งใดไม่ถูก โจวหว่านหรูสูดลมหายใจเข้าอย่างเต็มแรง ก่อนจะครุ่นคิดด้วยความตื่นตระหนก
สวรรค์ข้าย้อนเวลากลับมาเช่นนั้นหรือ!!
ย้อนเวลากลับมาในรัชสมัยของฮ่องเต้หลิงไท่ปีที่ยี่สิบห้า ยามนี้นางยังไม่ได้เข้าวังไปแต่งงานกับหยางจิ่ง นางยังคงเป็นเพียงสาวน้อยอายุสิบสามปีเท่านั้น
ราวกับฝันไป แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน!!!
นี่คือความจริง!!!
โจวหว่านหรูไม่สนใจว่าอากาศจะเหน็บหนาวเพียงใด นางไม่แม้แต่จะใช้ร่มและเตาอุ่นมือเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ากลับวิ่งฝ่าหิมะไปเช่นนั้น ใบหน้าสวยหวานอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา
ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่!!! ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ ข้ากลับมาแล้ว!!!
ลูกสาวผู้โง่เขลาและน้องสาวแสนดื้อรั้นของพวกท่านกลับมาแล้ว!!!
โจวหว่านหรูวิ่งมาถึงที่เรือนใหญ่ ก่อนจะพบว่ายามนี้ท่านพ่อและพี่ชายของนางกำลังนั่งสนทนาพลางดื่มสุราด้วยกันอยู่ ส่วนท่านแม่ก็กำลังนั่งเย็บซ่อมเสื้อผ้าของท่านพ่อที่ขาดอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่างซึ่งท่านแม่ชอบนั่งเป็นประจำ
เมื่อได้ยินเสียงวิ่ง ทุกคนจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบกับโจวหว่านหรูที่ยามนี้บนศีรษะมีแต่หิมะเกาะเต็มไปหมด
"หวานหว่าน!!! นี่เจ้าไปแอบเล่นหิมะมาเช่นนั้นหรือ ช่างซุกซนยิ่งนัก หากไม่สบายจะทำเช่นไร เร็วเข้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
โจวฮูหยินเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก นางรีบเข้าไปหาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตามใบหน้าของโจวหว่านหรู พร้อมกับปัดหิมะบนศีรษะของบุตรสาวออกอย่างทะนุถนอม
โจวหว่านหรูดวงตาแดงก่ำ นางโผเข้ากอดมารดาของตนพร้อมกับร้องไห้โฮ แม่ทัพใหญ่โจวผู้เป็นบิดาและโจวอวี้หานพี่ชายของนางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นมาหานางทันที
"หวานหว่าน ผู้ใดรังแกเจ้า บอกพี่มา พี่จะไปจัดการมัน"
"ฮือ!!!"
"หวานหว่าน บอกพ่อมาเร็วเข้า ผู้ใดรังแกเจ้า"
"ท่านพ่อท่านแม่ท่านพี่ ข้าฝัน ข้าฝันว่าพวกท่านตายไปหมด เหลือข้าเพียงคนเดียว ข้ากลัวมาก ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ"
แม่ทัพใหญ่โจวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นมือมาลูบศีรษะบุตรสาวตนด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ย
"เหลวไหว ยังไม่มีผู้ใดตายเสียหน่อย เจ้านี่กินมากนอนมากจนเพ้อเจ้อแล้ว ไป ๆ รีบไปอาบน้ำเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพยักหน้ารับ
"เจ้าค่ะ"
"นี่น้องเล็ก หากเจ้าจัดการตนเองเสร็จแล้วก็ไปที่ห้องตำราของพี่ เราจะไปแข่งปาลูกดอกกัน"
โจวหว่านหรูจ้องมองโจวอวี้หานทั้งน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
นางกับโจวอวี้หานเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันอย่างมาก เขาสอนนางทุกอย่างทั้งขี่ม้า ยิงธนู ฟันดาบ และเป็นเพื่อนเล่นกับนางได้ในยามที่นางเหงา จวนตระกูลโจวไม่ได้เคร่งครัดธรรมเนียมและกฎระเบียบระหว่างชายหญิงมากนัก อีกทั้งพวกนางก็มีกันเพียงสองคนพี่น้อง จึงรักใคร่ปรองดองกันเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนจวนอื่น ๆ ที่พี่น้องชายหญิงไม่อาจสนิทสนมกันได้มากนัก
น่าเสียดายที่ชาติที่แล้วพี่ใหญ่กลับถูกกบฎหลอกล่อไปฆ่าจนตายในสนามรบ ตระกูลโจวที่เก่งกาจในการรบกลับตายยกตระกูลในชาติที่แล้ว
ชาตินี้นางจะไม่ยอมให้ตระกูลโจวเดินซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว ไม่มีทาง!!!
หลังจากที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว โจวหว่านหรูก็มาพบกับโจวอวี้หานที่ห้องตำราตามที่นัดหมายกันเอาไว้
"พี่ใหญ่"
“น้องเล็ก เจ้ามาแล้วหรือ?"
"ไหนเล่า ปาลูกดอกที่ท่านว่า"
โจวอวี้หานยิ้มตาหยี ก่อนจะชี้มือไปยังด้านข้างไม่ไกลกันนัก โจวหว่านหรูมองตามมือของโจวอวี้หานไป ก่อนจะเห็นลูกดอกที่นางและพี่ชายผู้นี้ชอบเล่นด้วยกันเป็นประจำ
ขอบตาของโจวหว่านหรูเริ่มร้อนผ่าว นางจ้องมองลูกดอกเหล่านั้นอีกคราและไม่กล้ากะพริบตา ด้วยเกรงว่าหากนางกะพริบตาไปเพียงชั่วขณะ ภาพเหล่านี้จะหายไป
"น้องเล็ก"
โจวอวี้หานที่เห็นว่าน้องสาวตนดูนิ่งงันไปก็รีบเอ่ยถามด้วยความห่วงใย โจวหว่านหรูรีบปรับสีหน้าตนให้เป็นปกติ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับโจวอวี้หาน
"วันนี้พนันอันใด?"
โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยตอบ
"หากเจ้าแพ้ต้องอ่านตำรา หากเจ้าชนะ วันนี้พี่จะให้เจ้าติดตามพี่ไปเที่ยวนอกจวนได้"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็ขรึมลงไปชั่วขณะ
นางจำได้ดีวันนี้ในชาติที่แล้ว นางกับโจวอวี้หานเล่นปาลูกดอกและพนันกัน ผลปรากฏว่านางชนะจึงได้ชวนโจวอวี้หานออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนโดยไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่รู้ และวันนี้นางก็ได้พบกับหยางจิ่งที่หอสุราในเมืองหลวง
หยางจิ่งกำลังจะเดินออกมาจากโรงสุรา เขาแต่งกายคล้ายคุณชายมีฐานะทั่ว ๆ ไป นางจำเขาได้ในทันที เขาเติบโตเป็นบุรุษที่รูปงามยิ่งนัก นับตั้งแต่วันนั้นนางก็ทำทุกทางเพื่อให้เขายอมรับ ทั้งที่นางไม่มีทักษะด้านการเล่นหมาก ดีดพิณ หรือแม้แต่ร่ายรำ แต่นางกลับพยายาม นางเปลี่ยนตนเองให้เป็นสตรีที่เพียบพร้อม สงบเรียบร้อยงดงามน่ามอง หวังเพียงให้เขามองเห็นในสิ่งที่นางทำ แต่เขากลับมองนางราวกับคนไร้ค่า ไม่ควรค่าแก่การได้รับความรักจากเขา
และจุดจบในชาติที่แล้วของนางก็ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
"น้องเล็กเจ้าคิดสิ่งใดอยู่หรือ?"
เสียงเรียกของโจวอวี้หานทำให้โจวหว่านหรูพลันได้สติ นางหันไปยิ้มให้โจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"อากาศหนาว ข้าไม่อยากออกไปนอกจวน หากข้าชนะ ท่านพี่ต้องสอนข้าขี่ม้ายิงธนู ข้าอยากเรียนกับท่านพี่อีก
โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ค่อนข้างแปลกใจไม่น้อย น้องสาวที่แสนซุกซน วัน ๆ ชอบชวนเขาไปที่นั่นที่นี่อยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้นางกลับไม่อยากไปที่ใด
"น้องเล็ก เจ้าป่วยหรือ?"
"ไม่ได้ป่วยนี่เจ้าคะ"
"เจ้าป่วยแน่ ๆ ทุกคราเจ้าวุ่นวายซุกซนราวกับลูกลิง ก่อนกลับเมืองหลวงเจ้ายังบอกกับพี่อยู่เลยว่าให้พี่พาออกไปเที่ยวชมตลาดในเมืองหลวง"
โจวหว่านหรูเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย
"ก็ข้าไม่อยากไปแล้วนี่ ถามมากจริง ไม่ดีหรือที่ข้าไม่รบเร้าท่าน ตกลงตามนี้นะ ถ้าข้าชนะ ท่านต้องทำตามสัญญา"
"อืม เช่นนั้นก็ได้"
โจวหว่านหรูยิ้มตาหยี ก่อนจะเล่นปาลูกดอกกับโจวอวี้หานอย่างมีความสุข ไม่นานนักโจวอวี้หานก็ขอตัวออกไปที่นอกจวน บอกว่านัดหมายสหายผู้หนึ่งเอาไว้ น่าเสียดายที่นางไม่ได้ติดตามไปด้วย
โจวหว่านหรูยิ้มให้พี่ชายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับห้องนอนของตนเอง ระหว่างทางนางยื่นมือไปรองรับหิมะสีขาวบริสุทธิ์ ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ชีวิตนางชาติที่แล้วก็เปรียบเสมือนหิมะบริสุทธิ์เหล่านี้ แรกเริ่มก็งดงามขาวสะอาด พอผ่านวันเวลาที่แสนเจ็บปวด มันก็ถูกอาบย้อมด้วยหยาดน้ำตา จนสุดท้ายก็ละลายหายไปไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยให้ผู้คนนึกถึง
โจวหว่านหรูจ้องมองหิมะในมือของตน ดวงตาคู่งามมีความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวฉายชัดในแววตา
ชาตินี้นางจะต้องปกป้องคนในตระกูลโจวให้อยู่รอดปลอดภัยให้ได้
นับแต่นี้นางจะไม่ขอผูกมัดและทุ่มเทเพื่อบุรุษใดให้เจ็บช้ำใจอีกแล้ว