ตอนที่ 4
หล่อนกัดฟันลุกขึ้นยืน มองเขาตาขุ่นขวาง และกระโจนไปขวางหน้ารถเอาไว้
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เขตพนาหรี่ตาแคบมองร่างเล็กของเด็กผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“เอ่อ... ผมจะรีบไล่ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองหน้าบูดบึ้ง
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
แล้วเขตพนาก็ก้าวลงจากรถ และเดินไปหยุดตรงหน้าของแม่เด็กสาวที่ยืนกางแขนขวางหน้ารถเอาไว้อยู่ทันที
พุดซ้อนถึงกับร้อนฉ่าไปทั้งตัว เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับจอมมารในคราบเทพบุตร ยืนอยู่ห่างหล่อนแค่เพียงไม่ถึงก้าว หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา มองผู้ชายที่ตัวโตกว่ามากมายด้วยความหวั่นไหว
โอ้ หัวใจทำไมเต้นแรงแบบนี้ ท่องไว้สิพุดซ้อน ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนหน้าเลือด เป็นเจ้าหนี้จอมโหดที่รีดไถ่คนจน
เกลียดเขา ท่องไว้ เกลียดเขา เกลียดผู้ชายคนนี้ แต่ถึงแม้จะสั่งตัวเองแค่ไหน แต่สุดท้ายหัวใจก็ไม่เคยเชื่อฟัง ตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าไปเสียแล้ว
“เธอมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ”
น้ำเสียงกระด้าง ถือเนื้อถือตัวของเขตพนาทำให้หล่อนหลุดออกมาจากภวังค์ได้สำเร็จ หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง เสหลบสายตาจากดวงตาคมกริบ มาจ้องมองแค่ที่แผงอกที่โผล่พ้นคอเสื้อเชิ๊ตสีเขียวขี้ม้าแทน
“เรื่อง... โฉนดของพ่อ”
“หึ?”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ แต่หล่อนคิดว่าเขาเสแสร้งแกล้งทำมากกว่า
“คุณอย่ามาทำเป็นตาแก่ไขสือหน่อยเลย คุณให้เงินพ่อฉันยืมสามแสน แลกกับโฉนดบ้านของครอบครัวเรา”
สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือความราบเรียบในดวงตาคมกริบชวนหลงใหลคู่นั้น
“พ่อเธอมายืมเงินฉันไปสามแสน?”
“ใช่ค่ะ”
“เมื่อไหร่?”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง มองเขาตาขุ่นขวาง รู้สึกไม่ชอบใจกับคำถามยียวนของเขาเอาเสียเลย
“ฉันจะไปทราบเหรอคะ ในเมื่อคุณกับพ่อของฉันตกลงกันเอง โดยที่ฉันกับแม่ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจอะไรเลย”
หล่อนเห็นรอยยิ้มน้อยๆ กระตุกที่มุมปากของผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้า แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้นเลย
“งั้นถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอคงจะมาเจรจาขอผ่อนผันหนี้สินสินะ”
“ใช่ค่ะ”
ไหล่กว้างทรงพลังไหวน้อยๆ ก่อนที่เขาจะโน้มศีรษะต่ำลงมาหา
“เธออายุเท่าไหร่แล้วล่ะปีนี้น่ะ”
แก้มของหล่อนแดงระเรื่อ เสหลบสายตาคมกริบของเขา
“คุณจะรู้ไปทำไมคะ”
“ก็แค่อยากรู้ ตอบได้ไหมล่ะ”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรงอีกครั้ง
“จะสิบแปดเต็มเดือนหน้าแล้วค่ะ”
หล่อนเห็นเขาพยักหน้ารับน้อยๆ พร้อมกับไหวไหล่ที่กว้างมากๆ ไปมา
“งั้นเข้าไปคุยกันในบ้าน”
หล่อนเผยอตัวระบายยิ้มออกมาด้วยความดีใจ และด้วยความลิงโลดดีใจนี้เอง ทำให้หล่อนไม่ทันได้มองเห็นแววตาตื่นตะลึงของผู้ชายตรงหน้า
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ร่างสูงใหญ่ของเจ้าหนี้โหดเดินกลับไปขึ้นรถ และเขาก็ขับผ่านรั้วเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังงาม ในขณะที่หล่อนยังคงยืนยิ้มกว้างอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาเรียกนั่นแหละ
“เข้าไปสิ คุณเขตอนุญาตแล้ว”
“เอ่อ... ค่ะ”
หล่อนรีบก้าวผ่านรั้วสูงใหญ่เข้าไปภายในอาณาเขตของคนรวย หัวใจเต็มไปด้วยความหวังจนล้นปรี่ ขอให้สำเร็จ ขอให้หล่อนเจรจาได้สำเร็จทีเถอะ
หล่อนยกมือขึ้นท่วมหัวและนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือตลอดเวลา
หล่อนก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์หรู ก่อนจะยืนนิ่งตะลึงงันกับความโอ่อ่า วิจิตรอลังการของเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในบ้านหลังนี้
“สวยเหลือเกิน...”
หล่อนหยุดมอง และหมุนไปรอบๆ ตัวอย่างตื่นตะลึง ดวงตากลมโตสุกใสเบิกกว้าง หล่อนไม่เคยเห็นบ้านใครสวยขนาดนี้มาก่อน ที่นี่ไม่ต่างจากราชวังสวยๆ ที่หล่อนเคยดูผ่านจอโทรทัศน์เลยแม้แต่น้อย
เท้าบอบบางที่ย่ำลงกับพรมหน้านุ่มสบายเท้าไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อน เพราะเกรงว่าสัมผัสจากคนยากจนข้อแค้นอย่าหล่อนจะทำให้ข้าวของพวกนี้เสื่อมโทรมเสียราคา
ตอนนี้หล่อนไม่ต่างอะไรไปจากหนูสกปรกจากถังขยะที่พลัดหลงเข้ามาในพระราชวังแสนสวยเลยแม้แต่น้อย
“จะยืนคุยกับฉันหรือไง”
เสียงห้าวไม่ค่อยเป็นมิตรนักของเจ้าหนี้โฉดดังขึ้น และทำให้หล่อนสะดุ้งโหยง หันมามองเขา ก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมองมาอยู่ มองมาด้วยสายตาที่มืดลึกดำทะมึนอ่านความรู้สึกไม่ออก
“มานั่งตรงนี้สิ”
“เอ่อ...”
หล่อนรู้สึกกระอักกระอวนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งของเขา เพราะขืนทำให้เขาไม่พอใจ ความหวังของหล่อนก็อาจจะพังทลายก็เป็นได้
“ค่ะ”
หล่อนขยับเท้าเข้าไปหยุดใกล้ๆ เขาที่นั่งรออยู่บนโซฟาสีทองตัวใหญ่ ตกแต่งอย่างดีจนหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะสัมผัสมัน
พุดซ้อนยืนลังเลอยู่อึดใจก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงช้าๆ และนั่งลงกับพื้นพรมแทนการนั่งบนโซฟา
“เฮ้ย... นั่งกับพื้นทำไม มานั่งบนโซฟานี่”
เขตพนารีบแย้ง
“ฉันกลัวโซฟาคุณเปรอะน่ะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า
“มันจะเปรอะอะไร เธอไม่ได้อาบน้ำมาหรือไงเมื่อเช้านี้น่ะ”
“อาบ”
“ถ้าอาบน้ำแล้ว มันจะเปื้อนได้ยังไง ขึ้นมานั่งบนโซฟา”
เขาออกคำสั่งเสียงดุกระด้าง แต่หล่อนก็ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม