4
บทที่4
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นสุภาษิตไทยว่าแบบนั้น ในเมื่อจะกลับจวนสกุลอู่ เหมยตาฮวยจึงคิดว่าควรลาผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้าน ไปลามาไหว้ไม่เกินจริง
“คาราวะท่านป้าจาง” เหมยตาฮวยยอบกายลงเล็กน้อยอย่างที่ชิงชิงพร่ำสอนก่อนมา
จางฮูหยินถึงกับหางคิ้วกระตุก อู่เหมยตาฮวยไม่เคยเคารพนับถือนางเลยสักครั้ง มาอาศัยอยู่จวนนี้ด้วยบารมีของฮองเฮาถือตนว่าตัวเองเป็นถึงท่านหญิง หากไม่ใช่ว่านางเป็นมารดาของจางซานฟง เชื่อว่าอู่เหมยตาฮวยคงให้นางเป็นฝ่ายทำความเคารพเสียเอง
“เข้ามานั่งก่อน ข้ากำลังคุยกับไป๋ซานอยู่พอดี นางบอกว่าเจ้าดีขึ้นแล้ว” สตรีวัยกลางคนกวักมือเรียกให้ผู้มาใหม่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะ
เหมยตาฮวยเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างไป๋ซาน ดูจากกริยาอาการที่จางฮูหยินแสดงกับไป๋ซาน คงจะเอ็นดูคนรักของบุตรชายไม่น้อย ต่างจากนางที่เป็นคู่หมั้น จางฮูหยินดูเกรงอกเกรงใจมากกว่า
“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ”
“เป็นอย่างไรบ้างพักผ่อนจนหายสนิทแล้วใช่ไหม ข้าไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนเจ้าที่เรือนแต่ก็ฟังข่าวคราวจากหมอหลวงตลอด เพราะช่วงนี้ปวดขาเดินไกลๆ ไม่ค่อยจะไหว ดีมีไป๋ซานมานั่งคุยเป็นเพื่อนช่วยคลายเหงาได้บ้าง”
“ดูท่านป้าจะสนิทสนมกับแม่นางไป๋”
จางฮูหยินกลัวเหมยตาฮวยจะไม่พอใจจึงรีบแก้ตัว
“ไม่ได้สนิทสนมเท่าไรหรอก นางเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทข้า เห็นกันมาตั้งแต่เยาว์วัย คนกันเอง ฮ่าๆ"
“ข้าก็เติบโตมาพร้อมๆ กับคุณชายจาง ไม่เห็นท่านป้านั่งกุมมือข้าแบบแม่นางไป๋เลยนะเจ้าคะ” เหมยตาฮวยปรายตามองยิ้มๆ นึกเอ็นดูว่าที่แม่ผัวลูกสะใภ้ ถ้ารักกันดีแบบนี้นางก็หายกังวล หากถอนหมั้นกับจางซานฟงแล้ว เขาแต่งกับไป๋ซานแทน จางฮูหยินย่อมไม่รังแกลูกสะใภ้
“อ่อ” จางฮูหยินรีบชักมืออกเผลอตัวแสดงความสนิทสนมกับไป๋ซานจนเกินไปอีกจนได้ จริงอยู่ที่นางเอ็นดูไป๋ซานมากกว่า เพราะตั้งแต่นางมาขออาศัยอยู่จวนหลังจากที่บุตรชายไปออกศึก ก็มีไป๋ซานนี่ล่ะที่ค่อยมาแวะเวียนพูดคุยด้วยสม่ำเสมอ ยกเว้นอาหารการกินที่มีเหมยตาฮวยทำมาให้ทุกมื้อ คู่หมั้นของบุตรชายคงมีดีแค่ข้อนี้กระมัง “แล้วเจ้าจะเข้าครัวอีกวันไหนล่ะ สั่งคนงานได้เลยนะ”
เข้าครัว ข้าเนี่ยนะเข้าครัว ราชินีแกงถุง เจ้าแม่เดลิเวอรี่ คงเป็นเหมยตาฮวยคนเก่ามากกว่าที่เข้าครัว ให้ข้าคนนี้เข้าครัวมีหวังได้เผาจวน จุดไฟเป็นหรือเปล่าเถอะ เอาเรื่องเจ็บป่วยบังหน้าไปก่อนก็แล้วกัน
“ข้ายังไม่รู้สึกไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ ที่มาวันนี้เพียงอยากจะเรียนท่านป้าว่า ข้าได้ส่งจดหมายไปสกุลอู่แล้ว ข้ามาขออนุญาตท่านป้ากลับจวนสกุล” ขอเหมือนไม่ได้ขอ ก็เล่นส่งจดหมายไปแจ้งคนที่สกุลอู่ก่อนแล้ว
“เจ้าจะกลับสกุลอู่!”
