บทที่ 9
บิดาของโทมาชิต้าเกิดตายลงอย่างกะทันหันและ ในพินัยกรรมก็ระบุไว้ว่า ให้ทางคอนแวนต์แซคเคร็ดฮาร์ท ส่งข่าวไปแจ้งให้ดอน ครุซ อัลมิคาร์ เควอเรโร่ ให้มารับตัวเจ้าสาวไปด้วย
ครุซออกจะเสียใจที่สถานการณ์ทำให้สัมพันธภาพระหว่างตัวเขากับสโลนต้องยุติลงชั่วคราว ทั้งนี้เพราะเมื่อมาถึงเวลานี้ โดน่า ลูเซียได้ตั้งใจมั่นแล้วว่า ลูกสะใภ้ของนางมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือสาวน้อยชาวสเปนที่เขาพากลับบ้านมาด้วยนั่นเอง
ออกจะโชคดีที่โทมาชิต้าไม่ได้รับรู้ถึงข้อตกลงที่บิดาของทั้งสองฝ่ายทำไว้แก่กันและครุซก็ได้ห้ามปรามมารดาอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เล่าเรื่องนั้นให้เด็กสาวฟัง เขาต้องการให้โทมาชิต้ารับรู้แต่เพียงว่า เขาคือผู้ปกครองของเธอจนกว่าจะถึงวันที่เธอแต่งงานออกเรือนไป
เขาได้ขอให้มารดาจัดงานเลี้ยงรับรองครั้งนี้ขึ้น ก็ด้วยความหวังที่ว่า จะได้พบชายหนุ่มสักคนที่เหมาะสมกับโทมาชิต้ายิ่งกว่านั้น ถ้าข่าวความงามของสาวน้อยผู้นี้กระจายออกไป เขาเชื่อว่าจะต้องมีชายหนุ่มมาเยี่ยมเยือนจนเปิดบ้านรับไม่ทันแน่เขาตั้งใจไว้แล้วว่า ในงานเลี้ยงรับรองครั้งนี้ เขาจะต้องสังเกตให้ได้ว่าโทมาชิต้ามีความสนใจในหนุ่มคนใดเป็นพิเศษ
“ถ้าแกฉลาด ก็ควรจะอ้างสิทธิ์ในตัวโทมาชิต้าเสียในงานครั้งนี้เลย”
“ผมไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปอ้าง”
ทันใดก็มีเสียงวิ่งเข้ามาขัดจังหวะการโต้แย้งของครุซกับมารดา
“ปาป้า...ปาป้า... ”
ครุซกางแขนกว้างโอบร่างลูกชายวัย 3 ขวบที่พุ่งตัวเข้ามาหา ตวัดร่างขึ้นไว้และกอดแรงๆ
“ไดอะบลิโต้...! อะไรมันไล่ตามหลังมาหรือลูก?” ครุซร้อง
“เขามาแล้ว... ซ่อนผมด้วย... พลอนโต้...!” ซิสโค่ซุกใบหน้าอยู่กับซอกคอครุซ ด้วยหวังว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ร่างของแกเลือนหายไปได้ด้วยเช่นกัน
“ใครกันที่ไล่ตามมา?”
ในนาทีเดียวกันนั้น ร่างของสาวน้อยแสนสวยคนที่โดน่า ลูเซียหวังจะให้แต่งงานกับครุซก็ถลาเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง
“โฮลี่ แมรี่...ฉันไม่ทราบว่า...คือฉันไม่คิดว่า...เราเพียงแต่...โฮลี่ แมรี่...”
ครุซมองใบหน้าแดงก่ำหญิงสาวที่เขาพาตัวมาจากสเปน เธอพับแขนเสื้อขึ้นไว้จนถึงข้อศอกเผยให้เห็นท่อนแขนเรียวงาม พวงผมรุ่ยร่ายหลุดจากที่เกล้าไว้ ดวงตาคู่สีน้ำเงินเข้มเป็นประกายด้วยการหัวเราะ
เขารู้สึกเห็นใจเธออย่างมาก มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหลงรักผู้หญิงที่แสนสวยและน่ารักเช่นนี้ ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ได้มอบหัวใจให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งไปแล้ว เธอคือผู้ที่จะนำความชื่นบานมาสู่ชีวิตและความไร้เดียงสาต่อโลก ซึ่งครั้งหนึ่งสโลนก็เคยเป็นเจ้าของ เพียงแต่ถูกน้องชายของเขาปล้นไปจากเธอเสียก่อน
“โทมาชิต้า... กิริยาอย่างนี้ไม่สมควรที่ผู้หญิงจะแสดงออกมา กลับไปห้องของเธอเดี๋ยวนี้...!”
“ค่ะ โดน่า ลูเซีย... หนูขอโทษ...”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก” ครุซบอก ไม่อยากเห็นเด็กสาวถูกลงโทษกับการทำตัวแบบเด็กๆ ทั้งที่เธอเองก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ “ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ผมคิดว่าซิสโค่สนุกกับเกมนี้เสียด้วยซ้ำ จริงไหม นิโน่…?” เขาขยี้ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมหยักศกสลวยแรงๆ
“ซิ...ปาป้า” ซิสโค่ยิ้มกว้างให้ครุซ
“ขอบคุณในความกรุณาค่ะ ดอน ครุซ” โทมาชิต้าพูดอย่างสงบเสงี่ยม แต่พอสบสายตาโดน่า ลูเซียเข้าก็รีบถอยออกจากห้อง “หนูขอโทษค่ะที่มารบกวนคุณ”
แต่ก่อนที่เธอจะทันพ้นจากห้อง ครุซก็รีบพูดขึ้นเสียก่อน
“เราคุยกันจบเรื่องแล้วละ แล้วนี่ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วด้วย ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องกลับไปห้องหรอก ขืนกลับไปเดี๋ยวก็ต้องออกมาอีก”
เขารู้ว่าตัวเองต่อต้านคำสั่งของมารดาอยู่ แต่เมื่อเหลือบมองไปทางโดน่า ลูเซีย เขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาของนางบอกความพอใจ ไม่ได้ขุ่นเคืองอย่างที่เขาคิดเขาโน้มตัววางร่างซิสโค่ลงยืนกับพื้นห้อง
“สำหรับเรา เจ้าเด็กซน ไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกินอาหารได้แล้ว โจเซฟาไปไหนล่ะนี่?”
“ฉันเป็นคนบอกกับโจเซฟาเองค่ะ ว่าจะช่วยดูแลซิสโค่ให้” โทมาชิต้าบอก “ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการช่วยอะนาตั้งโต๊ะอาหารอยู่ค่ะ”
“เอ้า... ถ้าเช่นนั้นผมเห็นจะต้องคืนซิสโค่ให้คุณเอากลับไปดูแลต่อ” ครุซรุนร่างลูกชายให้ไปทางโทมาชิต้า“เป็นเด็กดีนะลูกแล้วก็อย่าดื้อกับโทมาชิต้า”
“ซิ... ปาป้า... ” เด็กชายตอบเสียงหวาน “ผมชอบโทมาชิต้าครับ เล่นกับโทมาชิต้าสนุกกว่าเล่นกับโจเซฟาตั้งเยอะ”
ครุซหันไปทางมารดา พร้อมกับบอกว่า
“ตอนนี้ ผมยังมีงานที่จะต้องทำให้เสร็จก่อนกินอาหารแล้วพบกันนะมาม่า”
เมื่อครุซออกจากห้องไปแล้ว โดน่า ลูเซียก็เดินเข้ามาหาโทมาชิค้าที่กำลังอุ้มซิสโค่ไว้ในอ้อมแขน
“ฉันเห็นด้วยที่ลูกชายฉันอนุญาตให้เธอร่วมโต๊ะอาหารกับเรา แต่ก่อนจะนั่งโต๊ะ ดูแลผมเผ้าหน้าตา แล้วก็เอาแขนเสื้อที่พับลงเสีย อย่าลืมกลัดกระดุมเสื้อทุกเม็ดให้เรียบร้อยด้วย หลังจากกินเสร็จแล้วเธอจะต้องกลับไปห้องคุกเข่าอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงเมตตาสั่งสอนให้เธอมีมรรยาทดีกว่านี้ เข้าใจไหม?”
เมื่อพูดจบนางก็หันหลังให้เด็กสาว เดินตัวตรงด้วยท่วงท่าสง่างามออกไปจากห้อง...
เมื่อลับร่างโดน่า ลูเซีย โทมาชิต้าก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ท่าทางของโดน่า ลูเซีย เตือนใจให้เธอนึกถึงแม่อธิการมาเรีย เดอ ลอสแองเจลลีสอย่างที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเธอก็ยังอยากจะกลับไปอยู่คอนแวนต์แห่งนั้นมากกว่า แม้จะรู้ว่าการอยู่ที่นั่นจะไม่มีอิสระเช่นอยู่ที่นี่ก็ตาม
โทมาชิต้ายืดร่างขึ้น แต่งยิ้มสดใสไว้บนใบหน้า
“มา... เราไปกันเถอะซิสโค่ ไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกินอาหารกันดีกว่า”
สโลนเอนหลังพิงอยู่กับต้นไซเปรส... ริมฝั่งแม่น้ำบราซอส ในท่ามกลางแสงแห่งยามอรุณรุ่ง จับตามองเหยี่ยวตัวหนึ่งที่กระหยับปีกลอยตัวสูงขึ้นไปในท้องฟ้าสีครามที่ปราศจากหมู่เมฆ
เป็นเวลา 5 วันแล้ว นับแต่วันที่ครุซบุกมาหาเธอวันนั้น มันเป็นห้วงเวลาที่เธอเต็มไปด้วยความวิตกไม่รู้ว่าเขาจะยกพวกคนงานในไร่บุกมาเอาตัวเธอไปเช่นที่ได้ลั่นวาจาไว้จริงหรือไม่
โดยความเป็นจริงแล้ว เธอไม่สมควรจะมาทอดร่างอยู่ตรงนี้เลย ในฐานะที่เป็นผู้จัดการไร่ทรี โอ๊คส์ เธอมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบมากมาย อย่างไรก็ตาม เธอได้มอบหมายงานส่วนใหญ่ให้กับอังเคิ่ล บิลลี่ไว้แล้วโดยเฉพาะการควบคุมทาสเก็บฝ้ายในไร่ เธอต้องการเวลาเพื่อใช้ความคิดเรื่องส่วนตัวบ้าง
เธออยากจะปรึกษาปัญหาชีวิตนี้กับใครสักคนอย่างที่สุด ดังนั้นจึงส่งจดหมายไปหาคริกเก็ต เผื่อว่าน้องสาวคนเล็กซึ่งดูจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดจะสามารถเดินทางมาหาเธอได้บ้าง แต่คริกเก็ตก็ได้ตอบจดหมายมาตามแบบฉบับของตนเอง
สโลนที่รัก
รับรองว่าพี่ต้องไม่เชื่อแน่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันท้องอีกแล้ว...! อันที่จริงมันก็น่าโล่งใจอยู่หรอกที่ไม่ต้องมีประจำเดือนถึง 9 เดือน แต่ฉันว่าตัวเองยิ่งกว่าไก่เสียอีก เพราะต้องหัวซุกหัวซุนอยู่กับการอาเจียนแพ้ท้องตลอดเวลาเพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องพูดหรอกนะ ว่าขณะนี้ ฉันไม่อยู่ในสภาพที่จะเดินทางบนหลังม้าได้เลย
จะอย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อว่าพี่จะต้องสามารถแก้ปัญหาเรื่องครุซได้ด้วยตัวเองแน่เพราะพี่เป็นคนเก่ง สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อยู่แล้ว...คิดดูก็แล้วกัน ว่าพี่เคยช่วยแก้ปัญหาให้ฉันกับเบย์มาได้ขนาดไหน ไม่เป็นไรนะฉันจะคอยติดต่อมาบ่อยๆ ก็แล้วกัน อย่าลืมเล่าให้ฟังบ้างว่าผลมันออกมาเป็นอย่างไร.
จากน้องสาวที่กำลังท้องของพี่
คริกเก็ต
ปล. ครีดกับเจสสีฝากความรักมาด้วย
สโลนถอนหายใจ บางทีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับน้องสาวคนเล็กอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็เป็นได้...
“เฮลโล่...!”
สโลนกระเด้งขึ้นทั้งตัวหันขวับไปยังที่มาของเสียงพร้อมกับโคลท์ แพตเตอร์สันที่กระชับอยู่ในมือ
“คุณพระช่วย... ลุค... ทีหลังอย่าแอบเข้ามาอย่างนี้อีกนะ ฉันเกือบจะยิงออกไปแล้วนะนี่”
ลุคยิ้มเขิน แววแห่งการขออภัยฉายแสงอยู่ในดวงตาคู่สีน้ำตาลแกมทอง ยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปรกย้อยอยู่บนหน้าผาก
“ขอโทษจริงๆ บางทีการเป็นทหารหน่วยแรงเยอร์มันก็เลยทำให้การด้อมๆ มองๆ แบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาไป... แต่คราวหน้าจะบอกให้รู้ตัวเสียก่อน สำหรับคราวนี้...คุณหายโกรธผมหรือยังล่ะ?”
“มานั่งตรงนี้เถอะ” สโลนชี้ไปยังพรมหญ้าใกล้ตัว “ฉันก็กำลังอยากมีเพื่อนคุยอยู่พอดี”