5
10.30 น. วันต่อมา
บุหงันที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีพราวฟ้านั่งบนพื้นบีบนวดฝ่าเท้าให้ ละสายตาจากทีวีจอยักษ์มองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในบ้าน มือทั้งสองข้างถือถุงกระดาษและถุงอาหารมาหลายใบ เจ้าของเรือนกายผู้นั้นคือยุรนันท์ แขกคุ้นเคยบ้านหลังนี้
“หอบอะไรมาเยอะเชียวเฮิร์ป” บุหงันทักถาม
“คุณยายกลับมาจากเกาหลีครับ ท่านซื้อของมาฝากคุณย่าหลายอย่าง คุณยายจะมาเองแต่ก็ปวดหลังปวดเอว ผมเลยเอามาให้คุณย่าครับ มีโสมด้วยนะครับ”
ยุรนันท์ตอบ วางถุงของฝากลงบนโต๊ะ
“ซื้อฝากมาเยอะเชียว ฝากขอบคุณคุณยายด้วยนะที่นึกถึงกัน” บุหงันตอบกลับ “ย่าก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปให้คุณยาย ละอายใจจัง”
“คุณยายไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ คุณยายบอกว่า ถ้าหายปวดหลังปวดเอวจะแวะมาคุยกับคุณย่าครับ” ยุรนันท์พูดต่อ
“คุณย่าคะ เดี๋ยวทรายจะทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ทรายทำเผื่อไปให้คุณยายพี่เฮิร์ปดีไหมคะ” พราวฟ้าเสนอ
“ดีๆ แกทำเผื่อเยอะๆ เลยนะ จะได้กินทั้งบ้าน” บุหงันเห็นด้วย “ฝีมือทำอาหารของทรายไม่เป็นสองรองใครนะ แต่บ้านนี้ลิ้นเทวดาหรือไม่ก็ลิ้นชาถึงได้บอกว่าไม่อร่อย”
ยุรนันท์ยิ้มกับคำพูดกระทบกระทียบของบุหงัน
“คุณย่าพูดแบบนี้ชักอยากลองชิมฝีมือทรายซะแล้ว อยากรู้ว่าจะอร่อยตามที่คุณย่าพูดหรือเปล่า”
“งั้นก็ลองกินตอนเที่ยงไหมล่ะ ถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็อยู่กินข้าวกับย่าก่อน ทรายทำข้าวผัดปลาสลิดกับแกงจืดปลาหมึกยัดไส้หมูสับ ลองกินดูแล้วจะติดใจ”
“ผมว่างครับ แล้วก็เริ่มหิวหน่อยๆ ด้วย” ยุรนันท์ตอบรับคำชวน
“แกทำเผื่อเฮิร์ปด้วยนะ ทำให้สุดฝีมือล่ะ ฝีมือแกจะได้ประจักษ์กับคนอื่นบ้าง จะให้รู้ว่ารสมือแกไม่เป็นรองใคร”
“ค่ะคุณย่า ทรายไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ต้องจัดเตรียมทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนด้วยค่ะ”
“อืม ก็ไปสิ ใครรั้งแกไว้มิทราบ” บางครั้งบุหงันเหมือนเอ็นดูหลานสะใภ้ แต่บางครั้งก็ทำราวกับว่าไม่ชอบหน้า พราวฟ้ารีบเดินไปยังห้องครัวทันที “ไม่ได้ดั่งใจเลย”
“ทรายไม่ได้ดั่งใจอะไรคุณย่าครับ เท่าที่ผมเห็น ทรายก็ดูกลัวเกรงคุณย่า ไม่น่าจะขัดใจคุณย่านะครับ” ยุรนันท์ถาม
“โอ๊ย แม่นี่ขัดใจหลายอย่างเลยแหละ บอกให้มีปากมีเสียงบ้างก็ไม่ทำ ปล่อยให้ตัวเองถูกโขกสับถูกต่อว่าไม่เว้นวัน โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกให้แต่งหน้าทาปากบ้างก็ไม่เอาบอกไม่ชอบ เสื้อผ้าก็เหมือนกันย่าจะให้เงินไปซื้อแบรนด์หรูๆ แพงๆ ตัวเองใส่จะได้ดูดี มีรสนิยมก็ไม่เอาอีก พูดมาได้ว่ามันแพง เสียดายเงิน ทั้งที่เงินที่ซื้อไม่ใช่เงินมันแต่เป็นเงินย่าที่อยากซื้อให้ใจแทบขาด นี่แหละที่ทรายขัดใจย่า พูดว่าก็แล้ว พูดกระทบก็ด้วยแทนที่จะทำตามสั่ง กลับทำตาบ๋องแบ๋วใส่ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด ปล่อยตัวเป็นอีเพิ้งประเดี๋ยวหมาได้คาบผัวไปกินพอดี” นางตอบเป็นชุด ยุรนันท์ฟังแล้วเข้าใจทันทีว่า บุหงันเป็นห่วงพราวฟ้ามากกว่าเกลียดชัง เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องทิวาทิพย์ อดีตคนรักปรินทร์ที่เหมือนกำลังเข้ามาเป็นมือที่สาม “วันนี้ตอนเย็นทรายมีนัดไปกินข้าวดูหนังกับโดม แต่งตัวโทรมๆ ไปผัวที่ไหนจะมอง จะสู้แม่สาวโฉบเฉี่ยวไม่ได้ ยิ่งพูดยิ่งขัดใจ เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น มีแต่คนอยากแต่งตัวสวยๆ มีทรายนี่แหละ นั่นก็ไม่เอา โน่นก็ไม่เอา”
ก็จริงตามที่บุหงันพูด หากเทียบระหว่างพราวฟ้ากับทิวาทิพย์ สองสาวแตกต่างกันมาก แต่สำหรับเขา พราวฟ้าเป็นผู้หญิงสวยหวาน ทิวาทิพย์สวยเฉี่ยว แต่หากมองนานๆ พราวฟ้าชวนมองมากกว่า มองได้แบบไม่มีเบื่อ
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมกินข้าวเสร็จ ผมจะพาทรายไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ แล้วให้เปลี่ยนไปหาโดมเลย โดมจะได้ตกใจที่เห็นเมียเปลี่ยนไป”
พูดจบก็ตกใจกับคำพูดตัวเอง ว่าเสนอตัวได้อย่างไร เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจพราวฟ้า ยังคิดไม่ออกว่า เวลาพาเธอไปเลือกซื้อของ เขาสะดวกใจมากแค่ไหน คงฝืนทนน่าดู แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตนเอง
“ก็ดีสิ แต่ทรายจะยอมเหรอ มันยิ่งดื้อเงียบอยู่ด้วย” นางดีใจ และมีความเป็นกังวล
“ผมจัดการเองครับ คุณย่าเชื่อมือผมได้เลยครับ ระดับผมแล้วเรื่องแค่นี้สิวๆ” ยุรนันท์พูดอย่างมั่นใจ
“ย่าฝากด้วยนะ เนรมิตทรายให้เป็นนางฟ้าเลยนะ รำคาญรูปลักษณ์คนใช้ของมันเต็มทนแล้ว” นางดีใจที่มีคนช่วย “เดี๋ยวย่าให้เงินไปซื้อของให้ทรายนะ”
“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง”
“ย่าเกรงใจ เอาเป็นว่า ย่าให้เงินไปก็แล้วกันนะ” นางยืนกรานตามความตั้งใจเดิม
“ครับ แล้วแต่คุณย่าครับ” ยุรนันท์ไม่ขัด บุหงันว่าอย่างไรเขาก็ว่าตามนั้น ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกสักพัก ยุรนันท์ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องครัว
ยุรนันท์ไม่เคยสนใจเข้าครัว แต่พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เหมือนมีอะไรดลใจให้เขาหันไปมองห้องนั้น ก่อนที่เท้าจะเดินไปห้องครัวทั้งที่หัวยังไม่ทันคิด ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงประตูห้อง มองแม่ครัวจำเป็นจัดล้างผักอยู่ตรงอ่างล้างจาน เมื่อพราวฟ้าหันหลังกลับมาวางกะละมังใส่ผักลงบนโต๊ะเตรียมอาหาร ยุรนันท์ก้าวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ากับที่เธอยืนอยู่
“ไม่มีคนอื่นช่วยเหรอ” ยุรนันท์ถามเพราะไม่เห็นคนรับใช้ในห้องนี้
“ไม่มีค่ะ เวลาทรายเข้าครัว ทรายมักทำคนเดียว”
เป็นอย่างนี้มาตลอด เวลาพราวฟ้าทำอาหาร จะไม่มีคนรับใช้คอยช่วย แม้แต่สามีสุดที่รักยังไม่เคย ทำให้เธออดนึกถึงตอนทิวาทิพย์ทำอาหาร คนรับใช้รวมถึงปรินทร์จะเข้ามาช่วยเป็นลูกมือ พราวฟ้าน้อยใจและเสียใจ แต่ก็ไม่อาจปริปากระบายให้ใครฟังได้ ที่ไม่มีใครมาช่วยเป็นเพราะอรุณสั่งห้ามคนรับใช้นั่นเอง
“ทำคนเดียวไม่เหนื่อย ไม่ยุ่งเหรอ”
ยุรนันท์พอจะรู้เหตุผล แต่ก็ไม่พูดซ้ำเติมให้อีกฝ่ายเสียใจ
“ไม่ค่ะ แค่ทรายมาทำก่อนเวลาอาหารสักชั่วโมงครึ่ง มันก็ไม่ยุ่ง ไม่ต้องเร่งทำค่ะ”
“ให้พี่ช่วยไหม หาอะไรทำดีกว่านั่งรอกินอย่างเดียว” ยุรนันท์อยากเขกหัวตัวเอง เสนอตัวโดยไม่รู้ตัวเป็นครั้งที่สอง