“ดีเลยไปวันไหนข้าจะให้บ่าวรับใช้ช่วยขนของให้” ไป๋ซานแทบจะลุกขึ้นกรีดร้องดีใจ ที่อยู่ๆ เหมยตาฮวยก็ระเห็จตัวเองออกจากจวนนี้ไปเองโดยที่นางไม่ต้องลงมือ
“เดี๋ยวคนของสกุลอู่จะมาจัดการทั้งหมดเอง ข้าว่าแม่นางไป๋อย่ายื่นจมูกเข้ามาในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองจะดีกว่าเอาเวลาไปประจบ เอ้ยดูแลท่านป้าเถิด”
“เจ้า! ข้าแค่หวังดี ท่านป้าดูนางสิ นางว่าข้า" ไป๋ซานหันมาฟ้องผู้อาวุโส
หวังดีกับผีสิ ใครมันจะไปหวังดีกับหอกข้างแคร่กันเล่า อยากสาระแนมากกว่า เหมยตาฮวยลอบกลอกตา
“ไป๋ซาน เจ้าขึ้นเสียงกับเหมยตาฮวยแบบนี้ไม่ได้” ไม่ใช่เข้าข้างเหมยตาฮวย แต่นางกำลังปกป้องไป๋ซาน หากเหมยตาฮวยไม่พอใจไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมยตาฮวยนิสัยเป็นอย่างไรคนทั้งเมืองหลวงรู้ดี แค่ขี่ม้าแล้วม้าพานางตกหลุมเล็กๆ นางยังสั่งฆ่าม้าตัวนั้นทิ้งทันที มาอยู่จวนสกุลจางบ่าวรับใช้คนไหนทำงานไม่ถูกใจนางก็สั่งโบย ไม่เห็นแก่ข้าเป็นเจ้าของจวนแม้แต่น้อย นางในตอนนี้ไร้กำลังจะปกป้องผู้ใด รอเพียงให้บุตรชายกลับมาเสียก่อนจะดีกว่า เหมยตาฮวยยอมลงให้ซานฟงผู้เดียว
“ท่านป้า” ไป๋ซานน้ำตาคลอ นางเพียงขึ้นเสียงเล็กน้อย ทีนังเหมยตาฮวยหลอกด่าว่านางแส่ไม่เข้าเรื่องท่านป้ากลับนิ่งเฉย แม้ท่านจะเอ็นดูนาง แต่หากเป็นเรื่องระหว่างนางกับเหมยตาฮวย ไป๋ซานก็จะเป็นฝ่ายผิดเสมอ
“เจ้าจะกลับจวนแล้วฮองเฮาทราบแล้วใช่ไหม” หากเหมยตาฮวยกลับจวนสกุลอู่ก็เป็นเรื่องดีกับทุกคน บุตรชายของนางจะได้กลับบ้านเสียที
“ข้ายังไม่ได้เรียนเสด็จป้า แต่เรื่องนั้นไม่ยากหรอกเจ้าค่ะ”
“ตามใจเจ้าเถอะ หากต้องการคนงานช่วยขนของก็บอกนะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม เข้ากับคนแก่ไม่เป็นด้วยสิ ให้มานั่งประจบประแจงนอกเรื่องนอกราวทำไม่เป็นเสียด้วย
เมื่อเหมยตาฮวยเดินพ้นเรือนไปแล้วจางฮูหยินหันไปสั่งแม่บ้านคนสนิท
“เจ้ารีบเขียนจนหมายไปแจ้งแม่ทัพว่าอู่เหมยตาฮวยจะกลับจวนสกุล ให้เขากลับบ้านได้แล้วข้าคิดถึง”
แม่บ้านพยักหน้ารับรีบไปเขียนจดหมายส่งให้คุณชาย สงครามสงบมาหลายเดือนแล้ว แต่แม่ทัพไม่ยอมกลับบ้านเพราะไม่อยากกลับมาอยู่ร่วมจวนเดียวกันกับเหมยตาฮวย อีกทั้งถ้ากลับมาก็ต้องแต่งงานกับเหมยตาฮวยทันที จึงพักอาศัยอยู่นอกเมืองหลวงประวิงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด